Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

308


ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ
ถ้าทรัมป์ได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีจะส่งผลต่อการลงทุนอย่างไร?
ปลายปี 2024 จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยโพลล่าสุดที่จัดทำโดย ABC ชี้ว่าความนิยมในทรัมป์และไบเดนล่าสุดค่อนข้างสูสี แต่คะแนนของทั้งคู่ยังไม่สูงนัก โดยผลสำรวจ 36% ชื่นชอบทรัมป์ และ 33% สนับสนุนไบเดน ในขณะที่สัดส่วน 30% ไม่ไว้ใจทั้งสอง

ในส่วนของโพลสนับสนุนจากโหวตเตอร์ของแต่ละฝ่ายพบว่า ทรัมป์ได้รับความไว้วางใจจากโหวตเตอร์ริพับลิกัน 82% ในขณะที่ไบเดนได้รับความไว้วางใจจากชาวเดโมแครตที่ 72% ทำให้หากพิจารณาในจุดนี้ทรัมป์ดูเหมือนจะเป็นต่อ อย่างไรก็ตามหากพิจารณาสัดส่วนของผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากโหวตเตอร์อิสระที่ไม่สังกัดพรรคใดจะพบว่า ทรัมป์และไบเดนมีความนิยมเพียง 31% และ 32% ตามลำดับ ต่ำกว่าสัดส่วนของคนที่ไม่สนับสนุนแคนดิเดตทั้งคู่ที่มีอยู่ถึง 37% นั่นจึงแปลว่าคะแนนความนิยมขณะนี้ยังไม่สามารถทำนายได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งในปีนี้ อย่างไรก็ตาม สมมติว่าทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง อะไรบ้างที่อาจจะเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อการลงทุน ต่อไปนี้คือมุมมองของเรา

1 ความผันผวนของตลาดหุ้นโลกจะมากขึ้น โดยตลาดหุ้น EM และ Asia จะเผชิญกับแรงขาย เนื่องจากส่งออกได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าตามนโยบาย American First ของทรัมป์
2 ตลาดหุ้นสหรัฐจะผันผวนเช่นเดียวกัน เนื่องจากจะถูกตอบโต้จากคู่ค้า เช่น จีน ส่งผลให้บรรยากาศนโยบายทางการค้าแบบตาต่อตาฟันต่อฟันจะกลับมาสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนคล้ายกับปี 2018
3 ทรัมป์จะใช้นโยบายลดภาษีให้กับบริษัทในประเทศ โดยนโยบายนี้จะส่งผลดีต่อกำไรของธุรกิจ ซึ่งทำให้ราคาหุ้นฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้างในบางช่วง แต่จะไม่สามารถยืนระยะได้เหมือนปี 2019 จากปัญหาอื่นที่จะเข้ามากระทบมากกว่า เช่น โครงสร้างของเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยในปี 2024 อยู่ในระดับที่สูงกว่าปี 2018 จีงทำให้ให้เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วการขึ้นภาษีนำเข้าครั้งนี้จะสร้างผลกระทบต่อปัญหาเงินเฟ้อได้มากกว่ารอบก่อน
4 นโยบายเข้มงวดเรื่องพรมแดนและกีดกันแรงงานต่างด้าว (Anti-immigrant Policy) จะทำให้สหรัฐขาดแคลนแรงงาน และเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทำให้เกิดความความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อมากขึ้น
5 ความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อ จะทำให้ตลาดปรับคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวขึ้น โดย 5-year expectation จะพุ่งขึ้นไปไกลกว่าระดับ 2.9% ในปัจจุบัน
6 คาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้นจะทำให้โอกาสการบรรลุเป้าหมาย inflation target ของเฟดมีความเป็นไปได้ลดลง และจะทำให้ดอกเบี้ยเข้าสู่วงจรขาขึ้นรอบใหม่เร็วกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งจะส่งผลกระทบด้านลบต่อหลายๆสินทรัพย์คล้ายกับปี 2022

