Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KCS Daily Strategy

181

 

"Service & Consumer Play"

KCS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Rebound" ต้าน 1375/1380 จุด รับ 1362/1356 จุด ราคาน้ำมันดิบโลกปรับลงแรง 3% ผลจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯสูงกว่าคาด และสถานการณ์ความตึงเครียดตะวันออกกลางยังไม่บานปลายและผ่อนคลายขึ้น ลดแรงกดดัน Bond Yields สหรัฐและปรับลง -11bps สู่ 4.587% แนวรับ MA5D-10D อยู่ที่ 4.581%-4.516% กรณีหลุดจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นในฝั่งเอเชีย ขณะที่เศรษฐกิจเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ภาพพื้นฐานค่อยๆฟื้นตัวดีขึ้นเป็นลำดับ และ Valuation อยู่ในโซนลงทุน อาทิ ตลาดหุ้นจีน เมื่อวาน +2% เช้านี้เกาหลีใต้ +1% เช่นเดียวกับไทยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัว อิงคาด ธปท. ล่าสุดประเมินเศรษฐกิจไทยแต่ละไตรมาสของปี 2024 จะเติบโตเป็นขั้นบันได หนุนจากภาคท่องเที่ยว (มี Upside หนุนจาก Entertainment Complex และไทยเตรียมเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างไทย-นิวซีแลนด์ตั้งเป้า 1 แสนคนต่อปั) และ ไทย Market risk premium สูงที่ 3.68% VS. สหรัฐติดลบ) มองหุ้นนำตลาดวันนี้ คือกลุ่มได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลงแรง (สายการบิน, เครื่องดื่ม, วัสดุก่อสร้าง) กลุ่มท่องเที่ยวและอิงบริการวันนี้แนะ ICHI, BJC, AOT เด่น

 

 


Daily outlook: ""Rebound" ต้าน 1375/1380 จุด รับ 1362/1356

What happened around the world ?

• (*/-) US Stocks ตลาดหุ้นสหรัฐยังปรับลงต่อ (จากจุดสูงสุด Dow jones -4.9%) โดยเมื่อวาน Dow Jones -0.12%, S&P500 -0.58%, Nasdaq -1.15% โดยดัชนี S&P500 กลุ่มที่ Outperform คือ Utilities, Consumer staples, Materials ฯลฯ ส่วนกลุ่มที่ underperform คือ IT, Real estate, Consumer Discretionary ฯลฯ

•(*/-) Semiconductor Drop -หุ้นบริษัท ASML ผู้นำผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของโลกปรับตัวลงแรง -4.1% วานนี้ หลังเผยตัวเลขคำสั่งซื้อล่าสุดต่ำกว่าตลาดคาด เหตุผลเกิดจากยอดคำสั่งซื้อของลูกค้าจากไต้หวันและเกาหลีใต้ที่ต่ำกว่าคาด และวันนี้ติดตามการรายงานงบ TSMC งวด 1Q24 หนึ่งในผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไต้หวัน Consensus คาด 6.71 พันล้านเหรียญสหรัฐ โต 5%y-y ฝ่ายวิจัย KCS มองหากออกมาต่ำคาดสะท้อนภาพเชิงลบของกลุ่มชิ้นส่วนในเอเชียรวมถึงไทยในวันนี้

•(*/+) EU CPI : เงินเฟ้อยุโรป เดือน มี.ค. ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง 4 เดือน อยู่ที่ 2.4% สอดคล้องกับ Core CPI เป็นขาลงอยู่ที่ 2.9% และทำ New low ในรอบ 2 ปี ( ถือว่าใกล้เคียง VS. ECBคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อปี 2024-2025 ลงเหลือ 2.3%y-y จากเดิม 2.7%) KCS ประเมินศทางเงินเฟ้อในยุโรปที่เป็นทิศทางขาลง มองบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจในยุโรปปี 2024 บวกต่อหุ้นทีมีรายได้ในยุโรป อาทิ XO (70%ของรายได้รวม), MINT(50%) SHR(40%), IVL (22%) CRC(6%) เน้นลงทุน MINT, IVL

