Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

134

What’s in store ?

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ   โดยคุณชาญณรงค์ มีชัยเจริญยิ่ง
อัพเดต Momentum Tracker แนวโน้มตลาดหุ้นโลกและสินทรัพย์ต่างๆ
“Highlight”
1  สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นโลกยังคงปรับตัวลดลง -2.9% ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สาม ส่งผลให้มี drawdown ในปีนี้แล้ว -5.1% แต่มีข้อดีคือ ทำให้ momentum tracker ลดความตึงตัวลง หลังจากที่ได้เข้าสู่ภาวะ overbought มาก่อนหน้านี้ ส่วนปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นโลกปรับตัวลงเกิดจากความกังวลเรื่อง (1) higher for longer ของเฟด และ (2) ปัญหาสงครามในตะวันออกกลาง
2  อย่างไรก็ตามยังมีสินทรัพย์ที่ปิดบวกในสัปดาห์ที่แล้ว ได้แก่ โลหะมีค่า โดยเงิน (silver) ปรับตัวขึ้น 2.9% ส่วนทองคำก็ปิด +2% WoW
3  สำหรับตลาดพันธบัตรแม้จะยังเผชิญกับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องนโยบายดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ แต่เริ่มเห็นสัญญาณของการซื้อคืนในพันธบัตร 10 ปีสหรัฐที่ยีลด์โซน 4.6%-4.7%    (อ่านต่อหน้า 3)   
ภาพตลาดและแนวโน้ม  โดยคุณวิกิจ ถิรวรรณรัตน์
หุ้นไทยเริ่มมีภูมิคุ้มกัน? จากแรงขายตกใจภัยสงคราม    
แรงกระตุ้นจากวิตกภัยสงครามตะวันออกกลาง อิหร่าน-อิสราเอล ที่โจมตีกันโดยตรงนั้น นับเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ทำให้นักลงทุนมีความวิตกและ อ่อนไหวมากขึ้นกับภาวะสงคราม เป็นชนวนให้เกิดแรงเทขาย ผสมโรง Shorted sell สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นเกิดใหม่อย่างไทย   ทำจุดต่ำสุดใหม่ ซึ่งเราได้กลับลำคำแนะนำ แนะให้ชะลอการช้อนซื้อหุ้นทันที
จากนี้ไปการปรับฐานจะมีความเสี่ยงขาลงมากขึ้น หรือ น้อยลง จะขึ้นอยู่กับพัฒนาการสงครามว่าจะไปกระตุ้นให้เกิดแรงขายสินทรัพย์เสี่ยง หากแรงขายที่ผ่านมาลดความเสี่ยงไประดับหนึ่งแล้ว คาดตลาดหุ้นไทยจะมีภูมิ และเริ่มยืนได้ แต่จะรีบาวด์ได้แรง หรือ ฟื้นตัวทันที ยังให้น้ำหนักน้อยกว่า 50%
ทำให้เราแนะถือเงินสดเพิ่ม รอจังหวะปล่อยให้ตลาดหุ้นไทยสะท้อนความเสี่ยงภัยสงครามไปอีกระยะหนึ่ง ค่อยกลับมาลุยเล่นหุ้นไทยอีกครั้ง ส่วนกลุ่มที่น่าจะแข็งแกร่งกว่าตลาด คาดหนีไม่พ้นหุ้นเชื่อมโยงน้ำมันดิบ อย่าง PTTEP และโรงกลั่น ตลอดจนหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์
สำหรับกรอบดัชนีฯสัปดาห์นี้คาดแกว่งลง ในกรอบ 1320/1300-1350 จุด
(อ่านต่อหน้า 4)   
หุ้นแนะนำวันนี้ : PSL CPALL
วิเคราะห์ทางเทคนิค   โดยคุณธนรัตน์ อิศรกุล
SET Index…. on fire!
(อ่านต่อหน้า 12)
        
 
 

What’s in store ?