สรุป หากทรัมป์ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ นโยบายของเขาจะทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจและก่อให้เกิดปัญหาเชิงโครงสร้างมากขึ้นกว่าครั้งที่เขาเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2017-2020 จึงทำให้มีโอกาสร้างผลกระทบเชิงลบตลาดหุ้นสหรัฐทั้งในภาพระยะสั้นและระยะกลาง ส่วนตลาดหุ้นและสินทรัพย์อื่นๆก็น่าจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน จากความเสี่ยงเรื่อง second wave of inflation และวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นที่เกิดเร็วขึ้น

 

สรุปภาพตลาดวานนี้ ดัชนี Sideways วานนี้ โดยมีแรงซื้อ DELTA TRUE PTT GULF KBANK BBL BAM ITC สลับกับแรงขาย PTTEP CPAXT ADVANC TTB OR EA BCP (สังเกตุว่าซื้อขายสลับกันในกลุ่มอีกแล้ว) ส่วนหุ้นบวกแรง STGT AJA GREEN AMR THCOM XO MGI TVT ALPHAX SCL TPS

แนวโน้มตลาดวันนี้
เกาะแน่นๆนะน้อง
แนวโน้มสัปดาห์นี้ คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยจะสร้างรูปแบบการฟื้นตัวจากโซนแนวรับ ซึ่งครั้งนี้จะเข้าสู่เดือนที่ 5 ที่ตลาดหุ้นไทย เล่นในกรอบ 1,350-1,430 จุด กรอบสัปดาห์นี้ จึงคาดยกสูงขึ้น เป็น 1,365-1,395/1,400 จุด

โดยปัจจัยหนุนให้ตลาดหุ้นไทยแกว่งขึ้นจากโซนแนวรับ คือ ความชัดเจนจากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐระหว่าง วันที่ 19-20 มีค.นี้ คาดส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย.นี้เป็นครั้งแรก,

ด้านปัจจัยในประเทศ คือ การพิจารณาร่าง พรบ.งบปี 67 โดยสภาผู้แทนฯจะพิจารณา 20-21 มีค.และวุฒิสภาจะพิจารณา 25-26 มีค. เพื่อให้ทันนำขึ้นทูลเกล้าฯประกาศใช้เป็น กม. 3 เม.ย.นี้ และ เริ่มใช้จ่ายงบได้ทันที ซึ่งเรามองว่าจะเป็นประเด็นหลักที่ทำให้พื้นฐานเศรษฐกิจ และกำไร บจ. ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง

และการสร้างความเชื่อมั่นตลาดฯให้กับ นลท. โดย กลต. เปิดรับฟังความเห็นสาธารณะหลังรับเรื่องจาก ตลท. คาดเริ่มใช้เกณฑ์คุมความผันผวนของตลาด คือ มาตรการคุม Short sell และบอทเทรด ในช่วงไตรมาส 3 นี้ เป็นต้นไป เราคาดว่าจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนบางส่วนให้กลับคืนมาได้

กลยุทธ์การลงทุน เลือกเล่นหุ้นตาม ธีมลงทุน Earnings play / หุ้นปันผล / ธีมการลงทุนจากปัจจัยหนุนการปรับเพิ่มประมาณการณ์กำไร เช่น เอลนีโญ ทำอุณหภูมิประเทศไทยเฉลี่ย สูงขึ้น มีผลต่ออุตสาหกรรมเชื่อมโยง เช่น ความต้องการใช้ไฟฟ้าครัวเรือนเพิ่มขึ้น, ยอดขายสินค้าฤดูร้อนมีแนวโน้มจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยฤดูกาล เป็นต้น