•(*/-) Vietnam Stocks : ตลาดหุ้นเวียดนามปรับลง เมื่อวาน -1.1% และ -6.5%wtd แรงกดดันหลักๆคือ ต่างประเทศ คือ Bond Yields ที่เร่งขึ้นหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแกร่ง และความตึงเครียดตะวันออกกลาง ส่วนภายในมีประเด็น ไซ่ง่อน คอมเมอร์เชียล BANK " (SCB) ถูกฉ้อโกงทางการเงินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ "4 แสนล้านบาท" ล่าสุดรัฐบาลเวียดนามประกาศเข้าช่วยอุ้มธนาคาร KCS ประเมินระยะสั้นเป็นขาลง หลังจากหลุด 1220 จุด และลงไปต่ำกว่า 1200 จุด แต่จุดที่บวกคือ มีแรงซื้อกลับมาโซน 1215 +- ทำให้มองสัปดาห์นี้การขึ้นจะเป็นการ Rebound แนวต้าน 1220/1247 จุด แนวรับ 1180 จุด กลยุทธ์การลงทุนยังคงแนะนำ Slightly Overweight ตลาดหุ้นเวียดนาม เน้นตั้งรับสะสม

•(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 18 เม.ย. ยอดการขายบ้านมือสอง มี.ค. 4.09 ล้านหลัง vs prev. 4.38 ล้านหลัง ฝั่งยุโรป 17 เม.ย. เงินเฟ้อ CPI มี.ค. เดือนก่อน +2.4%y-y, +0.8%m-m ญี่ปุ่น 19 เม.ย. ติดตามรายงาน CPI มี.ค. คาด +2.8%y-y เท่าเดือนก่อน

• (*) US Bond & Dollar : US Bond yields ระยะสั้นชะลอการขึ้น อายุ 10 ปีปรับลงเมื่อวาน -8 bps และปิดที่ 4.59% และอายุ 2 ปี พลิกปรับลง 4 bps อยู่ที่ 4.93%(แนวต้าน 5.0+-) ขณะที่ Dollar Index พลิกอ่อนค่าแรงลงมาบริเวณ 105.9+/- จุด ประเมินเป็นปัจจัยบวกต่อ Fund Flow ในเอเซียและไทยในวันนี

•(*/+) Oil : น้ำมันดิบ Brent -3.03%d-d ลงมาต่ำ 90 เหรียญอีกครั้งและปิดที่ US$ 87.29/barrel เช่นเดียวกับ น้ำมันดิบ West Texas -3.13%d-d ปิดที่ US$ 82.69/barrel แรงกดดันหลักมาจาก 1.)สถานการณ์สงครามในตะวันออกลางตลาดคลายกังวลตามที่เราประเมินช่วงก่อน ล่าสุดการโจมตีตอบโต้ของอิสราเอลจำกัด และฝั่งอิสราเอลจะแจ้งเตือนพันธมิตรที่ล่วงหน้าก่อนการโจมตีจะเกิดขึ้น 2.) Supply น้ำมันฝั่งสหรัฐเพิ่มขึ้น เมื่อวาน EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบ +2.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าตลาดคาดที่ 1.6 ล้านบาร์เรล โดยรวมราคาน้ำมันดิบที่ลงแรงวันนี้ มองจิตวิทยาลบต่อ SET Index (หุ้นกลุ่มน้ำมันมีสัดส่วน 20% Market Cap) แต่จะบวกต่อหุ้นในกลุ่มที่มีต้นทุนน้ำมัน อาทิ กลุ่มสายการบิน หุ้นเด่น คือ AAV จากผลประกอบการ (ปกติ) 4Q23A-1Q24F โต กลุ่มเครื่องดื่ม เน้นลงทุน ICHI กำไร 1Q24 คาดสูงสุดในรอบ 10 ปี และ Valuation ถูกที่สุดในกลุ่ม กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เน้นเก็งกำไร TASCO และแนะลงทุร SCC หนุนจากคาดราคา feedstock ลงและแนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q24F ของ SCC ดีกว่าที่เคยประเมิน คาดที่ 2,489 ลบ. (-85% y-y, พลิกกำไร q-q)

 

What happened in Thailand ?

• (*/-) SET: SET Index เปิด Gap ลงมา – 29.44จุด -2.11% ปิดที่ 1366.9จุด สวนทางกับประเทศในเอเชียที่ปรับขึ้น มูลค่าการซื้อขายเร่งขึ้นมาอยู่ที่ 5.66 หมื่นล้านบาท ทุก Sector ปรับลงในทางเดียวกัน หลักๆคือ กลุ่มธนาคาร (SCB,TTB, KTB)ปรับลงทั้ง 3 บริษัทรับขึ้น XD กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA) และโรงไฟฟ้า GULF, EA, GPSC ซึ่งเป็นกลุ่มSensitive กับอัตราดอกเบี้ย และมีมีหนี้สกุลต่างประเทศสูง ปรับตัวลง รับ Bond yields สหรัฐที่เร่งขึ้น กลุ่มค้าปลีก(CPAXT, CPALL, CRC) ถูกขายทำกำไรหลังจากปรับขึ้นมาในช่วงสัปดาห์ก่อน