ปัจจัยที่ต้องติดตาม
    ติดตามพัฒนาการ ภาวะภัยสงครามในตะวันออกกลาง
    กระแสข่าวการปรับ ครม.ในประเทศ
    กบน. สุดอั้น ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่ม 50 สตางค์ และเล็งทยอยปรับขึ้นแบบขั้นบันได คาด 50 สตางค์ เพิ่มต้นทุนขนส่งราว 3%
    วันที่ 23 เม.ย. นี้ กกพ. จะเปิดให้ยื่นข้อเสนอโครงการทางด่วน “จตุโชติ-ลำลูกกา” มูลค่าราว 1.9 หมื่นล้านบาท
    กระทรวงการคลังสหรัฐฯ แถลงว่าได้สั่งปรับ SCG Plastics Co จำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 736 ล้านบาท  (บ.ร่วมทุนของ SCC ซึ่งปิดไปแล้ว และตั้งสำรองตั้งแต่ 4Q23 แล้ว)

รายงานวันนี้    โดยนักวิเคราะห์ทางด้านพื้นฐาน
    จีเอฟพีที: GFPT (ซื้อ) – แนวโน้มข้างหน้า แข็งแกร่งขึ้น
    เบทาโกร: BTG (ซื้อเก็งกำไร) – แนวโน้มพลิกเป็นกำไรในเดือน เม.ย.
    ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง: SNNP (ซื้อ) – คาดกำไร 1Q24 ยังไม่ตื่นเต้น ... รอลุ้นจุดตัดเชือกใน 2Q24
รายงานผลประกอบการ
    ธนาคารเกียรตินาคินภัทร: KKP (ขาย) – กำไรดีกว่าที่เราและตลาดคาดมาก
    ธนาคารกรุงไทย: KTB (ซื้อ) – กำไรเป็นไปตามที่เราคาด
    บัตรกรุงไทย: KTC (ขาย) – กำไรเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด
    เอสซีบี เอกซ์: SCB (ซื้อ) – กำไรสูงกว่าเราคาด 8% จากกำไรจากเครื่องทางการเงินสูงกว่าคาด
    ธนาคารทหารไทยธนชาต: TTB (ซื้อ) – กำไรเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด
สรุปประเด็นจาก Quick take
    ปูนซิเมนต์ไทย: SCC (ซื้อ) – ข่าวรัฐบาลสหรัฐสั่งปรับเงินบริษัท เอสซีจี พลาสติกส์ จำกัด

ปฏิทินหุ้น (XD, XR, XW) (อ่านต่อหน้า 20)
Market Statistics Daily
    (รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์, Short Sell, Warrants)

ภาพตลาดและแนวโน้ม    Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ    อัพเดต Momentum Tracker แนวโน้มตลาดหุ้นโลกและสินทรัพย์ต่างๆ
“Highlight”
1  สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นโลกยังคงปรับตัวลดลง -2.9% ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สาม ส่งผลให้มี drawdown ในปีนี้แล้ว -5.1% แต่มีข้อดีคือ ทำให้ momentum tracker ลดความตึงตัวลง หลังจากที่ได้เข้าสู่ภาวะ overbought มาก่อนหน้านี้ ส่วนปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นโลกปรับตัวลงเกิดจากความกังวลเรื่อง (1) higher for longer ของเฟด และ (2) ปัญหาสงครามในตะวันออกกลาง
2  อย่างไรก็ตามยังมีสินทรัพย์ที่ปิดบวกในสัปดาห์ที่แล้ว ได้แก่ โลหะมีค่า โดยเงิน (silver) ปรับตัวขึ้น 2.9% ส่วนทองคำก็ปิด +2% WoW
3  สำหรับตลาดพันธบัตรแม้จะยังเผชิญกับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องนโยบายดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ แต่เริ่มเห็นสัญญาณของการซื้อคืนในพันธบัตร 10 ปีสหรัฐที่ยีลด์โซน 4.6%-4.7%
“ปัจจัยเศษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่”
วันพุธ: US Durable Goods Orders เดือน มี.ค. (consensus คาดเร่งตัวขึ้นจาก 1.3% เป็น 2.5%)
วันพฤหัสบดี: US 1Q24 GDP (consensus คาดเติบโต 2.5% QoQ)
วันศุกร์: US Core PCE เดือน มี.ค. (consensus คาดชะลอต้วลงจาก 2.8% YoY เป็น 2.6% YoY)  
“แนวโน้มของราคาสินทรัพย์ต่างๆในสัปดาห์นี้”
1 เราคาดว่าตลาดหุ้นโลกกำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายในการปรับฐานระยะสั้น เนื่องจากที่ Momentum Tracker ได้คลายความตึงตัวลงมาแล้ว โดยการรีบาวด์น่าจะเกิดขึ้นในสัปดาห์ถัดไป หลังจากเริ่มสร้างฐานในสัปดาห์นี้ได้แล้ว
ส่วนประเด็นความกังวลทางการเมืองระหว่างประเทศ แม้ว่าจะมีความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านมากขึ้น แต่ปัญหาคงยังไม่ลุกลามบานปลายไปเป็นสงครามภูมิภาคจากการสังเกตปัจจัยแวดล้อมดังต่อไปนี้
(1) การโจมตีของอิหร่านกว่า 99% ถูกสกัดไว้ได้ จึงไม่ได้สร้างความเสียหายจนเป็นเหตุให้อิสราเอลต้องประกาศสงครามกับอิหร่าน
(2) การโจมตีของอิหร่านครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายการรักษาภาพลักษณ์เรื่องความเข้มแข็งต่อประชาคมโลกและรัฐบริวารมากกว่าความต้องการก่อสงคราม สังเกตได้จากอิหร่านมีการแจ้งบางประเทศให้ทราบล่วงหน้าก่อนการโจมตี 48 ชั่วโมง ส่งผลให้ข่าวนี้รั่วไหลจนอิสราเอลมีเวลาเตรียมตัวในการป้องกันการโจมตี ซึ่งหากอิหร่านต้องการสร้างความเสียหายที่มากกว่านี้และไม่คำนึงผลลัพธ์ที่ตามมา ก็คงไม่ดำเนินการในลักษณะนี้
(3) แม้ว่าจะมีรายงานการตอบโต้คืนของอิสราเอลในวันที่ 19 เม.ย. ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายต่ออิหร่านมากนักเช่นเดียวกัน ทำให้ปัญหาความขัดแย้งของทั้งสองประเทศจึงยังไม่ลุกลามบานปลายจนเป็นการเผชิญหน้ากันโดยตรงกันมากกว่านี้


