Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

196


เป็นห่วงกำไร4Q66ของ บริษัทจดทะเบียน
ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะเห็นการหดตัว QoQ ในงวด 4Q66น่าจะถูกสะท้อนมายังผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน โดยหากติดตามตัวเลขกำไรสุทธิที่ทยอยประกาศออกมาแล้วจนถึงปัจจุบันประมาณ 40% Market Capพบว่าราว 70% มีตัวเลขกำไรที่ต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งถือเป็นสัญาณเชิงลบ และน่าจะนำไปสู่การปรับลดประมาณการกำไรในปี 2567 ในระยะถัดไป และเป็นที่น่าสังเกตุก็คือ เมื่อบริษัทประกาศกำไรออกมาต่ำกว่าคาด มักจะต้องเผชิญแรงขายที่รุนแรง ในช่วงจากนี้ไปจะเข้าสู่การประกาศผลประกอบการที่หนาแน่น ภายใต้บรรยากาศดังกล่าวอาจเป็นตัวที่สร้างแรงกดดันต่อ SET Index ได้ ส่วนประเด็นเรื่องเงินเฟ้อ และ ทิศทางดอกเบี้ย ก็จะกลับมามีน้ำหนักอีกครั้ง หลังจากที่เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ม.ค.67 ออกมาสูงกว่าที่คาด และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องตามใกล้ชิดSET Index ยังอยู่ภาวใต้แรงกดดันจากตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด และการคงดอกเบี้ยระดับสูง รวมกำไรงวด 4Q66 วันนี้คาออยู่ในกรอบ 1377 –1390 จุดหุ้นTop Pick เลือก BDMS, CPALLและ MAJOR

 


Trend ราคาน้ำมันขยับขึ้น ยิ่งเพิ่มแรงกระตุ้นเงินเฟ้อ
ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวสูงขึ้นนับตั้งแต่ต้นปีราว 6.8% ล่าสุดขยับขึ้นมายืนเหนือ 76 เหรียญฯ/บาเรล ขณะที่ราคาน้ำมันเฉลี่ยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับของปีก่อนหน้า (YoY) มีแนวโน้มหดตัวน้อยลง ซึ่งกำลังเป็นแรงผลักที่กระตุ้นให้เงินเฟ้อชะลอตัวได้ช้าลงนอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI เฉลี่ยในเดือน ม.ค.-ก.พ.67 (กราฟเส้นสีน้ำเงิน) แม้จะอยู่ในระดับต่ำกว่า 2 ปีก่อนหน้า (กราฟเส้นสีเทา-ส้ม) อย่างไรก็ตามหากราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งเดือน ก.พ. สูงกว่า 76.9 เหรียญฯ/บาเรล และในเดือน มี.ค. อาจมีความเสี่ยงมากขึ้นที่ราคาน้ำมันเฉลี่ยจะสูงกว่า 73.4 เหรียญฯ/บาเรล จึงมีโอกาสที่จะส่งผ่านไปยังเงินเฟ้อในหมวด Energy ให้ขยับขึ้นได้เช่นกัน

 


ทั้งนี้ ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐาสตร์ที่ยืดเยื้อและทวีความรุนแรง ยังคงปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะมักเข้ามากดดันฝั่ง Supply และผลักให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นได้ โดยสถานการณ์ล่าสุดยังคงเห็นความตึงเครียดบนคาบสุมทร์เกาหลีอย่างต่อเนื่อง หลังเกาหลีเหนืยิงขีปนาวุธหลายลูกตกนอกชายฝั่งตะวันออก ซึ่งนับเป็นการยิงครั้งที่ 5 นับแต่แต่ต้นปี 2567 ส่วนในฝั่งตะวันออกกลาง มีเหตุระเบิดรุนแรงที่ท่อส่งก๊าซในอิหร่าน คาดเป็นการก่อวินาศกรรม อีกทั้งกลุ่มฮูตีได้ประกาศชนะคุมทะเลแดงหลังไม่มีเรือขนส่งสินค้าแล่นผ่านบริเวณดังกล่าวนับตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาสรุป ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น YoY น่าจะส่งผ่านไปยังเงินเฟ้อในหมวด Energy ให้ขยับขึ้นในระยะข้างหน้าได้ โดยมีปัจจัยกระตุ้นหลักจากความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ ซึ่งอาจกระทบไปถึงการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายได้ช้าลง