• (*/-) Flow : เงินทุนต่างชาติสุทธิ ขายหุ้น -173.8 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -95.6 ล้านเหรียญฯ TFEX สถานะ Net Short -94,931 สัญญา เงินบาทแกว่งตัวอ่อนค่า 36.7 +/-บาท

• (*/+) Asia Equity : ฝ่ายวิจัยมอง SET ปรับลงวานนี้ -2.11% ใกล้เคียงกับระดับตลาดหุ้นในเอเชียประเทศอื่นที่ลงมาแล้วในสัปดาห์นี้ ได้แก่ฮ่องกง HSI -2.81%wtd, ฟิลิปปินส์ Philippines Composite -3.14%wtd, อินโดนีเซีย Jakarta Stock Exchange -2.14%wtd, เกาหลีใต้ KOSPI -2.39%wtd และอินเดีย SENSEX -1.75%wtd โดยรวมมอง SET มีโอกาสฟื้นตัว

• (*/+)Entertainment Complex : จากหน้า Website ไทยคู่ฟ้า ของรัฐบาล เผย ครม.รับทราบรายงานผลการศึกษา Entertainment Complex มอบให้กระทรวงการคลังศึกษาผลการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร นำกลับมาเสนอ ครม.ใน 30 วันข้างหน้า KCS ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกเพราะรัฐบาลยังเดินหน้าโครงการต่อ มองเป็นกระแสเชิงบวกต่อหุ้นอิงภาคบริการ เน้น AOT, MINT, CPALL, BJC

(*/+) Thai – New Zealand : เมื่อวานนายกรัฐมนตรีไทยได้พบปะหารือกับ Christopher Luxon) นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ประเด็นความร่วมมือสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายได้หารือกัน 1.)ด้านการเกษตร 2.)ด้านพลังงานทดแทนและอุตสาหกรรม EV บริษัทจากนิวซีแลนด์ เช่น บริษัท Morrison ให้ความสนใจในการลงทุนในพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และแบตเตอรี่ในไทย KCS มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้น BCPG(ธุรกิจหลักพลังงานแสงแดด) , GUNKUL (ธุรกิจทั้งลมและแสงแดด) EA, BANPU GPSC(แบตเตอรี่) 3.)ด้านการท่องเที่ยว ทั้ง 2 ฝ่ายพร้อมผลักดันให้เกิดเที่ยวบินตรงระหว่างไทย-นิวซีแลนด์อีกครั้ง มองบวกต่อสนามบิน AOT และกลุ่มท่องเที่ยวโรงแรม MINT 4.)ด้านการศึกษา

(*/+) Isralel impact : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน กระทบต่อเศรษฐกิจไทยจำกัด ประเมินผลต่อ 1.ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยพบว่า ราคาน้ำมันดิบและราคาทองคำ 2.)การค้าได้รับผลกระทบน้อย โดยไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปยังประเทศอิสราเอลและอิหร่าน เพียง 0.27% และ 0.05% ของมูลค่าการส่งออกในปี 2566 3.การท่องเที่ยวของไทยได้รับผลกระทบจำกัด โดยไทยมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวจากประเทศอิสราเอลและอิหร่าน เพียง 1% ของจำนวนนักท่องเที่ยว . 5.การลงทุนของไทยกับประเทศอิสราเอลและอิหร่าน ยังมีมูลค่าที่น้อยมาก โดยข้อมูลการลงทุนระหว่างประเทศ พบว่ายอดคงค้างเงินลงทุนโดยตรงจากอิหร่านในไทย ในปี 2566 มีมูลค่าอยู่น้อยมากที่ 16.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเพียงสัดส่วน 0.01%

• (*) Bank result : เมื่อวาน TISCO รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 1.73 พันลบ. ลดลง -3%y-y และ-3%q-q ถือว่า Inline กดดันจากค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) จากการขยายสินเชื่อไปยังกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เรายังคงคำแนะนำ NEUTRALและคง TP24F ที่ 105 บ. จุดเด่น คือมีปันผลเด่น 7-8% ต่อปี ถัดจากนี้ 19 เม.ย. ธนาคารที่เหลือจะรายงานงบ คาดหุ้นที่จะกำไรออกมาโต y-y และ q-q คือ BBL, KBANK, TTB ส่วน KTB คาดกำไร โต q-q แต่หดตัว y-y คำแนะนำกลุ่มธนาคาร เน้น KTB, TTB

 

 