เราคาดว่าแม้ความขัดแย้งในตะวันออกกลางจะยังคงดำเนินต่อไป แต่ภาวะสงครามน่าจะกลับเข้าสู่รูปแบบ proxy war ตามเเดิมในเดือนหน้า จึงทำให้ตลาดหุ้นน่าจะรีบาวด์ได้
2  ตลาดหุ้นเวียดนามปรับฐานลงมาแล้วราว -9% นับตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค. จากความกังวลในสองเรื่องหลัก คือ (1) ข่าวลือทางการเมืองภายในประเทศ และ (2) การอ่อนค่าของเงินดองเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตามเราไม่เห็นความผิดปกติของเรื่องค่าเงิน เนื่องจากสกุลเงินอื่นๆในเอเชียก็อ่อนค่าลงในทิศทางเดียวกันและอีอนมากกว่าเวียดนาม เช่น เงินบาทไทยอ่อนลง 7% รูเปียห์อินโดนีเซียอ่อนลง 5.4% เทียบกับเวียดนามที่อ่อนลงเพียง 4.9%
เรายังคงมุมมองเดิมว่าดัชนี VN มีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบ 1300-1330 จุด ในช่วงที่เหลือของไตรมาส 2 นี้
3  ราคาทองคำและเงิน (silver) มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อในสัปดาห์นี้ แต่การเคลื่อนไหวใน intraweek อาจผันผวนมากขึ้น จากภาวะ technical overbought เราคาดว่า geopolitical risk จะทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในทองคำอย่างต่อเนื่อง      ในระยะสั้น ส่งผลให้ Gold Spot น่าจะขึ้นทดสอบ best-case target ที่ 2,500 เหรียญได้ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ ส่วน Silver Spot ก็มีโอกาสขึ้นทดสอบ        33 เหรียญได้เช่นเดียวกัน
    
สรุปภาพตลาดวานนี้    ดัชนีหุ้นไทยดิ่ง 3 วันติด ชดเชยวันหยุดยาว หุ้นบูลชิพกอดคอ ลงต่อ BBL AOT PTT GULF DELTA GPSC BGRIM IVL ร่วงยกแผง...  ส่วนหุ้นบวกสวน PTTEP RCL (เล่นล้อไปกับทิศทางสงคราม) และหุ้นปลอกภัยอย่าง รพ.กลาง BCH VIBHA
    