GDP และ earning งวด 4Q66 ที่ไม่สดใส จะเป็นแรงกดดันต่อ setindex ระยะถัดไป
BLOOMBERG CONSENSUS คาดการณ์ GDP GROWTH ไทยปี 2566 อย่างไม่เป็นทางการ โตเพียง 2.1%YOY ซึ่ง GDP GROWTH(YOY) ไทยไตรมาส 1-3 อยู่ระดับ 2.6% 1.8% และ 1.5% ตามลำดับ ทำให้ GDP ใน 4Q66 คาดขยายตัว2.5%YOY พร้อมกับเป็นไตรมาสอาจติดลบราว -0.1%QOQ กดดันให้เศรษฐกิจบ้านเราเสี่ยงต่อภาวะ TECHNICAL RECESSION (ถ้าติดลบ 2 ไตรมาสติดต่อกัน)เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อไทยที่ติดลบ 3 เดือนติดต่อกัน (ต.ค.-ธ.ค. 66) พร้อมกับนักท่องเที่ยวที่ยังกลับเข้ามาได้ไม่เต็มที่ บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างมีนัยฯขณะที่ฝั่งกำไรบริษัทจดทะเบียน ข้อมูลล่าสุดจาก Bloomberg Consensus มีประกาศงบงวด 4Q66 ออกมาแล้ว 90 บริษัท มีกำไรรวม 9.7 หมื่นล้านบาท(40%Market Cap) ต่ำกว่าประมาณการราว 43% ซึ่งยิ่ง Earning Surprise ในทางลบมากเท่าไหร่ ยิ่งสร้างแรงกดดันต่อ set index มากเท่านั้น ยกตัวอย่าง kce ที่กำไรออกมาต่ำคาดถึง 14% กดดันราคาหุ้นวานนี้ ปรับลดลง 10% ซึ่งการที่ Earning งวด 4Q66Surprise ในทางลบ ส่งผลต่อประมาณการ EPS67F ให้ลดลงตามด้วย โดยล่าสุดEPS67F อยู่ที่ 97.80 บาท/หุ้น


ดังนั้น ช่วงครึ่งหลังของเดือน ก.พ.67 ถือเป็นจุดสำคัญที่ชี้วัด SET index เนื่องจากมีจำนวนบริษัทจดทะเบียนที่จะประกาศงบมากที่สุด ซึ่งหากกำไรออกมาต่ำคาด เฉกเช่นในปัจจุบัน จะถือเป็นแรงกดดันต่อ SET Index อีกระลอกหนึ่ง

 


สรุป การที่ GDP และ Earning ในงวด 4Q66 มี Negative surprise ทำให้ประมาณการในปี 2567 มี Downside ไปด้วย ซึ่งต้องติดตามการประกาศงบในช่วงครึ่งหลังของ ก.พ.67 ที่มีบริษัทจดทะเบียนจำนวนมากจะประกาศ ดังนั้น คาดจะเป็นตัวชึ้นำSET Index ในระยะถัดไป โดยวันนี้ คาดกรอบการเคลื่อนไหวของ STE Index ในกรอบ1377 -1390 จุดผลต่าง Bond Yield ไทยสหรัฐกว้างขึ้น กดดันบาทอ่อน FundFlow อาจชะลอได้ในปีนี้ ส่วนต่างระหว่าง Bond Yield 10 ปี ไทยกับสหรัฐฉีกห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ และห่างออกจากกันเร็วมากที่สุดในเอเชีย จากเคยต่างกันแคบสุดที่ 122 bps. ตอนนี้เป็น171 bps. แสดงว่าทิ้งห่างกันเพิ่มขึ้นมา 49 bps. รองลงมา คือ จีน, อินเดีย, อินโดฯแสดงว่า นักลงทุนมองสหรัฐยังไม่จำเป็นในการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายในเร็วๆ นี้แต่การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินในไทยมีความจำเป็นมากขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจยังชี้ให้เห็นถึงความอ่อนแอ ขณะที่ความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินในมุมมองของนักลงทุน รองลงมา คือ ประเทศจีน เป็นต้น


ความเห็นของนักลงทุนในความจำเป็นของการดำเนินนโยบายทางการเงินไทยกับสหรัฐที่ฉีกออกจากกัน จะส่งผลให้ค่าเงินบาท ยังมีโอกาสอยู่ในโซนอ่อนค่าระยะหนึ่งได้ สะท้อนได้จากวานนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่า 1.15% เป็นการอ่อนค่ามากที่สุดในภูมิภาค

 

 

ทั้งส่วนต่าง Bond Yield สหรัฐที่ฉีกออกจากไทยเร็วสุดในภูมิภาค จะกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าแล้ว ยังกดดันให้ Fund Flow ชะลอการไหลเข้าหุ้นไทยหนักสุดภูมิภาคด้วย ทั้งในเดือน ม.ค.67และ ก.พ.67 (mtd)

 


กลยุทธ์ยังคงแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า เข้าทาเสริมเพื่อลดความผันผวน อาทิ หุ้นส่งออก HANA SVI DELTA KCE TU ITC AAI CPF GFPTSTA NER STGT VNG SCC, หุ้นอิงการท่องเที่ยว AOT AAV BA MINT CENTELERW และหุ้นโรงพยาบาลมักผันผวนต่ำกว่าตลาด BH, BDMS, PR9, BCH

 

 

 


RESEARCH DIVISION
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

หุ้นใหญ่ฟื้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองเห็นหุ้นใหญ่หลายตัว ฟื้นตัว เนื้อตัวเต็มไปด้วยแสง สีเขียว ตามตลาดสหรัฐบวก ....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้