News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

19 มี.ค. 2567 08:54:33 334

Market Wrap-Up

SET วันที่ 18 มี.ค.67 ปิด -0.10 จุด อยู่ที่ 1,385.94 จุด มูลค่าการซื้อขาย 37,382 ลบ.ต่างชาติขาย 297 ลบ.สถาบันซื้อ 746 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 56 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิอยู่ที่ 550 ลบ. มียอดซื้อสุทธิในหุ้น BDMS,DELTA,SCB,PTTEP,CPALL และมียอดขายสุทธิ PTT,BH,CRC,SCC,SIRI มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 4,343 ลบ. หุ้นที่มีปริมาณ Short สูงคือ TASCO,BA,LPN โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 12,733 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 3,055 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 6,023 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.20%, S&P500 +0.63%, Nasdaq +0.82% ได้แรงหนุนจาก Alpabet +4.4% หลังกำลังเจรจากับ Apple เพื่อนำระบบ Gemini AI มาในใช้ใน Iphone ขณะที่ Tesla +6.3% รับข่าวการปรับขึ้นราคาขายรถโมเดล Y ในยุโรปบางประเทศ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.17% จากแรงขายกลุ่มเทเลคอม -1.4% แต่ได้แรงหนุนจากกลุ่มยานยนต์ +0.9% และน้ำมัน & ก๊าซ +0.5% หลังราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับขึ้นอยู่ที่ $86/บาร์เรล
Market View
ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสื่อสาร +3% หลัง Alphabet เจรจากับ Apple ให้นำระบบ Gemini AI ไปใช้ใน Iphone ขณะที่ Nvidia +0.7% ในช่วงงาน Nvidia GTC 2024 ตั้งแต่ 18 – 21 มี.ค. ซึ่งคาดมีการประกาศโครงการพัฒนาใหม่ ๆ เกี่ยวกับชิป AI ส่วน NAHB เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้าน มี.ค. ปรับขึ้น 3 จุด อยู่ที่ 51 & คาด 48 เป็นผลจากดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับลลดลง นักลงทุนรอผลการประชุมเฟดในวันพรุ่งนี้ เพื่อประเมินโอกาสลดดอกเบี้ยใน มิ.ย. และมุมมองของ Fed Dot Plot ว่าเปลี่ยนแปลงจากเดิมคาดจะลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้หรือไม่
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มเทเลคอม หลัง German Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้น +0.02% อยู่ที่ 2.458% แต่ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน ส่วนรายงาน CPI ยูโรโซน ก.พ. อยู่ 2.6% YoY , 0.6% MoM ตามคาด โดยตลาดคาด ECB มีโอกาสลดดอกเบียในปีนี้ราว 0.83% และอาจจะเริ่มลดใน มิ.ย. นี้
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ได้แรงหนุนจากดัชนีนิเกอิ +2.67% ได้แรงหนุนจากกลุ่มส่งออกและสินค้าอุปโภค รอผลการประชุม BOJ วันนี้คาดมีโอกาสยกเลิก ม.ดอกเบี้ยติดลบและ Yield Curve Control หลังสหภาพแรงงานปรับขึ้นค่าจ้างเฉลี่ย 5.28% สูงสุดในรอบ 30 ปี ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.99% ตอบรับตัวเลขผลผลิตภาคอุต ฯ และยอดค้าปลีก ก.พ. ดีกว่าคาด
SET วานนี้ -0.01% ปริมาณการซื้อขาย 3.7 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 297 ลบ. รายย่อยขาย 504 ลบ. สถาบันซื้อ 746 ลบ. โดยมีแรงขายทำกำไรในกลุ่มปิโตรเคมี, ขนส่ง, วัสดุก่อสร้าง และโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นราคาหุ้นกลุ่มเหล่านี้ปรับสูงในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน และมีเม็ดเงินสลับเข้าซื้อกลุ่มอิเล็ก ฯ นำโดย DELTA หลังราคาได้สะท้อนปัจจัยลบจากแนวโน้มตลาด EV ในสหรัฐ , ยุโรป มักจะชะลอตัวในช่วง Q1 ของทุกปี ขณะที่เม็ดเงินบางส่วนเข้าซื้อในกลุ่มสื่อสาร, รพ. ที่เป็นกลุ่ม Defensive ระหว่างรอผลการประชุม BOJ, FED, BOE สัปดาห์นี้ 20 – 22 มี.ค. ติดตามการสภาผู้แทน ฯ พิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 67 วาระ 2 – 3 ซึ่งคาดจะสามารถอนุมัตเบิกจ่ายได้ช่วงต้น เม.ย. ซึ่งคาดเป็นบวกต่อกลุ่มวัสดุก่อสร้าง, รับเหมา