แนวโน้มตลาดวันนี้    หุ้นไทยเริ่มมีภูมิคุ้มกัน? จากแรงขายตกใจภัยสงคราม    
แรงกระตุ้นจากวิตกภัยสงครามตะวันออกกลาง เพราะการที่อิหร่านเปิดฉากโจมตีเอาคืน อิสราเอล โดยตรงนั้น นับเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ทำให้นักลงทุนมีความวิตกและ อ่อนไหวมากขึ้นกับภาวะสงคราม เป็นชนวนให้เกิดแรงเทขาย ผสมโรง Shorted sell สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นเกิดใหม่อย่างไทย ให้ลงแรงเกือบ 6% ภายในเวลา 3 วันทำการ ทำจุดต่ำสุดใหม่ ซึ่งเราได้กลับลำคำแนะนำ แนะให้ชะลอการช้อนซื้อหุ้น ทันที เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา “และหวังว่า นักลงทุน รวมถึงนักเล่นสั้น จะยังคงรักษาเงินต้น และ กำเงินสดไว้ได้ทัน ตามที่เราแนะนำ”     
จากนี้ไปการปรับฐานจะมีความเสี่ยงขาลงมากขึ้น หรือ น้อยลง จะขึ้นอยู่กับพัฒนาการสงครามว่าจะไปกระตุ้นให้เกิดแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นหรือไม่ ถ้าหากแรงขายที่พบตลอดทั้งสัปดาห์ ได้ลดความเสี่ยงไประดับหนึ่งแล้ว เราคาดว่ามีลุ้นที่ ตลาดหุ้นไทย จะมีภูมิต้านทานที่เพิ่มขึ้น และเริ่มยืนได้ ส่วนความหวังที่ว่า ตลาดหุ้นไทยจะรีบาวด์ได้แรง หรือ ฟื้นตัวทันที เรายังให้น้ำหนักน้อยกว่า 50%
ทำให้เราต้องปรับคำแนะนำ และมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง ด้วยการถือเงินสดเพิ่ม รอจังหวะปล่อยให้ตลาดหุ้นไทยสะท้อนความเสี่ยงภัยสงครามไปอีกระยะหนึ่ง เมื่อสถานการณ์สงครามเริ่มนิ่งจึงจะกลับมาลุยเล่นหุ้นไทยอีกครั้ง ส่วนกลุ่มที่น่าจะแข็งแกร่งกว่าตลาด คาดหนีไม่พ้นหุ้นเชื่อมโยงน้ำมันดิบ อย่าง PTTEP และโรงกลั่น ตลอดจนหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์
สำหรับกรอบดัชนีฯสัปดาห์นี้คาดแกว่งลง ในกรอบ 1320/1300-1350 จุด
    



กลยุทธ์การลงทุน    ระมัดระวัง ถือเงินสด รอดูสถานการณ์สงคราม ไม่ต้องรีบโหลดหุ้นที่ได้รับผลกระทบสงครามโดยตรง ส่วนนักเก็งกำไรแนะเบนเข็มไปหากลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
    
วิเคราะห์ทางเทคนิค    SET Index….on fire! โครงสร้างกลับตัว Inverse Head & Shoulder (เปลี่ยนเป็นลง) ซึ่งผิดไปจากที่คาด! ขณะที่ MACD alert! ตัดเส้น signal line เทรดต่ำ 0 บ่งชี้ภาววะตลาดหมี bear market…..คำถามถัดไป ดัชนีจะลงอีกแค่ไหน มุมแรกวัดโมเมนตัมขาลง (Bearish rectangle) เปอร์เซ็นต์ขึ้น/ลงจะเท่ากัน ให้โซนรับด้านล่างที่ 1,280 จุด...มุมสองประเมินจากสถิติในอดีตหากเกิดเหตุการณ์ภาวะสงคราม/ขัดแย้ง ตลาดหุ้นไม่ชอบ ส่วนใหญ่จะปรับตัวลงแรง แต่อาจขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความรุนแรงจะมีมากหรือน้อยแค่ไหน....มุมมองเราหากการสู้รบยืดเยื้อ/รุนแรงขึ้น คาดว่าดัชนีจะปรับฐานลงไปได้อีกประมาณ 7-8% จากจุดสูงสุดที่ 1,400 จุด downside risk จะอยู่บริเวณ 1,280-1,300 ใกล้เคียงรูปแบบ price pattern เช่นกัน สรุป: จังหวะช้อนซื้อ รออีกนิดครับ
(อ่านต่อหน้า 12)