วิเคราะห์ทางเทคนิค
ภาวะตลาดอึดอัด ไม่ขึ้นไม่ลง ซึมๆเคลื่อนที่อยู่ในกรอบแคบ ขณะที่โครงสร้างระยะกลางยังคง sideway ออกข้างทรงเดิม ถามว่าตลาดแบบนี้มีสัญญาณบวกหรือไม่....คำตอบยังมีครับรูปแบบ“ Triple bottom” นั่นเอง เนื่องจากดัชนีสู้บริเวณ 1350 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง ผ่านจุดแย่ใน 4Q23 ผ่านพ้นไปแล้ว มองลุ้น 1Q24 น่าจะเริ่มดีขึ้นบ้าง....อาจต้องเฝ้ารอปัจจัยกระตุ้น รอประเด็นใหม่ๆ ส่วนบทวิเคราะห์ “World Asset Class” นำเสนอหัวข้อ “แผนเทรด.... เมื่อ S&P500 เริ่มขึ้นยาก” และ US bond yield จ่อหลุด low 4% ปล.หุ้นแนะนำเลือกไว้ 3...กราฟสวยนำ โมเมนตัมกำลังมา ติดตามในหน้าเลือกหุ้นเด่นประจำวันนี้ครับ


What to watch
การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ระหว่าง 19-20 มี.ค.นี้
XD Effect หุ้นขึ้นเครื่อง XD รับปันผล
สภาฯไทยพิจารณางบประมาณปี 2567
ผู้ว่าแบงก์ชาติญี่ปุ่นส่งสัญญาณต่อการแถลงต่อ คกก.วุฒิสภาของญี่ปุ่น ว่าอาจจะยังคงนโยบายคุมดอกเบี้ยติดลบของธนาคารกลางญี่ปุ่น ในการประชุม 18-19 มีค.นี้ (ส่งผลเยนอ่อนและ ดอลล์แข็งค่า ระหว่างเมื่อวาน)
ครม.เห็นชอบ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินส่วนแบ่งกำไร หรือผลประโยชน์อื่นที่ได้รับจากการถือครอง โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) โดยให้หักเป็นภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% เท่านั้น และไม่ต้องนำส่วนแบ่งกำไรหรือผลประโยชน์อื่นมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีก ให้มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค.67
เพื่อยกระดับการดูแล Investment Token ให้มีมาตรฐานใกล้เคียงกับหลักทรัพย์ทั่วไป และเป็นไปตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการระดมทุนด้วย Investment Token ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล แม้ว่าการยกเว้นภาษีเงินได้จากการถือครองโทเคนดิจิทัลดังกล่าวจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ราวปีละ 50 ล้านบาท แต่ส่งผลดีต่อการระดมทุน การจ้างงาน ตลอดจนสนับสนุนให้ไทยเป็น Digital Asset Hub
กกต.มติเอกฉันท์ส่งศาล รธน.ยุบ "ก้าวไกล" ตัดสิทธิ กก.บห.พรรค
เงินเฟ้อทั่วสหรัฐ +0.4% m-m, +3.2% y-y เงินเฟ้อพื้นฐาน +0.4% m-m, +3.8% y-y สูงกว่านักเศรษฐศาสตร์คาด แต่ลดลงจากเดือน มค. ที่ 3.9% y-y
สั ปดาห์ที่แล้วตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกินคาด เป็น 2.75 แสนราย จากคาดเพิ่มแสนต้นๆ แต่ตัวเลขอัตราว่างงานสูงขึ้นเป็น 3.9% เกินคาด ที่ 3.7% คาดหนุนการตัดสินใจลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือน มิ.ย.ตามที่ตลาดคาด


หุ้นแนนำวันนี้
BBLนักวิเคราะห์พื้นฐานเราไม่ได้กังวลต่อความเสี่ยงสินเชื่อ ITD ที่จะกดดันการตั้งสำรองเพิ่ม ดังนั้นราคาหุ้นที่โดนขายลงมาจนผลตอบแทนเงินปันผลขยับขึ้น 3.6% เรามองว่าน่าจูงใจ (S 138 R 143 SL 135)

 