Daily Strategy : ICHI, BJC, AOT เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Rebound" ราคาน้ำมันดิบโลกปรับลงแรง ผ่อนคลายขึ้น ลดแรงกดดัน Bond Yeilds สหรัฐและปรับลง โดยรวมมองเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นในฝั่งเอเชีย และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ที่พื้นฐานเศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัว และ Valuation อยู่ในโซนลงทุน ไทยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัว อิงคาด ธปท. ล่าสุดประเมินเศรษฐกิจไทยแต่ละไตรมาสของปี 2024 จะเติบโตเป็นขั้นบันได หนุนจากภาคท่องเที่ยว (มี Upside หนุนจาก Entertiment Complex และไทยเตรียมเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างไทย-นิวซีแลนด์) และ ไทย Market risk premium สูงที่ 3.68% VS. สหรัฐติดลบ) มองหุ้นนำ 1) กลุ่มอิงบริโภค เน้น CPALL, CPAXT, BJC 2) หุ้นที่ทำธุรกิจเชื่อมโยงจีน SCGP, IVL, PTTGC 3.)กลุ่มบริการ อาทิ AOT

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด (IVL, PTTGC, HANA, SJWD, MENA, WICE, HANA, PTT)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ บริโภค ท่องเที่ยว (CPALL, CPAXT, BJC, AOT, AAV, MINT)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, BE8, WARRIX, MTC)
กลุ่ม Dividend Plays (AP, MC, SC, SIRI)
กลุ่มได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ฤดูร้อน (ICHI, OSP, CPALL, CPAXT, AOT, AAV, MINT)
• APR24 Best Picks: AOT, CPAXT, ICHI, IVL, OSP, HANA, MINT

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : SET 50/100 Rebalance Update

KCS ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 2H24 (ประกาศกลางเดือน มิ.ย. 2024 มีผล 1 ก.ค.) โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 พ.ค. 2023 – 4 เม.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 8 สัปดาห์)

➕หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 มี 3 บริษัท คือ BCP (โอกาสเข้า 80%), TIDLOR (โอกาสเข้า 80%) และ ITC (โอกาสเข้า 60%)

➖หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 3 บริษัท คือ SAWAD (โอกาสหลุด 50%), KCE (โอกาสหลุด 80%) และ COM7 (โอกาสหลุด 80%)

➕หุ้นที่คาดเข้า SET100 9 บริษัท คือ BA, SKY, DITTO, COCOCO, STEC, KAMART, PTG, THCOM, PSL

➖ หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 9 บริษัท คือ AEONTS, AURA, BLA, BTG, FORTH, M, STGT, THG, TOA

 

▫️หุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า SET50 กว่า 70% ของทั้งหมด จะปรับตัวขึ้นราว 6.97% ในช่วง 45 วันก่อนถูกนำเข้าคำนวณจริง สวนทางกับหุ้นที่ถูกคัดออกมักปรับตัวลงล่วงหน้าเฉลี่ยราว -2.8% ในช่วงเดียวกัน

▫️หุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า SET100 มีแนวโน้มเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบในช่วง 45 วัน ก่อนวันมีผลคำนวณจริง ในขณะที่หุ้นที่ถูกคัดออกมักปรับตัวลง

 

กลยุทธ์ :แนะนำ เก็งกำไร BCP และ ITC ส่วน SET100 เราแนะนำเก็งกำไร BA, STEC และ THCOM

 

• Strategy Update : Summer Play

Fact : กรมอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยว่า ไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนในปี 2024 ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 เดือน ก.พ. 24 โดยคาดหมายว่าอุณหภูมิจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติและปี 2023 ราว 1 องศา ทีมกลยุทธ์ KCS ประเมินเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอากาศร้อน อาทิ กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มโรงแรม

Key Ideas : อิงผลการศึกษา 8 ปีย้อนหลัง หากซื้อก่อนเข้าสู่หน้าร้อน 1 เดือน หุ้นกลุ่มโรงแรม เครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก มักให้ผลตอบแทนเด่น เฉลี่ย +2.5% +2.2% และ +1.6% vs SET +0.5%

ทั้งนี้ หากซื้อวันที่เข้าสู่ฤดูร้อน และขายหลังจากนั้น 1 เดือน หุ้นโรงแรม เครื่องดื่ม และค้าปลีกจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเด่น +3.5% +3.9% และ 1.9% vs SET +1.5%