What to watch  
  เหตุระเบิดเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ในเมือง อิสฟาฮาน ของอิหร่าน ซึ่งกระแสข่าวลือบ่งชี้ว่าเป็นการ โจมตีจาก อิสราเอล แต่ทางการอิหร่านสกัดไว้ได้ และชี้แจงแล้วว่าไม่ได้ ให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ดังกล่าว (โดยระบุว่าไม่มีแผนตอบโต้กลับ...นับเป็นสัญญาณแรก ที่ดี)  
  กระแสข่าวการปรับ ครม.ในประเทศ
  กบน. สุดอั้น ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่ม 50 สตางค์ และเล็งทยอยปรับขึ้นแบบขั้นบันได คาด 50 สตางค์ เพิ่มต้นทุนขนส่งราว 3%
  วันที่ 23 เม.ย. นี้ กกพ. จะเปิดให้ยื่นข้อเสนอโครงการทางด่วน “จตุโชติ-ลำลูกกา” มูลค่าราว 1.9 หมื่นล้านบาท
  กระทรวงการคลังสหรัฐฯ แถลงว่าได้สั่งปรับ SCG Plastics Co จำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 736 ล้านบาท  ฐานละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ มากกว่า 400 ครั้ง ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า SCG Plastics ยิมยอมจ่ายค่าปรับเพื่อยุติการดำเนินคดี  ทั้งนี้ บ.ร่วมทุนของ SCC ดังกล่าว ปิดไปแล้วตั้งแต่ปี 2018 และตั้งสำรองรายการดังกล่าวตั้งแต่ 4Q23 แล้ว
    
หุ้นแนนำวันนี้    PSL    เก็งกำไรตามค่าระวางเรือรีบาวน์ จากความกังวล สงคราม หนุนภาพรวมค่าระวางเรือระยะสั้น และเส้นทางเดินเรืออ้อมขึ้น
(S 7.65  R 8.5  SL 7.4)
    CPALL    เก็งกำไร 1Q24 จะออกมาดี และยังรับผลบวกจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ
(S 54.5  R 57.5  SL 51.25)
                            
รายงานพื้นฐานวันนี้

GFPT
จีเอฟพีที    แนวโน้มข้างหน้า แข็งแกร่งขึ้น
GFPT เป็นหุ้นที่เราชอบมากสุดในกลุ่มผู้ผลิตไก่และหมู มีปัจจัยที่สนับสนุนโดดเด่น
1) อุปสงค์ดูดี ทั้งในประเทศ และการส่งออกตั้งแต่ 1Q24
2) ปริมาณการส่งออกปรับตัวดีตั้งแต่ 1Q24 ต่อเนื่องไป 2Q24 ที่เป็น High season ส่งออกไก่
3) ราคาไก่ที่ขยับขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นปี และเราคิดว่ายืนได้ใน 2Q24 และจากข้อ 1 + 2 ทำให้ราคาหมู ซึ่งเป็นสินค้าทดแทนกันเริ่มขยับขึ้นมาด้วย
4) ต้นทุนการเลี้ยง (feed cost) ลดลงต่อทำให้ต้นทุนเลี้ยงไก่ต่ำกว่า 38 บาท เทียบราคาไก่ปัจจุบันที่    44 บาท ทำให้อัตรากำไรดีขึ้น
5) กำไรจากบริษัทร่วม McKey, GFN มีแนวโน้มดีขึ้น QoQ
6) ไม่มีความท้าทายที่ต้องรอลุ้นมากอย่างกลุ่มผู้ผลิตหมู (ในรายงาน BTG) ทำให้ความเสี่ยงจึงดูน้อยกว่า
7) ภาพรวมเราคาดกำไร 1Q24 ที่ 406 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% YoY และ 1% QoQ ส่วนแนวโน้ม 2Q24 เราคาดกำไรเติบโตต่อ 36% YoY และ 12% QoQ
Fundamental View: เราคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท
    

