Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

204


เงินเฟ้อสหรัฐ ไม่กระทบแผนลดดอกเบี้ย
เงินเฟ้อเดือน ก.พ.ของสหรัฐฯ ออกมาที่ 3.2% YOY สูงกว่าคาดที่ 3.1%แต่ไม่ได้ส่งผลให้มุมมองเรื่องการปรับลดดอกเบี้ยของ FED เปลี่ยนโดย FEDWATCHTOOL ยังแสดงผลว่าจะเห็นการลดดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย.67 ด้วยความน่าจะเป็นเกือบ 60%ขณะที่ราคาสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆ ไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนว่าราคาได้ดูดซับปัจจัยดังกล่าวไว้แล้ว ในอีกมุมหนึ่ง จีน ยังคงเห็นมาตาการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาต่อเนื่องล่าสุดมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ 1 หมื่นล้านหยวน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ก.พ.ส่วนใหญ่ส่งสัญญาณการฟื้นตัว สำหรับบ้านเรา กกต. มีมติเอกฉันท์ ให้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องมาจากการที่ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการหาเสียงด้วยนโยบายการแก้ ม.112 เป็นการล้มล้างการปกครองฯ แต่เชื่อว่าประเด็นดังกล่าวอยู่ในความคาดหมายของนักลงทุนแล้วปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานเช้านี้มีน้ำหนักค่อนไปทางบวก ซึ่งน่าจะทำให้ SET INDEX ผันผวนในทิศทางขบับขึ้น ประเมินกรอบการเคลื่อนไหววันนี้ที่ 1374 –1388 จุด หุ้น TOP PICK เลือก BCH, GULFและ SCCC


ปัจจัยแวดล้อมไม่น่ากังวล คาดหนุนเม็ดเงินเข้าสินทรัพย์เสี่ยง
วานนี้มีรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ก.พ. ออกมา +3.2%YOY สูงกว่าตลาดคาดเล็กน้อยที่ +3.1%YOY ส่งผลให้มุมมองต่อทิศทางดอกเบี้ยไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยผลการสำรวจของ FED WATCH TOOL ให้โอกาสปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่3 ครั้งซึ่งอาจเห็น FED ปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในช่วง 2Q67 นี้ ด้วยความน่าจะเป็นที่มากกว่าครึ่ง


ขณะที่ผลตอบแทนของตลาดหุ้นโลกส่วนใหญ่ดีดตัวขึ้นแรง เฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มเทคฯ หนุนให้ดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้นราว 1.5% สะท้อนมุมมองตลาดการเงินมีความกังวลต่ำเกี่ยวกับประเด็นทิศทางการปรับลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในปีนี้ส่วนในฝั่งเอเชีย ตลาดหุ้นจีนฟื้นตัวขึ้นได้ค่อนข้างดีในช่วงที่ผ่านมา โดยหุ้นกลุ่มเทคฯจีนดีดตัวกว่า 20% จากจุด BOTTOM ในเดือน ม.ค. หลังรัฐบาลจีนเร่งอัดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ต่อเนื่อง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ขณะที่มาตรการล่าสุดวานนี้ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศอัดฉีดเงิน 1 หมื่นล้านหยวน เข้าสู่ระบบการเงินผ่านข้อตกลง REVERSE REPO ประเภทอายุ 7 วัน โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ 1.8% หนุนให้ดดัชนี HSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงราว 3%

สรุป เงินเฟ้อสหรัฐฯ ก.พ. 67 สูงกว่าคาดเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้มุมมองต่อทิศทางดอกเบี้ยไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก ขณะที่แนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนมีความเป็นได้มากขึ้น หลังรัฐบาลจีนอัดมาตรการกระตุ้นต่างๆ ต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยข้างต้นมีผลต่อระดดับความกังวลที่ลดลง คาดเป็นแรงหนุนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

ประเด็นยุบพรรคก้าวไกล ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมาย
กกต.มีมติเอกฉันท์ เสนอเรื่องพร้อมความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ที่เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งประเด็นที่ต้องติดตามหลังจากนี้ คือ ระยะเวลาในการพิจารณาของศาลฯ เนื่องจากวันที่ศาลตัดสิน จะเป็นวันที่สร้างแรงกดดันต่อ SET INDEX อีกระลอกหนึ่งอย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าว ไม่ได้สร้างความประหลาดใจต่อ SET INDEX มากนักเนื่องจาก ในช่วงปลาย ม.ค.67 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าปมการหาเสียงโดยใช้เรื่องแก้ ม.112 เป็นการล้มล้างการปกครองฯ

