News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

25 ม.ค. 2567 09:19:27 267

Market Wrap-Up

SET วันที่ 24 ม.ค.67 ปิด +24.65 จุด อยู่ที่ 1,381.19 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,763 ลบ.ต่างชาติขาย 570 ลบ.สถาบันซื้อ 852 ลบ.พอร์ตโบรกขาย 356 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิอยู่ที่ 361 ลบ. มียอดซื้อสุทธิในหุ้น BDMS,TU,JMT,ADVANC,EGCO และมียอดขายสุทธิ AOT,BBL,MTC,EA,TISCO มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 5,213 ลบ. หุ้นที่มีปริมาณ Short สูงคือ HKTECH13,THG,OSP-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 37,876 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 64,472 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 1,528 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.26%, S&P500 +0.08%, Nasdaq +0.36% ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสื่อสาร +1.2% โดย Netflix +10.7% รับยอดสมาชิก Q4/66 เพิ่มขึ้น 13.1 ล.ราย ส่งผลให้ทั้งปี 66 เพิ่มขึ้น 260.8 ล.ราย & คาด 256 ล.ราย ขณะที่ PMI รวมภาคผลิต & บริการสหรัฐ เบื้องต้น ม.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 52.3 & ธ.ค. 50.9 สูงสุดในรอบ 7 เดือน ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +1.18% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +4.8% หลัง ASML +9.7% และ SAP บริษัทซอฟแวร์ +7.6% รับรายกำไร Q4/66 ดีกว่าคาด

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสื่อสาร หลัง Netflix คาดรายได้ปี 67 จะเติบโตที่ระดับ 24% จากจำนวนสมาชิกคาดเพิ่มขึ้น Double Digit ขณะที่ดัชนีกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ +1.54% รับแนวโน้มบวกกำไรของกลุ่มผู้ผลิตชิป เช่น Nvidia, ASML, Broadcom จากอุปสงค์ชิป AI อยู่ระดับสูง ส่วนรายงาน PMI รวมภาคผลิต & บริการสหรัฐ เบื้องต้น ม.ค. อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน ส่งผลให้เฟดอาจจะยังตรึงดอกเบี้ยสูงต่อไป โดย Reuter Pool คาดเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วง มิ.ย. จากเดิมคาด มี.ค. นี้ ค่ำวันนี้ติดตาม US GDP Q4/66 คาด +2.0% & Q3/66 ที่ +4.9% QoQ และวันพรุ่งนี้ US PCE ธ.ค. คาดทรงตัวที่ 2.6% YoY เพื่อเป็นดัชนีบ่งชี้แนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐก่อนการประชุมเฟดวันที่ 31 ม.ค. ส่วนตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +4.8% รับกำไร Q4/66 ของ ASML ผู้ผลิตชิปเนเธอร์แลนด์ดีกว่าคาด กอปรได้ปัจจัยหนุนจากจีนประกาศลดอัตรา RRR ส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราที่พึ่งพาอุปสงค์จากจีน ค่ำวันนี้ติดตามผลการประชุม ECB โดยตลาดคาดมีโอกาส ECB จะลดดอกเบี้ยปีนี้ถึง 1.3% ขณะที่ PMI รวมภาคผลิต & บริการยูโรโซน เบื้องต้น ม.ค. ยังชะลอตัวอยู่ที่ในโซนถดถอย ทางฝั่งเอเชียวานนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +1.8%, ฮั่งเส็ง +3.56% หลัง ธ.กลางจีนประกาศลดสำรองของ ธ.พาณิชย์ลง 0.5% ในวันที่ 5 ก.พ. นี้ ส่งผลให้สภาพคล่องในตลาดเงินเพิ่มขึ้น 1.39 แสน ล.ดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีน สำหรับดัชนี SET วานนี้ +1.82% ปริมาณการซื้อขาย 5.37 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 852 ลบ. ต่างชาติขาย 570 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 356 ลบ. ได้แรงหนุนจากกลุ่มไฟแนนท์, ค้าปลีก, ท่องเที่ยว, ปิโตรเคมี ปรับขึ้นในช่วงบ่ายหลัง ธ.กลางจีนลดอัตรา RRR ส่งผลบวกต่อกลุ่มพึ่งพาอุปสงค์จากจีน กอปรกับศาล รธน.วินิจฉัยกรณีพิธา ถือหุ้น ITV ไม่เข้าข่ายประกอบการธุรกิจสื่อ ดังนั้นพิธาจึงยังไม่ขาดคุณสมบัติการเป็น สส. ส่งผลให้แรงกดดันการเมืองในประเทศลดลง ขณะที่ สศค.เผย GDP ไทยปี 66 เติบโต +1.8% & ปี 65 ที่ +2.6% เป็นผลจากภาคผลิตอุตสาหกรรมหดตัว และส่งออก -1.5% ส่วนปี 67 คาด + 2.8% จากการฟื้นตัวของภาคส่งออก & การบริโภคเอกชน โดยยังไม่รวม ม.ดิจิทัล วอลเล็ต

