News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

22 มี.ค. 2567 09:01:28 263

Market Wrap-Up

SET วันที่ 21 มี.ค.67 ปิด +14.44 จุด อยู่ที่ 1,387.62 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,596 ลบ.ต่างชาติซื้อ 2,037 ลบ.สถาบันขาย 421 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 105 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิอยู่ที่ 2,936 ลบ. มียอดซื้อสุทธิในหุ้น DELTA,BCP,BBL,SCC,CPALL และมียอดขายสุทธิ BJC,PTTEP,BH,LH,CPF มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 4,578 ลบ. หุ้นที่มีปริมาณ Short สูงคือ JAPAN13,SGP-R,AOT โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 39,687 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 26,755 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 438 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.68%, S&P500 +0.32%, Nasdaq +0.20% โดยกลุ่มอุตสาหกรรม +1%, การเงิน +0.85% ขณะที่กลุ่มปรับลดลง คือ สาธารณูปโภค -0.21% และบริการสื่อสาร -0.17% ดัชนีหุ้นสหรัฐได้แรงหนุนจากที่เฟดคาดการณ์จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.90% ทำจุดสูงสุดใหม่ ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +3.2%และเหมืองแร่ +2.6% ปรับขึ้นตามราคาโลหะ
Market View
ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุน หลัง ปธ.เฟด เจอโรม พาวเวล ยืนยันโอกาสที่จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่ง CME Fed Watch ชี้โอกาส 70.1% ที่จะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุม 12 มิ.ย. และคาดจะลดอีกครั้งใน ก.ย. และ ธ.ค. ซึ่งส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐ โดยหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ในตลาดฟิลาเดลเฟีย +2.3% นำโดยไมครอน เทคโนโลยี +14% รับกำไรไตรมาสที่สูงกว่าคาด ส่วนรายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 2,000 ราย อยู่ที่ 210,000 ต่ำกว่าคาดที่ 212,000 ราย และ NAR เผยยอดขายบ้านมือสอง ก.พ. +9.5% MoM อยู่ที่ 4.38 ล.ยูนิต & คาด 3.95 ล.ยูนิต
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปิดทำจุดสูงสุดใหม่ ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี & เหมืองแร่ ขณะที่ FTSE 100 อังกฤษ +1.88% หลัง BOE มีมติคงดอกเบี้ยที่ 5.25% และคาดเงินเฟ้อจะลดลงสู่เป้าหมายที่ 2% ในไตรมาส 2 ส่งผลให้ตลาดคาด BOE มีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.75% ในปีนี้ ส่วน ธ.กลางสวิต ฯ ลดดอกเบี้ย 0.25% ลงอยู่ที่ 1.50% เป็น ธ.หลักรายแรกที่ลดดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ส่วนใหญ่ปรับขึ้นมากกว่า 1% หลังเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในปีนี้ โดยนิเกอิ +2.03% จากคาดการณ์ BOJ ยังหนุนสภาพคล่องและไม่เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ปิดทรงตัว -0.08% รอประเมิน PMI ภาคผลิต & บริการจีน มี.ค. โดยรองปธ.ธนาคารจีนเผยมีโอกาสลดอัตรา RRR ลงอีก เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน
SET วานนี้ +1.05% ปริมาณการซื้อขาย 4.3 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 0 พัน ลบ.สถาบันขาย 421 ลบ. รายย่อยขาย 1.7 พัน ลบ. ได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ +7.55% นำโดย DELTA +8.24% หลังยอดส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ของเกาหลีใต้ในช่วง มี.ค. +11% ขณะที่กลุ่มปิโตรเคมี +1.44% ได้แรงหนุนจากกลุ่มโรงกลั่นปรับดีขึ้นตามค่าการกลั่นเบนซิน และอาจมี Stock Gain ในไตรมาสนี้ โดยเม็ดเงินบางส่วนเข้าซื้อกลุ่มไอซีที +1.7% ที่กลุ่มปลอดภัยและบริษัท ICT ที่รับงานประมูลภาครัฐ คาดจะได้ประโยชน์หลังการผ่านงบประมาณปี 67 โดย Fund Flow ต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิในตลาด TIP มูลค่า +$99.7 ล. ซึ่งคาดเป็นบวกต่อเนื่อง หลัง ธ.กลางหลักเริ่มลดดอกเบี้ย