รายงานพื้นฐานวันนี้


QH
(Visit Note)
ควอลิตี้เฮ้าส์
เป้า 2024 แบบ Aggressive
ผู้บริหาร QH ตั้งเป้าหมายยอดขาย (presales) และการโอน (transference) ปีนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 22% และ 21% ตามลำดับ จากการเปิดตัวโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่ารวม 9.8 พันล้านบาท โดยมุ่งเน้นไปที่โครงการระดับบน เช่น ลัดดารมย์พรีเมี่ยม และ พฤกษ์ภิรมย์ อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของเรา ยังคงมองว่าตลาดอสังหาฯ ระดับบนที่มีการแข่งขันสูงขึ้นจากก่อนนี้ และมี Supply เหลืออยู่มากแล้ว เป้าหมายของ QH จึงค่อนข้างดูท้าทาย เป็นเรื่องยากที่จะทำได้ นอกจากนี้ Q Sukhumvit (คอนโด) ที่เป็น stock คงค้างมานาน ยังคงจะได้รับแรงกดดันจากการลดราคา กระทบ GM รวมของบริษัท
แนวโน้มกำไรใน 1Q24 จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ สัญยาณจาก Presale ชะลอตัวลงอย่างมากใน 4Q23 และคาดต่อเนื่อง ใน 1Q24 รวมถึง Backlog ที่รอโอนใน ปี 2024 เหลือน้อยเพียง 500-600 ล้านบาท ดังนั้นภาพของ QH ในปีนี้ที่ตั้งเป้าหมายการเติบโตแข็งแกร่ง
Bloomberg consensus คาดการณ์กำไร QH เติบโต 4% YoY ปัจจุบัน QH ซื้อขายที่ PER ปี 2024 ที่ 9.0 เท่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้คำแนะนำถือ


NOBLE
(Visit Note)
โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์
เป้า 2024 แบบ Aggressive แต่เรามองว่าท้าทาย
NOBLE ตั้งเป้าหมายเปิดตัวโครงการใหม่ 7 โครงการในปี 2024 (เช่นเดียวกับปี 2023) แต่มีมูลค่ารวมเพิ่มขึ้น 20% อยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท จากสัดส่วนคอนโดมิเนียมที่เพิ่มขึ้นเป็น 4 โครงการ มูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นโครงการแนวราบ 3 โครงการ มูลค่า 4,500 ล้านบาท โดย NOBLE วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ส่วนใหญ่ใน 3Q24 และมีการตั้งเป้ายอดขาย (Presales) ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% YoY และตั้งเป้ารายได้รวมที่ 1.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% YoY ในมุมมองของเรา การเปิดตัวโครงการส่วนใหญ่จะน้ำหนัก 2H24 ทำให้ในครึ่งปีแรก NOBLE ยังต้องพึ่งโครงการที่เปิดตัวไปในปีก่อน โดยในปีก่อนเป็นการเปิดตัวโครงการแนวราบขนาดเล็กเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นมองเป้าหมายบริษัทที่ตั้งไว้ เป็นเรื่องยาก และค่อนข้างท้าทาย
Bloomberg consensus: คาดการณ์กำไร NOBLE ปีนี้ ลดลง 2.4% YoY ปัจจุบัน NOBLE ซื้อขายที่ PER ปี 2024 ที่ 6.4 เท่า โดย Consensus กำหนดราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 3.70 บาท (ใกล้เคียงราคาปัจจุบัน)