Daily Strategy

ประเมินดัชนี SET กลับมาทรงตัวในกรอบ 1,370 – 1,390 หลังวานนี้ดัชนีไม่ทำจุดต่ำสุดกว่าระดับ 1,355 โดยรอผลการประชุมเฟด และรายงานกำไร Q4/66 แนะนำทยอยซื้อ MINT,CENTEL,CPALL,CPN,BH,BDMS,SPA รับจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ม.ค. ปรับเพิ่มขึ้น
MASTER* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 78.50 บาท) บริษัทรายงานกำไร 9M66 ที่ 253 ล้านบาท +14%YoY แนวโน้มผลประกอบการ 4Q66 มีทิศทางเติบโตทำจุดสูงสุดของปี หนุนจากรายได้ที่เติบโตสูงในช่วง high season ส่งผลให้ U-rate ห้องผ่าตัดใหม่ดีขึ้น ซึ่งส่งผลบวกต่ออัตรากำไรขั้นต้น นอกจากนี้ยังมีการเริมรับรู้กำไรจากการเข้าลงทุนใน WIND Clinic / Rattinan Medical Center / Dr.Chen และ KIN Corp. ส่วนแนวโน้มปี 67 ผู้บริหารตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ +20% หนุนจากการเติบโตต่อเนื่องทั้ง Organic และ Inorganic ด้วยแผนกลยุทธ์แบบ Merger and Partnership (M&P) ซึ่งช่วงท้ายปีก่อนมีการเข้าลงทุนในคลินิกเสริมความงามอีกหลายแห่งที่จะเริ่มรับรู้ส่งแบ่งกำไรเข้ามาระหว่างปีทั้ง V Square / Dr. Top Hair, TYP, CMNH 2012, BEQ และยังมองหาดีลเพิ่มเติมโดยใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดภายในกิจการและเครื่องมือทางการเงิน รวมถึงมีแผนย้ายจาก mai เข้าไปใน SET ช่วงกลางปี 67
MC* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 14.80 บาท) กำไรสุทธิงวด 1Q67(ก.ค.-ก.ย.66) อยู่ที่ 129 ลบ.+12%YoY, +9%QoQ เห็นการเติบโตได้ตามยอดขายที่ +16%YoY จากการขยายช่องทางการขายโดยเฉพาะในส่วนที่เป็น Free-standing shop ส่วนการดำเนินงานช่วง ต.ค.-ธ.ค.66 คาดว่าจะดีต่อเนื่อง จาก high season ส่วนช่วงCY67 มีโอกาสสูงที่จะได้ประโยชน์จากม.กระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐฯ(easy e-receipt) โดยทาง MC* เองวางงบลงทุนก.ค.66-มิ.ย.67 ที่ 100 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาใหม่ 40 สาขา แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกของตนเองในช่องทางห้างฯ10 สาขา และ Mc Outlet 30 สาขา ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี67 ของ MC* ที่ 741 ลบ.(+15%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI มี.ค. +$0.72 อยู่ที่ $75.09/บาร์เรล Brent มี.ค. +$0.49 อยู่ที่ $80.04/บาร์เรล หลัง EIA เผยสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 9.2 ล.บาร์เรล มากกว่าคาดจะลด 2.1 ล.บาร์เรล กอรปการผลิตน้ำมันสหรัฐต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ 12.3 ล.บาร์เรล/วัน

Gold Update(-) Comex Gold ก.พ.-$9.80 อยู่ที่ $2,016 /ออนซ์ กังวลเฟดอาจตรึงดอกเบี้ยสูงนาน หลังวานนี้ US PMI รวมภาคผลิต & บริการ ม.ค. ปรับสูงขึ้น โดยนักลงทุนรอรายงาน US GDP Q4/66 และ US PCE ธ.ค. ก่อนการประชุมเฟดวันที่ 31 ม.ค.

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ
+84.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -15.96 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโด ฯ +94.28 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +6.06 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 35.76 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.181 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +34 จุด อยู่ที่ 1,507

(+) BitCoin เช้านี้ +0.81% อยู่ที่ 40,100 ดอลลาร์สหรัฐ

(-) Tesla -3% หลังปิดตลาด หลังรายงานกำไรต่ำกว่าคาด เป็นผลจากการลดราคาขายรถยนต์ EV ส่งผลให้ Gross margin Q4/66 ลดลงอยู่ที่ 17.6% & Q3/66 ที่ 23.8%

Economic Calendar

ในประเทศ

31 ม.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์

สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

24 ม.ค. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ม.ค.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ม.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

25 ม.ค. EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป

EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (ม.ค.)

US ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (เดือนต่อเดือน) (ธ.ค.)

US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 4)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US ยอดขายบ้านใหม่ (ธ.ค.)

26 ม.ค. US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index (ธ.ค.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตัวรับความหวังเศรษฐกิจจีนเริ่มดีขึ้น ลุ้น Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1)กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT, HMPRO, ILM, CPN, CRC, MC, KAMART, CBG, ICHI, RBF

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัวจากฐานต่ำปี66 AAI, ITC, TU, COCOCO, SAPPE, DELTA, KCE, EPG, NYT, SJWD

(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT, CENTEL, ERW, SPA, SISB, WPH

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC, TIDLOR

(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ เริ่มลดลง BGRIM, GPSC

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA, SUSCO

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio January 2024: MENA*, TU*, ITC*, RBF*, CBG*

Analysts

Apichai Raomanachai