BTG
เบทาโกร     แนวโน้มพลิกเป็นกำไรในเดือน เม.ย.
รายงาน BTG วันนี้ Highlight สำคัญ เราเห็นว่าแนวโน้มเดือน เม.ย. จะเห็นโอกาสพลิกเป็นกำไร จากคาดขาดทุนใน 1Q24 โดยแบ่งประเด็นสำคัญในรายงาน ได้แก่
1) เราคาดขาดทุน 146 ล้านบาท ใน 1Q24 (ขาดทุนลดลงจาก 676 ล้านบาท ใน 4Q23 แต่พลิกจากกำไร 400 ล้านบาท ใน 1Q23)
2) แนวโน้ม 2Q24 มีโอกาสเห็นการพลิกเป็นกำไรราว 300-400 ล้านบาท
3) สัญญาณบวกจากเดือน เม.ย. ราคาหมูขยับขึ้นมาที่ 66 บาท ขณะที่ ต้นทุนขยับลงไปที่ 63 บาท
4) ธุรกิจไก่มีกำไรมากขึ้นและเป็นช่วงฤดูกาลส่งออก (high export season)
5) ธุรกิจหมูในกัมพูชา เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่เดือน มี.ค. และเห็นสัญญาณการพลิกเป็นกำไรในเดือน เม.ย. ด้วย
6) อย่างไรก็ดี การพลิกเป็นกำไรของธุรกิจหมูในไทยและกัมพูชา เป็นสิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด รวมถึงต้นทุนค่าขนส่งที่มีโอกาสปรับตัวขึ้นด้วย
Fundamental View: เราคงคำแนะนำซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 26 บาท

SNNP
ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง     คาดกำไร 1Q24 ยังไม่ตื่นเต้น ... รอลุ้นจุดตัดเชือกใน 2Q24
คาดการณ์กำไรหลัก 1Q24 ไม่ตื่นเต้น คาดที่ ที่ 156 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% YoY (แต่ลดลง 5.5% QoQ ตามฤดูกาล) โดยเราคาดยอดขายรวมเติบโตเพียง 4% YoY (ลดลง 10% QoQ) กดดันจากยอดขายในประเทศคาดทรงตัว YoY ขณะที่ต่างประเทศเติบโตเพียง 9% YoY อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะยังสูง (แม้ Low season) ที่ราว 29.2%  (ทรงตัว QoQ) กลบกับผลกระทบของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย ภาพกำไร 1Q24 ที่เติบโตต่ำกว่าเป้าหมายทั้งปีนี้ กดดันราคาหุ้นในระยะสั้น  อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังจะอยู่ที่ 2Q24 ที่มีแรงหนุนจากทั้ง 1) ฤดูกาลขาย ชวงเทศกาลวันหยุด และฤดูร้อน หนุนกลุ่มเครื่องดื่ม 2) การเดินเครื่องผลิตของเวียดนามเพิ่มเติม หลังเดินเครื่องได้ครบทุกสายฯ โดยเฉพาะเจเล่และโลตัส 3) สินค้าใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มใหม่ ที่เปิดตัวไปในเดือน มี.ค. (เจเล่ ฟิตต์) เริ่มขายเต็มไตรมาส ทั้งนี้ บริษัทคาดหวังว่ายอดขายเจเล่ จะทำ New High ได้ในช่วง เม.ย.-พ.ค. ซึ่งหากรายได้ 2Q24 กลับมาเติบโตเกิน 15% YoY ได้ จะสร้างความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง
Fundamental View: ราคาหุ้นลงมาจากจุดสูงสุดของปีแล้วกว่า 19% ซึ่งมากกว่าโอกาสเกิด Downside Risk ต่อกำไร และ PER อยู่ระดับ 21 เท่า ต่ำกว่าเฉลี่ยในอดีตที่ 28 เท่า เรามองว่าช่วงนี้อาจจะเน้นการรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว เพื่อถัวเฉลี่ยให้ได้ต้นทุนต่ำ
    