Daily Strategy

ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,375 – 1,380 แนวต้าน 1,390 – 1,395 ระหว่างรอผลการประชุม BOJ, FED แนะนำทยอยซื้อค้าปลีก CRC,BJC /กลุ่มปลอดภัย BH,BCH,ADVANC,ITEL,SIS / เก็งกำไร PTT,PTTEP ตามราคาน้ำมันดิบ
MTC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 47.50 บาท) บริษัทรายงานกำไร 4Q66 ดีขึ้น +5%QoQ, +19%YoY เป็นไปตามสินเชื่อที่ขยายตัว +3%QoQ, +19%YoY ด้าน Cost of fund สูงขึ้นตามทิศทางดอกเบี้ย แต่ยังสามารถบริหารจัดการ Credit cost ให้ลดลงอยู่ที่ 7% เทียบกับ 3Q66 ที่ 3.8% 4Q65 ที่ 4.4% จาก NPL ที่ลดลง อย่างไรก็ตาม cost to income เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายพนักงาน ส่วนแนวโน้มปี 67 บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ +20% เป็น 1.7 แสนล้านบาท เพิ่มจำนวนสาขาอีก 600 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 7,500 สาขา เน้นเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อมีหลักประกันและเพิ่มคุณภาพของพอร์ตเพื่อคุม NPL ให้ไม่เกิน 3.2% ทั้งนี้หากอิง Consensus ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 67-68 ที่ 5.76 พันล้านบาท +17%YoY และ 7.09 พันล้านบาท +23%YoY
CRC (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 46.00 บาท) ระยะสั้นมี Sentiment บวกในกลุ่ม Hardline(ไทวัสดุ) จากการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณปี67 ในสัปดาห์นี้ ส่วนกำไรสุทธิช่วง 4Q66 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 3,138 ลบ. (-5.22%YoY, +175% QoQ ) ภาพรวม YoY อ่อนตัวจากExtra Items ที่เป็นบวกใน 4Q65 และยอดขายกลุ่มธุรกิจ Food ถูกกดดันจากธุรกิจในเวียดนามอยู่บ้าง แต่กำไรปกติยัง +14%YoY +120%QoQ ส่วนการดำเนินงานช่วง 1Q67 คาดยังดี YoY รับเทศกาลตรุษจีน และม.กระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐฯ(easy e-receipt) โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักของรายได้ปี67 คาดจะมาจากกลุ่ม Food ซึ่ง CRC ตั้งเป้าเปิดสาขา GO Wholesale เพิ่มอีก 7 สาขา(จาก 11 สาขาปี66) โดย ปัจจุบัน เราวางกำไรสุทธิปี67 ที่ 9,175 ลบ.(+14%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI เม.ย. +$1.68 อยู่ที่ $82.72/บาร์เรล Brent พ.ค. +$1.55 อยู่ที่ $86.89/บาร์เรล หลังอิรักผู้ผลิตน้ำมันดิบอันดับ 2 ของโอเปกจะลดกำลังการผลิตสู่ระดับ 3.3 ล.บาร์เรล/วัน หลังช่วง ม.ค. – ก.พ. ได้ผลิตเกินโควต้า ขณะที่ซาอุ ฯ ได้ปรับลดการส่งออกน้ำมันใน ม.ค. อยู่ที่ 6.297 ล.บาร์เรล/วัน จาก ธ.ค. ที่ 6.308 ล.บาร์เรล/วัน เป็นการลดลง 2 เดือนติดต่อกัน

Gold Update(+) Comex Gold เม.ย.+$2.80 อยู่ที่ $2,164.30 /ออนซ์ ทรงตัวรอผลการประชุมเฟดวันที่ 19 – 20 มี.ค.

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ
-2.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -8.28 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +6.15 ล.ดอลลาร์ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -0.43 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าตัวอยู่ที่ 36.02 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.331 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +45 จุด อยู่ที่ 2,419

(-) BitCoin เช้านี้ -1.67% อยู่ที่ 66,487 ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลการประชุม BOJ, RBA ของออสเตรเลีย

Economic Calendar

ในประเทศ

13 มี.ค. ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

29 มี.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์

กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

สัปดาห์ที5 สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

18 มี.ค. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI (ก.พ.)

20 มี.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

21 มี.ค. US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC

US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (มี.ค.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (มี.ค.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตัวรับความหวังเศรษฐกิจจีนเริ่มดีขึ้น ลุ้น Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1)กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, HMPRO*, ILM*, CPN*, CRC, MC*, KAMART*, CBG*, ICHI*, RBF*

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัวจากฐานต่ำปี66 AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, SAPPE*, DELTA, KCE*, EPG*, NYT*, SJWD*

(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*

(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ เริ่มลดลง BGRIM*, GPSC*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA, SUSCO*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio March 2024: GFPT*, BDMS, BSRC*, CPALL, AAV*

Analysts

Apichai Raomanachai