Strategy : การลงทุนที่ดีที่สุดในการลงทุนก่อนเข้าสู่หน้าร้อน คือ แนะนำซื้อหุ้นในธีม Summer Play ก่อน 1 เดือน และถือจนเข้าสู่หน้าร้อน คาดจะได้รับผลตอบแทนเป็นบวกสูงที่สุด โดยอิงภาพทางพื้นฐานปี 2024F ประกอบ เราแนะนำ เครื่องดื่ม เน้น ICHI ค้าปลีก เน้น CPALL CPAXT ท่องเที่ยว+โรงแรม เน้น AOT AAV MINT

 

• Strategy Update: Dividend Plays

Fact : ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค.2024 จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2023 ของบริษัทจดทะเบียน ทีมกลยุทธ์ KCS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2023F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H23F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KCS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 2.0% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1-2 เดือนแรกของปี ใน "Theme 2H23F Dividend Play"

Key Ideas:

KCS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.97%, เดือน ก.พ. บวก 8 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.91%
SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 8 ใน 10 ปี เฉลี่ย +1.47%)
Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ KCS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น 2H23F ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ 1) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล 2023F/2H23F สูงกว่า 2% 2) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโตหรือกระแสเงินสดมั่นคง หรืออยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KCS ปี 2024 อาทิ Theme ดอกเบี้ยผ่านจุดพีคไปแล้ว กลุ่มหุ้นที่หนุนเศรษฐกิจไทยปี 2024F ฟื้นตัวมากกว่าศักยภาพ 3.0% ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ พบว่ามีหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัท คือ

 

หุ้น Big Cap ได้แก่ AP(TP-15.5,Yield 2H23F-5.7%) LH(TP-9.5,Yield 2H23F-4.9%) SAWAD (TP-53,Yield 2H23F-4.3%) TIDLOR(TP-30,Yield 2H23F-2.8%) WHA(TP-6.4,Yield 2H23F-2.4%)INTUCH(TP-85, Yield 2H23F-2.4%) ADVANC(TP-264, Yield 2H23F-2.0%)

 

หุ้น Mid Cap ได้แก่ MC(TP-16,Yield 2H23F-6.3%) NER(TP Con-6.1,Yield 2H23F-4.5%) SC (TP-4.5, 2H23F-4.34%) SIRI(TP-2.2,Yield 2H23F-3.8%)

 

โดยทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปั พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ TIDLOR +5.4%, ADVANC +3.7%, INTUCH +2.2%, ส่วน WHA, AP,SIRI, MC, NER ผลตอบแทนอยู่ในช่วง + 1.2 -1.5% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลายๆครั้งนักลงทุนจะได้รับเงินปันผลฟรี

 

 

• SC ( Buy, TP*4.5) มุมมอง slightly positive ต่อ 1Q24 presale ที่ 6.0 พันลบ. (+21% y-y,-18% q-q) โดยการโตได้ y-y ส่วนสำคัญมาจากการระบาย stock condo ที่ทำได้ดีเป็นส่วนช่วยสำคัญ ในขณะที่กลุ่ม low-rise โตเพียงเล็กน้อย y-y จากแรงกดดันเรื่อง cancellation rate สำหรับ 1Q24 presale คิดเป็น 21% จากเป้าปี 2024F ที่ 28.0 พันลบ. (flat y-y) โอกาสเป็นไปตามเป้ายังมี เพราะแผนเปิดโครงการใหม่ใน 2Q-4Q24F ยังมาก แนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q24F เบื้องต้นคาดที่ 400 ลบ. ลดลง y-y, q-q ตามการโอนที่คาดลดลง ในขณะที่ประมาณการกำไรสุทธิ 2024F ที่ 2.6 พันลบ. (+4% y-y) มีโอกาส downside อย่างไรก็ตาม SC มี condo ใหม่เข้ามาโอนในปี 2H24F และบางตัวได้ประโยชน์จากมาตรการลดค่าโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% ซึ่งน่าจะเป็นส่วนช่วยให้การโอน smooth ขึ้น และอาจช่วยจำกัด downside ได้ เราคง TP24F ที่ 4.5 บาท คง BUY โดยระยะยาวเด่นจากแผนธุรกิจ 3 ปีข้างหน้า ที่ aggressive ทั้ง residential สะท้อนการแย่ง market share ทำได้ต่อเนื่อง และการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ ทำให้คาดเติบโต y-y ต่อเนื่อง

 

 

2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery

· Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU

· Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

น้ำขึ้นให้รีบตัก By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดบวก หุ้นขึ้น วันนี้ น้ำขึ้นให้รีบตัก หรือเทขายกำไรไว้ก่อน ด้วยพรุ่งนี้ ตลาดเรา ...........

งบท่องเที่ยว By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง วันนี้ ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ยังคงแกว่งตัว ในกรอบแคบๆ ส่วนการเก็งกำไรนั้น หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้