BYD
(Visit Note)
บียอนด์
ธีมฟื้นตัวในปี 2567
เรามองว่าผลประกอบการของ BYD มีโอกาสที่จะปรับตัวดีขึ้นในปีนี้จากธุรกิจหลักทรัพย์และดอกเบี้ยรับจาก TSB ที่เพิ่มขึ้น (มูลค่าเงินปล่อยกู้จะขึ้นเป็น 9,550 ล้านบาท ในปี 2024 จาก 9,150 ปลายปี 2023) แต่ยังมีความไม่แน่นอนในการทำกำไรของธุรกิจรถบัสไฟฟ้า ในส่วน TSB ยังคงอยู่ในเฟสลงทุนโดยในปีนี้บริษัทคาดจะมีการส่งมอบรถบัสเพิ่มอีก 800-900 คัน (จากเดิมที่มีอยู่ 2,060 คัน) คิดเป็นมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท และคาดรายได้จาก EV bus ปีนี้ประมาณเดือนละ 160-170 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากอิงตามเป้าหมายของบริษัท เราคาดกำไรปี 2024 ที่ 700 ล้านบาท (พลิกจากจขาดทุนเป็นกำไร) โดยจะมีการขยายการให้บริการเพิ่มเติมทั้งเทรดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ตัวแทนขายประกัน ตราสารหนี้ หนุนรายได้ในปีนี้จะเติบโตแตะที่ 1,000 ล้านบาท
ระยะสั้น 1Q24 เราประเมินกำไรหลักจะพลิกเป็นกำไร YoY (การหยุดรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก TSB) แต่ทรงตัว QoQ โดยธุรกิจหลักทรัพย์มีความผันผวน ค่าเฉลี่ยมูลค่าซื้อขายต่อวันของตลาดหลักทรัพย์ลดลง YoY แต่ทรงตัว QoQ ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการมีแนวโน้มที่ดีขึ้น QTD และในส่วนของรายได้จากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์มีโอกาสเพิ่มขึ้น YoY เนื่องจากคาดว่าจะมีทำ IPO 4 บริษัท
Our view: ราคาปัจจุบันเทรดที่ระดับ Forward PER ที่ 33 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มการเงินที่ 14 เท่า กลุ่มโบรกเกอร์ที่ 14.5 เท่า และหุ้น EV อย่าง NEX ที่ 14.4 เท่า ดังนั้น เราชอบ NEX มากกว่า

 

สรุปประเด็นจาก Quick take

GULF
กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี
ดีเวลลอปเมนท์
เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม
GULF เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 10 โครงการ และโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม 3 โครงการ
View From Fundamental: ข่าวดังกล่าวน่าจะสร้าง positive sentiment ต่อราคาหุ้น GULF โดยเรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ต่อ GULF ด้วยราคาเป้าหมาย 68 บาท

COCOCO
ไทย โคโคนัท
เดินหน้าขยายต่อเนื่อง
งาน Opportunity Day วานนี้ โดยรวมยังคงยืนยันมุมมองบวกต่อแนวโน้มธุรกิจ โดยมีการเปิดตัวเลขแผนธุรกิจที่ตื่นเต้น เรามองแผนธุรกิจค่อนข้างท้าทาย และตื่นเต้นกว่าประมาณการตลาด และหากทำได้เป็น Upside ระยะยาว 15-20% จากมุมมองของเราและตลาดปัจจุบัน
View From Fundamental: แม้แผนธุรกิจจะดูตื่นเต้น และมี Upside ต่อกำไรตลาด แต่ราคาหุ้นที่บวกมากว่า 46% (เทียบ Peak YTD) จึงมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมาก่อน กอรปกับแนวโน้ม 1Q24 ที่จะอ่อนตัวตามฤดูกาลปกติ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่ซื้อและถือมาตามคำแนะนำ น่าจะมี Margin of safety จากกำไรอยู่พอสมควร จึงแนะนำ Let-profit-run ไปก่อนได้ สำหรับระยะกลาง-ยาว เพราะเรามองว่าช่วงกลางปี (งบฯ 2Q24 และการเปิดตลาดใหม่) จะเป็นอีกจังหวะสำคัญในการเล่น Story พร้อมตัวเลขใหม่


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

TMILL ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผู้ถือหุ้นโหวตรับปันผลอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น

TMILL ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผู้ถือหุ้นโหวตรับปันผลอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น

ไปไม่ไกล By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ ภาพรวมหุ้นไทย คงวิ่งไม่ไกล ไม่แรง ด้วยทั่วโลก จับตา ประธานเฟด แถลงผลประชุม 1พ.ค.67 ...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้