มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

SET ลงได้อีก : ปัจจัยกดดันหลักมาจากการร่วงลงของราคาน้ามันและประเด็นภูมิรัฐศาสตร์แม้ ECB เริ่มส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยมองเป็นsentiment บวกต่อตลาดอยู่บ้าง โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา การรายงานสต๊อกน้ามันดิบสหรัฐประจำสัปดาห์เพิ่มข้ึน 2.735 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่ตลาดคาดจะเพิ่มเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล กดดันราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงกว่า 3%แตะ $82.25 ต่อบาร์เรล คาดจะกดดันหุ้นพลังงานต้นน้า นอกจากนี้แรงกดดันตลาดมาจากความคืบหน้าล่าสุดที่ปธน.อิหร่านประกาศจะตอบโต้อย่างรุนแรงหากอิสราเอลเดินหน้าโจมตีอิหร่าน ด้านสหรัฐและยุโรปซึ่งเป็นพันธมิตรกำลังเร่งผลักดันการคว่าบาตรพลังงานจากอิหร่านเพื่อตัดกำลัง ขณะที่มองปัจจัยหนุนตลาดมาจากความหวงั เริ่มวงจรขาลงของอัตราดอกเบี้ย หลัง ปธ.ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้ หากไม่มีเรื่อง Surprise เกิดขึ้น โดยจะเน้นติดตามราคาน้ามันอย่างใกล้ชิด สอดคล้องกับตัวเลข CPI และ Core CPI ของยูโรโซนเดือนมี.ค.ชะลอตัวสู่ระดับ 2.4% และ 2.9%y-y จากเดือนก่อนที่ระดับ 2.6% และ 3.1%y-y ตามล าดับ ภาพดังกล่าวจะผลักดัน Sentiment บวกที่เศรษฐกิจมักเร่งตัวขึ้นหลังต้นทุนทางการลงทุนลดลง ซึ่งหนุนค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.93 ยูโรต่อดอลลาร์ มองอาจเป็นสัญญาณชี้น าให้ธนาคารกลางอนื่ ๆทัว่ โลกเริ่มต้นวัฏจักรขาลงของดอกเบี้ยเป็นบวกต่อภาพรวมการลงทุน ปัจจัยโดยรวมส่งผลให้ตลาดยังอิงทางลง มองหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่หุ้นกลุ่มร.พ.ที่มี Beta ต่า หุ้นกลุ่มธนาคารที่เริ่มทยอยประกาศงบและจ่ายปันผล รวมถึงหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวรับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของจำนวนนทท. ส่วนคืนนี้จับตาความเห็นของกรรมการเฟด BowmanและWilliam หลังอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐในเดือนมี.ค.ยังอยู่ที่ระดับ 3.5%y-y ซึ่งห่างจากระดับ 2% ที่เป็นเป้าหมายของเฟด

กลยุทธ์การลงทุน : 1) ท่องเที่ยว: AAV, AOT, BA, BEM, BTS, AWC, ERW 2) ธนาคาร: KTB, TTB, TISCO, BBL, SCB3) Defensive: BH, PR9, BDMS 4) บาทอ่อน : ITC, TU, AAI, ASIAN และ 5)Selective: TRUE, JAS, STANLY

แนวรับ-ต้าน
1,360 –1,370

ปัจจัยบวก

+ รมว.คมนาคม เผยการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 สะสม 6วัน (11-16 เม.ย.) มีปริมาณเพิ่มขึ้น 7.92%y-y โดยระบบรางมีการใช้บริการสูงสุด คิดเป็นสัดส่วน 43.41%ของการเดินทางทั้งหมด
+ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค.ของอังกฤษชะลอตัวลงสู่ระดับ 3.2%จากระดับ 3.4% ในเดือนก.พ. นับเป็นตัวเลขต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2564
+ สศค. คาด สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ส่งกระทบต่อเศรษฐกิจไทยไม่มาก ภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งที่อยู่ในวงจำกัดโดยประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย อาจจะเกิดขึ้นจากความผันผวนของตลาดเงิน ตลาดทุน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น
+ บีโอไอ เผยผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำ ตอบรับมาตรการส่งเสริมการลงทุนผลิตเซลล์แบตเตอรี่ คาดปีนี้กลุ่มทุนอย่างน้อย 2 ราย ชัดเจนตั้งฐานผลิตในไทยคาดใช้เงินลงทุนเฟสแรกกว่า 30,000 ล้านบาท

ปัจจัยลบ

-จีน เตรียมหยุดรายงานข้อมูลปริมาณการซื้อขายสุทธิระหว่างวันของนักลงทุนต่างชาติ จะเริ่มกลางเดือน พ.ค. นี้ เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อลดความผันผวนของตลาด สร้างความกังวลให้นักลงทุนเกี่ยวกับความโปร่งใสของข้อมูล
- ส.อ.ท.มองเศรษฐกิจไทยแม้อาจจะเริ่มฟื้นตัวจากหลายปัจจัยแต่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ ศก.ไทยเปราะบางโดยเฉพาะความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ต้องติดตามใกล้ชิดซึ่งอาจกระทบการส่งออกของไทย และการดึงการลงทุน ขณะเดียวกันราคาน้ำมันอาจขยับสูงขึ้น
- REIC รายงานผลสำรวจภาคสนามโครงการที่อยู่อาศัยภาพรวม ปี 2566 มีจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่เข้าสู่ตลาดภาพรวมลดลง -11.9% โครงการที่
อยู่อาศัยขายได้ใหม่ลดลง -22.5% ขณะที่ที่อยู่อาศัยเหลือขายเพิ่มข้ึน+13.7% เมื่อเทียบกับปี 2565
- สนพ. จับตาวิกฤตสงครามอิสราเอล-อิหร่าน ชี้หากยกระดับความรุนแรงจะกระทบราคาน้ำมัน โดยล่าสุดกองทุนน้ำมันติดลบอยู่ราว 1.03 แสนล้านบาท

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธรีดา ชาญยิ่งยงค์- นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
กิตติ บัวบึง – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #038313
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ภัทรดนัย จตุรพร – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์