ส่วนประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจ และเป็นเหมือนแรงกระตุ้นให้ SET INDEX ดูสดใสในระยะถัดไป คือ ประมาณการ GDP ของไทยที่ BLOOMBERG คาดว่า GDP1Q67 จะต่ำสุดอยู่ที่ระดับ +1.5%YOY แต่หลังจากนั้นในไตรมาส 2-4 จะทยอยเพิ่มขึ้นเป็นขันบันได จนทำให้ GDP ทั้งปี 2567 คาดอยู่ในช่วง 2.7%-2.8% ซึ่งส่วนที่ฟื้นตัวเด่น คือ การลงทุน-ใช้จ่ายของภาครัฐฯ และภาคส่งออกที่ฟื้นตัวเด่นในปีนี้


สรุป ประเด็นการยุบพรรคก้าวไกลไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมาย (หลังศาลตัดสินว่าพรรคก้าวไกลเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง) ดังนั้น SET INDEX ไม่น่าจะตอบรับประเด็นนี้มากนี้ ขณะที่ปัจจัยบวก คือ การคาดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ที่คาดจะโตเป็นขับบันไดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 จนทั้งปีคาดเติบโตราว 2.7%-2.8%ส่วนวันนี้วางกรอบการเคลื่อนไหวของ SET INDEX 1374-1388 จุด

 

ตลาดหุ้นไทยเป็นลักษณะเก็งกำไรซึมๆ ช่วงสั้น แต่ยังคาดหวังจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น
ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในโหมดซึมๆ สะท้อนได้จากมูลค่าซื้อขายในเดือน มี.ค. 67 (MTD)อยู่ที่ 4.06 หมื่นล้านบาทต่อวันเท่านั้น (คิดเป็น TURNOVER 58% ต่อปี) อาจต้องรอวันที่ 25 มี.ค. ที่มีการเพิ่มชั่วโมงซื้อขาย 30 นาที น่าจะช่วยให้มูลค่าซื้อขายเพิ่มขึ้นได้บ้าง


ช่วงที่มูลค่าซื้อขายเบาบางทำให้เห็นการเก็งกำไรในตลาดหุ้นมากขึ้น อาทิ วานนี้ SETINDEX มีมูลค่าซื้อขาย 4.1 หมื่นล้านบาท เป็นการซื้อขาย DW ถึง 7.9 พันล้านบาทคิดเป็นสัดส่วนถึง 19.4% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด และสัดส่วนหลักเป็นการซื้อขายDW ที่มีสินทรัพย์อ้างอิงเป็นตลาดหุ้นฮ่องกง (HANGSENG) จนติดมูลค่าซื้อขายสูงสุดในตลาดถึง 3 ตัวใน 10 อันดับแรก เพราะหุ้นฮ่องกงวานนี้ขึ้นได้แรงเกือบ 3%

ขณะที่ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีSET INDEX ยังติดลบอยู่ -2.5% (YTD) และตามหลังตลาดหุ้นอื่นๆ อยู่มาก อาทิ ตลาดหุ้นฮ่องกงช่วง 1 เดือนกว่าๆ ฟื้นขึ้นแรงเกิน 10%จนผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีพลิกกลับมาเป็นบวก +1.8%(YTD) ส่วนหุ้นญี่ปุ่นเคยขึ้นไปแรง 22%(YTD) ช่วงนี้ย่อลงมาเหลือ 18%(YTD) เนื่องจากกังวลว่า BOJ อาจลดการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายลง

ดังนั้นเชื่อว่า SET INDEX ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวในระยะถัดไป ขณะที่การเคลื่อนไหวของดัชนียัง LAGGARD กว่าตลาดหุ้นอื่นๆ มาก ส่วนระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่ได้กระแสเชิงบวกสนับสนุนจากหุ้นจีนเริ่มฟื้นขึ้นมาแรง อย่าง กลุ่ม ETRON (KCE,HANA), PKG (SCGP), PETRO (PTTGC, IVL), AGRI (STA, NER)


Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

หมดแรง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นตลาดหุ้นไทย ไร้ปัจจัยบวก ไร้แรงกระตุ้น ก็หมดเวลาได้ไปต่อ ด้วย งบบจ.แจ้งผลงานไตรมาสแรก....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้