Daily Strategy

ประเมินดัชนี SET มีโอกาส Sideway ขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,395 – 1,400 โดยมีแนวรับ 1,375 – 1,380 ได้ปัจจัยหนุนจากสภาพคล่องที่ดีขึ้น และการผ่านงบประมาณปี 67 แนะนำทยอยซื้อแนะนำกลุ่มได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง เช่น DELTA,BVG,SAWAD,BAM,JMT/ กลุ่มท่องเที่ยว MINT,CENTEL,AAV รับเทศกาลสงกรานต์ และส่งออกอาหาร CPF,AAI,ITC
PLUS* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 8.10 บาท) ผู้บริหารคาดในปี 67 รายได้จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 40-50% โดยกลยุทธ์การเติบโตจะมาจากการขยายช่องทางการตลาด ควบคู่ไปกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยไลน์การผลิตใหม่ PET Aseptic ปัจจุบันเดินเครื่องผลิตและส่งออกใน 1Q67 แล้ว ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงระดับ 48,000 ขวดต่อชั่วโมง หรือ 150 ล้านขวดต่อปี ซึ่งสามารถรองรับดีมานด์ของลูกค้าได้มาก นอกจากนี้ยังตั้งเป้าหมายในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อปีไม่น้อยกว่า 20 SKUs โดยสินค้าในกลุ่มขวด PET ปัจจุบัน น้ำมะพร้าว 100% แบรนด์ COCO ROYAL จะเติบโตจากตลาดจีน และเครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าวแบรนด์ MABU COCO เติบโตได้ดีในกลุ่มตะวันออกกลางและยุโรป ส่วนแผนการขยายสาขาที่ขายในห้าง Walmart สหรัฐอเมริกาให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเพิ่มจาก 3,000 สาขาในปัจจุบัน เป็น 4,000 สาขาภายในปีนี้ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 263 ล้านบาท +40%YoY และ 322 ล้านบาท +22%YoY
CHAYO* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.60 บาท) กำไรสุทธิปี2566 อยู่ที่ 391 ลบ.,+56%YoY มีแรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ+54%YoY และกำไรจากขาย NPA ที่สูงขึ้น ส่วนการดำเนินงานปี67 บริษัทตั้งเป้าอย่างน้อยรายได้ +20%YoY จาก ธุรกิจติดตามหนี้สิน +5-10%/ธุรกิจจัดหาคนงาน +15%/ธุรกิจสินเชื่อ ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ 600-1,000 ลบ. นอกจากนี้ CHAYO* ยังจะมี story จาก 1.การขายที่ดินบริเวณเกาะยาวใหญ่(900 ลบ./อยู่ระหว่างรอสรุปจากศาล) และ 2.การ Spinoff CCAP(ธุรกิจการให้สินเชื่อ) ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิของ CHAYO* ปี 67 และ ปี68 ที่ 407 ลบ.( +4%YoY) และ 479 ลบ.(+18%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI เม.ย. -$0.20 อยู่ที่ $81.07/บาร์เรล Brent พ.ค. -$0.17 อยู่ที่ $85.78/บาร์เรล โดยตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่หนุนราคาน้ำมัน แต่คาดอุปสงค์มีโอกาสปรับดีขึ้น หลังเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย 3 ครั้งปีนี้

Gold Update(+) Comex Gold เม.ย.+$23.70 อยู่ที่ $2,184.70 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากเฟดยืนยันลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ
+99.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +56.51 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +35.48 ล.ดอลลาร์ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +7.73 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 36.33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.259 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -44 จุด อยู่ที่ 2,240

(-) BitCoin เช้านี้ -2.87% อยู่ที่ 65,722 ดอลลาร์สหรัฐ

(0) National Core CPI ญี่ปุ่น ก.พ. อยู่ที่ 2.80% ตามคาดการณ์

Economic Calendar

ในประเทศ

13 มี.ค. ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

29 มี.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์

กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

สัปดาห์ที5 สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

18 มี.ค. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI (ก.พ.)

20 มี.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

21 มี.ค. US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC

US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (มี.ค.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (มี.ค.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตัวรับความหวังเศรษฐกิจจีนเริ่มดีขึ้น ลุ้น Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1)กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, HMPRO*, ILM*, CPN*, CRC, MC*, KAMART*, CBG*, ICHI*, RBF*

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัวจากฐานต่ำปี66 AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, SAPPE*, DELTA, KCE*, EPG*, NYT*, SJWD*

(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*

(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ เริ่มลดลง BGRIM*, GPSC*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA, SUSCO*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio March 2024: GFPT*, BDMS, BSRC*, CPALL, AAV*

Analysts

Apichai Raomanachai