Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง : บทวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุนรายวัน

249

 


Today’s dominant ideas
ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหว Sideways Down แนวรับ 1,370/1,366 จุด แนวต้าน 1,388/1,392 จุด อิงรูปแบบทางเทคนิค ที่ดัชนีฯ ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาลง ตามรูปแบบ Rounding Top อย่างไรก็ดี บริเวณแนวรับหลักที่ 1,370/1,354 จุด มีโอกาสเกิด Technical Rebound เนื่องจากเครื่องมือทางเทคนิคสำคัญ อาทิ RSI และ Stochastic เข้าเขต Oversold Area มากขึ้น สะท้อนโอกาสเกิดรีบาวด์ระยะสั้น


ภาพรวมผลประกอบการ 4Q23 ของธนาคาร 6 แห่ง กำไรต่ำกว่าคาด 8.2%

NII เติบโต (+15% YoY, +3% QoQ) จาก NIM ที่ขยายตัวขึ้น 31 bps YoY และ 6 bps QoQ ในขณะที่สินเชื่อลดลงเล็กน้อย

Non-NII ลดลง (-4.8% YoY, -2.5% QoQ) จากภาวะตลาดทุนที่ส่งผลขาดทุนผ่าน FVTPL และรายได้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนที่ลดลง

ECL เพิ่มขึ้น (4.8% YoY, 13.3% QoQ) จากการตั้งสำรองเพื่อรองรับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ NPL% ลดลงเล็กน้อย YoY
และทรงตัว QoQ ในส่วนของ Coverage ratio เพิ่มขึ้นเล็กน้อยและยังอยู่ระดับสูง

Cost to Income ทรงตัว YoY และเพิ่มขึ้น QoQ จาก Seasonal และค่าใช้จ่ายด้าน IT
ดีกว่าคาด

SCB: NIM ขยายตัว (42 bps YoY 22 bps QoQ) สำรองลด QoQ จากการตั้งเผื่อเมื่อไตรมาสก่อนแล้ว และค่าใช้จ่ายลดลง จากฐานสูงในช่วงเดียวกันของปีก่อน

TTB: 4Q23 ได้ประโยชน์ทางภาษี 4.2 พันล้านบาท (โดยตั้งสำรองพิเศษในจำนวนใกล้เคียงกันเพื่อรอรับความเสี่ยงในอนาคต) โดยในเดือน พ.ย. 2023 บริษัท ทีบีซีโอ (TBANK เดิม) ดำเนินการจดทะเบียนชำระบัญชีทำให้ผลขาดทุนทางจากเงินลงทุนดังกล่าว (ขาดทุนทางบัญชี) สามารถนำกลับมาใช้เป็นผลประโยชน์ทางภาษีได้ โดยสามารถรับรู้ได้ตามผลกำไรที่เกิดขึ้นในงวดส่งผลให้ TTB ไม่มีค่าใช้จ่ายในภาษีในปี 2023 ทั้งนี้ มีผลประโยชน์ทางภาษีที่เหลือจำนวน 15.5 พันล้านบาท สามารถรับรู้ไปถึงปี 2028 โดยจะทยอยรับรู้ตามการประมาณการรายได้ในอนาคต ไม่ได้ใช้วิธีรับรู้เท่ากันทุกปี
ต่ำกว่าคาด

BBL: จากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นโดย Cost to income ratio อยู่ที่ 56% เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่าย เพื่อพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์แข็งแกร่ง

KTB: จากการตั้ง ECL เพิ่ม (+73% YoY, +60% QoQ) เพื่อรองรับความไม่แน่นอน โดยธนาคารได้ตั้งสำรองที่เหมาะสมสำหรับลูกค้า รายใหญ่รายหนึ่งและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน

KBANK: จากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น Cost to income ratio 48% เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากค่าใช้จ่ายด้าน IT

TISCO: จาก NIM ที่ลดลงสำรองเพิ่มและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น (Cost to income 51.4% ขณะที่สินเชื่อเติบโต 7% YTD และ 1% QoQ)
ประเด็น Event สำคัญ วันนี้

Weekly Strategy Update-มุมมองต่อ SET Index: ตลาดหุ้นไทยปรับฐานลงมา จนทำให้ MRP ปรับตัวสูงขึ้น 9bps. มาที่ 4.4% จากแรงกดดันภายนอก อันเนื่องมาจากผลกระทบของการปรับมุมมองดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่เริ่มชะลอความคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง หนุนการกลับมาแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์ +1.2% WoW ขึ้นมาที่ 103.5 สร้างแรงกดดันให้กระแสเงินทุนต่างชาติ

ไหลออกจากตลาดพันธบัตรมูลค่า -14.7 พันล้านบาท และไหลออกจากตลาดหุ้นไทย 7.1 พันล้านบาท ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งยังหนุนการฟื้นตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลก โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 6bps. มาที่ 2.75% กดดันให้เกิดการ De-rate Valuation ลง ส่งผลให้กรอบการเคลื่อนไหวในระยะ 12 เดือนข้างหน้าปรับลงมาที่ 1,353-1,484 จุด (Vs 1,378-1,504 จุด WoW)


กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้: แนะนำซื้อเก็งกำไร และเพิ่มน้ำหนักซื้อสูงขึ้น หากัชนีฯ ร่วงต่ำกว่า 1,353 จุด (อิง MRP 4.52% ซึ่งเป็นระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 2 S.D.) และเริ่มทยอยขายเมื่อดัชนีปรับขึ้นสูงกว่า 1,415 จุด
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ มีจำนวนมาก