                       
รายงานผลประกอบการวันนี้

Banking Sector
    KKP รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 เท่ากับ 1.5 พันล้านบาท ดีกว่าที่เราและตลาดคาดมาก จากการตั้งสำรองหนี้ที่ต่ำกว่าคาดและกำไรจากเครื่องทางการเงินที่สูงกว่าคาด โดยกำไรสุทธิ 1Q24 ลดลง 28% YoY (ขาดทุนจากการขายรถยึดสูงขึ้น) แต่ปรับสูงขึ้น 128% QoQ (Credit cost ลดลง และกำไรจากเครื่องมือทางการเงินสูงขึ้น) เราคาดกำไรสุทธิ 2Q24 จะอ่อนตัวลงทั้ง YoY และ QoQ กดดันจาก NIM และกำไรจากเครื่องมือทางการเงินลดลง โดยเรายังคงประมาณการ คาดกำไรปี 2024 จะลดลง 6% yoy โดยเราประเมินว่าราคารถมือสองและธุรกิจตลาดทุนยังฟื้นตัวล่าช้า จึงยังแนะนำขาย
KTB รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เป็นไปตามที่เราคาด แต่สูงกว่าตลาดคาด 6% โดยเพิ่มขึ้น 10% YoY และ 81% QoQ จากสินเชื่อเติบโตและ Credit cost ปรับลดลง เราคาดกำไรไตรมาส 2 จะอยู่ที่ 9 พันล้านบาท ลดลง YoY และ QoQ โดยเรายังคงประมาณการกำไรปี 2024 โดยคาดว่าจะเติบโต 2% YoY โดยเรายังเลือก KTB เป็น top pick ในกลุ่มธนาคาร จาก valuation ที่ถูกสุดในกลุ่มฯ และคาดปันผลราว 6% นอกจากนี้ยังประเมินว่า downside ของกำไรปีนี้ค่อนข้างต่ำ คงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 19.50 บาท
KTC รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 เท่ากับ 1.8 พันล้านบาท เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด ลดลง 4% YoY (NIM ลดลง ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ และค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูงขึ้น) แต่เพิ่มขึ้น 2% QoQ (ค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลงตามฤดูกาล) เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2024 ลง 8% ทำให้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2024 จะค่อนข้างทรงตัวจากปีก่อน ด้าน valuation เรามองว่าแพงกว่ากลุ่ม Retail finance เราจึงยังแนะนำขาย   
SCB รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเราคาด 8% จากกำไรจากเครื่องทางการเงินสูงกว่าคาด แต่เป็นไปตามที่ตลาดคาด เพิ่มขึ้น 3% YoY และ 3% QoQ จากสินเชื่อเติบโต เราคาดกำไรสุทธิ 2Q24 จะลดลง YoY และ QoQ จากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินลดลง เรายังคงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2024 จะเติบโต 2% YoY เรายังแนะนำซื้อ (ราคาเป้าหมาย 115 บาท) จากจุดเด่นในด้านปันผลถึง 10% ต่อปี
TTB รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 เท่ากับ 5.3 พันล้านบาท เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด เพิ่มขึ้น 24% YoY (NIM สูงขึ้นและผลบวกจากสิทธิประโยชน์ด้านภาษี) และ 10% QoQ (Credit cost ลดลง) TTB เป็นธนาคารเดียวที่เราปรับเพิ่มประมาณการในไตรมาสนี้ เราปรับกำไรสุทธิปี 2024 ขึ้น 9% จากการรวมสิทธิประโยชน์ด้านภาษีเข้ามาในประมาณการ ทำให้คาดกำไรสุทธิปีนี้ของ TTB จะเติบโต 11% YoY สูงสุดในกลุ่มธนาคาร เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ ราคาเป้าหมาย 2 บาท


                           สรุปประเด็นจาก Quick take

SCC
ปูนซิเมนต์ไทย    ข่าวรัฐบาลสหรัฐสั่งปรับเงินบริษัท เอสซีจี พลาสติกส์ จำกัด
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2024 มีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐสั่งปรับ บริษัท เอสซีจี พลาสติกส์ จำกัด เป็นเงินจำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ
View From Fundamental: ข่าวดังกล่าวอาจเป็น negative sentiment ต่อราคาหุ้นเล็กน้อย จากมูลค่าหุ้นปัจจุบันที่ยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจและคาดการณ์การฟื้นตัวของผลการดำเนินงานใน 2H24 เรามองว่าหากราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาจะเป็นโอกาสในการทยอยสะสม เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” (ราคาเป้าหมาย 315 บาท)