+/-US: ผลประกอบการบจ. สหรัฐฯ จับตารายงานผลกำไรของ United Airlines (คาดรายงาน 4Q23E EPS USD1.70 Vs ช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ USD2.46) Zions Bancorporation (คาดรายงาน 4Q23E EPS USD0.89 Vs ช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ USD1.84) ทั้งนี้ Factset คาดการณ์ผลกำไร 4Q23E (EPS Growth) เติบโต -1.7% YoY (ปรับลดลงจากที่เคยประมาณการไว้ +8.1% YoY ณ วันที่ 30 ก.ย.) -7.5% QoQ (คาดการณ์ 4Q23E EPS ที่ USD52.18 Vs 4Q22 USD53.49 และ 3Q23 USD58.90) ส่งผลทั้งปี 2023E คาด EPS เติบโต +0.1% YoY และคาดว่าปี 2024E เติบโตสูงถึง +12% YoY ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย +8.4% ในปี 2013-22

+US: รายงานตัวเลข CB Leading Index เดือน ธ.ค. คาดปรับตัวดีขึ้น แต่ยังเติบโตติดลบ -0.3%MoM (Vs เดือน พ.ย. -0.5% MoM) อิงจากดัชนีวัดความเชื่อมั่นเดือน ธ.ค. ที่ปรับขึ้นแรงจาก 101 ในเดือน พ.ย. เป็น 110.7 (Optimism สูงสุดตั้งแต่เดือน ก.ค. 2023) โดยความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน สูงขึ้นจาก 136.5 เป็น 148.5 และความเชื่อมั่นต่อคาดการณ์ในอนาคต 77.4 เป็น 85.6 ส่วนผลสำรวจผู้บริโภค 36 ล้านคน ณ สิ้นสุดวันที่ 14 ธ.ค. 2023 ต่อแนวโน้มการเกิดภาวะ Recession ใน 12 เดือนข้างหน้า ปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดรอบปี แม้ว่าสัดส่วน 2/3 ยังคงคาดว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจมีความเป็นไปได้สูง

*China: จับตาสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย Consensus คาด China Loan Prime Rate 1yr/5yr เท่าเดิม 3.45%/4.2% สะท้อนจีนยังคงไม่มีการออกมาตรการกระตุ้นนโยบายการเงินเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี ในด้านนโยบายการคลังมีข่าวว่าจีนเตรียมออกพันธบัตรพิเศษเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 26 ปี เพิ่มเติม 1 ล้านล้านหยวน คิดเป็น 1% ของ GDP และ 2% ของงบดุล PBOC เพื่อเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหัวเมืองหลัก และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเร่งด่วน เหมือนกรณี ช่วงหลังวิกฤติต้มยำกุ้งปี 1998 และช่วง COVID-19 ปี 2020

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นปันผลสูง ได้แก่ SABINA PTT WHAUP

 

Strategic daily picks
SABINA ปิด 28.00 บาท/แนวรับ 25.25 บาท แนวต้าน 28.50 บาท
คาดผลงาน 4Q23 ยังเติบโตดีต่อเนื่อง พร้อมตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ 10-15% จากปีก่อน มีโอกาสที่จะสูงเกินกว่าเป้าหมาย และส่งผลให้บริษัทสามารถทำรายได้สูงกว่า 3.3 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจขยายตลาดในต่างประเทศใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาประมาณ 4-5 ประเทศ รวมถึงนำเสนอในส่วนที่เป็นผลิตภัณฑ์ด้านนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ทันสมัยมากขึ้น ซึ่งคาดว่าในปี 2024 อาจได้เห็นความชัดเจนใหม่ ๆ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 467.40 ล้านบาท (+12.03% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 31.45 บาท


PTT ปิด 34.25 บาท/แนวรับ 31.50 บาท แนวต้าน 35.75 บาท
ประมาณการงบลงทุน 5 ปี (ปี 2024-28) ของ PTT และบริษัทในกลุ่ม ราว 8.92 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังเตรียมงบลงทุนโครงการที่อยู่ระหว่างหาโอกาสลงทุนในอนาคตในระยะ 5 ปีข้างหน้าอีก จำนวน 1.07 แสนล้านบาท เพื่อขยายการลงทุนในช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงาน ขณะที่คาดธุรกิจสำรวจและผลิตในปี 2024 จะมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นจากแหล่ง G1/61 (เอราวัณ) ที่จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นแตะระดับ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ในเดือน เม.ย. 2024 แต่คาดราคาขายเฉลี่ยจะปรับลดลงตามคาดการณ์ราคาขายน้ำมันดิบตลาดโลกที่ลดลง Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 1.02 แสนล้านบาท (+11.34% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 38.81 บาท

 

WHAUP ปิด 4.10 บาท/แนวรับ 3.94 บาท แนวต้าน 4.26 บาท
คาดภาพรวมการดำเนินงาน 4Q23 ยังเป็นไตรมาสที่ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะพลังงานหมุนเวียที่จะมีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) เพิ่มเติม (3Q23 มี PPA รวมแล้ว 182 เมกะวัตต์) ขณะเดียวกันคาดว่าจะสามารถลงนามโครงการ FiT บิ๊กล็อตของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) อีกประมาณ 125 เมกะวัตต์ ในช่วงต้นปี 2024 นอกจากนี้ ธุรกิจน้ำ-ไฟฟ้ายังมีแนวโน้มขยายตัวโดดเด่น จากการเติบโตของลูกค้าในกลุ่ม WHA Group Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 1.49 พันล้านบาท (+228.75% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 5.17 บาท

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

หุ้นใหญ่ฟื้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองเห็นหุ้นใหญ่หลายตัว ฟื้นตัว เนื้อตัวเต็มไปด้วยแสง สีเขียว ตามตลาดสหรัฐบวก ....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้