    หุ้นมีข่าว
JAS    จับตา JAS จัดหนัก! ทุ่มเงินก้อนโตกว่า 3,000 ล้านบาท ประกาศ ซื้อหุ้นคืน ครั้งที่ 7 ดันตัวเลขกำไรต่อหุ้นพุ่ง-เงินปันผลเพิ่ม แถมมีลุ้นเซอร์ไพรส์พ่วงวอร์แรนต์ฟรี วงในเชื่อจะมีความชัดเจนภายใน 1-2 วันนี้ นักลงทุนรายย่อยเทรดสนั่น เพียงแค่เดือนเดียวหุ้นพุ่ง 47% เก็งกำไรซื้อหุ้นคืน-เปิดธุรกิจใหม่ Generative AI ทดแทน 3BB พร้อมรายละเอียด 29 เม.ย.นี้  (หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น)
+/0    

IE    สรรพากรเร่งออกกฎหมายเก็บภาษีธุรกิจข้ามชาติ ป้องกันการถ่ายโอนกำไรไปยังธุรกิจในเครือ เพื่อเลี่ยงภาษีในประเทศ และการแข่งขันการลดภาษี เพื่อดึงดูดการลงทุน ชี้เป็นไปตามกรอบความร่วมมือกลุ่มประเทศสมาชิกโออีซีดีและจี 20 กำหนดภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำอยู่ที่ 15% หากย้ายกำไรไปบริษัทในเครือที่มีภาระภาษีต่ำกว่าธุรกิจนั้นต้องจ่ายภาษีส่วนต่างให้ประเทศไทย (หนังสือพิมพ์ทันหุ้น)
0    

WPH    WPH คาดผลงานปี 2567 เติบโตตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทั้งไทยและต่างชาติ เตรียมห้อง ICU ห้องพักผู้ป่วยรองรับช่วง High Season จ่อเปิด รพ.วัฒนาแพทย์ อ่าวนาง เฟส 2 ไตรมาส 3/2567 ต่อยอดเพิ่ม ชูเป้ารายได้ปี 2567 โต 25% จากปี 2566 ที่มีรายได้ 1,468.97 ล้านบาท (หนังสือพิมพ์ทันหุ้น)
0/+    

SCC    เฝ้าระวังหุ้น SCC วันนี้! เชื่อเกิดเซนติเมนต์เชิงลบ หลังรัฐบาลสหรัฐฯ สั่งปรับ 739 ล้านบาท ฐานพบว่า เอสซีจี พลาสติกส์ ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านมากถึง 467 ครั้ง ช่วงระหว่างปี 60-61  (หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น)
0/-    

OR, PTG    กบน. ขยับราคาดีเซลขึ้น 50 สตางค์ต่อลิตร หลังหมดมาตรการลดภาษีสรรพสามิต 1 บาทต่อลิตร ส่วนอีก 50 สตางค์โยนผู้ค้าแบกรับ หลังค่าการตลาดสูงลิตรละ 2.67 บาท จ่อปรับขึ้นราคาขายปลีกแบบขั้นบันไดเพื่อลดภาระกองทุนฯ ที่ติดลบแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท  (หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น)
0/-    


    ตัวเลขเศรษฐกิจ
                    
                Previous    Consensus
                    
                    
    MON        S.Korea Exports    11.2% y-y    12.9% y-y
            Indonesia Exports    -9.5% y-y    -10.9% y-y
                    
    TUE        US New Home sales    662k    670k
            EU PMI Composite    50.3    51.1
            Singapore CPI    3.4% y-y    3% y-y
            Hong Kong CPI     2.1% y-y    1.6% y-y
                    
    WED        US Durable goods order    1.3% m-m    2.5% m-m
            Indonesia BI rate    6%     6%
            Australia CPI    4.1% y-y    3.5% y-y
                    
    THU        US GDP 1Q    3.4% q-q    2.3% q-q
            S.Korea GDP 1Q    2.2% y-y    2.4% y-y
            Malaysia CPI     1.8% y-y    2.1% y-y
                    
    FRI        US Core PCE     0.3% m-m    0.3% m-m
            BOJ Policy meeting        
            Singapore Industrial production    3.8% y-y    -1.5% y-y
                    
                    
                    
    วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA  นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
    

ณภัค ภัทรสุปรีดิ์

: เรียบเรียง โทร : 02-276-5976 อีเมล์ : reporter@hooninside.com ที่มา : สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ลุ้นกันต่อ By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง วันนี้ วันจันทร์ คงต้องมาลุ้นหุ้นกันต่อไป หลังจาก บริษัทจดทะเบียน ประกาศงบไตรมาสแรกปีนี้ออกมา ..

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้