AT THE OPEN (#ATO)

SET Index ลุ้นฟื้น
กลยุทธ์ เลือกหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการสดใส
Market Strategy
คาด SET Index ลุ้นฟื้นตามกรอบ 1375-1395 จุด ผลสำรวจมหาวิทยาลัยมิชิแกนเดือน ม.ค. ต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ 1 ปีข้างหน้าขยายตัว 2.9%YoY ลดลง 3.1%YoY ในเดือนก่อน ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับขึ้นมาที่ 78.8 ดีกว่าตลาดคาด 70.2 สะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ล่าสุด FEDWATCH TOOL เลื่อนความหวังปรับลดดอกเบี้ยของ FED ครั้งแรกไปที่เดือน พ.ค. 67 ด้วยความน่าจะเป็น 62% จากเดิมคาดเดือน มี.ค. แต่การตอบสนองของตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับขึ้นในช่วง 1% ถึง 1.7% หนุนจากหุ้นในกลุ่ม Tech สะท้อนถึงตลาดดูดซับการลดดอกเบี้ยฯ ช้ากว่าคาดไปแล้ว ซึ่งเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์บ้านเรา (DELTA HANA KCE)

การรายงานงบ 4Q66 ของกลุ่ม ธ.พ. ที่จะเสร็จสิ้นในวันนี้ โดยล่าสุด 6 ธ.พ. ที่เราศึกษา(BBL KBANK SCB KTB TTB TISCO) ทำกำไรสุทธิรวมกัน 4.2 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 32.6%YoY แต่หดตัว 14.6%QoQ ต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดราว 8% โดย ธ.พ. ที่งบดีกว่าคาด TTB SCB ซึ่งราคาหุ้นมีโอกาสแกว่ง Outperform เมื่อเทียบกับกลุ่ม ด้าน ธ.พ. ที่ออกมาตามคาด TISCO ส่วนที่ออกมาแย่กว่าคาดคือ KBANK BBL และ KTB ส่วนสัปดาห์นี้ติดตามรายงานงบ KKP SCGP และ SCC ต่อไป กลยุทธ์การลงทุนเลือกที่ผลประกอบการ 4Q66 เติบโตและขยายตัวต่อในปีนี้

Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 4.58 จุด หนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน PTT +1.5% PTTEP +2% ฟื้นตามราคาน้ำมันดิบ กลุ่ม ธ.พ. ได้แรงหนุนจาก SCB +2.4% และ TTB +5.6% จากการรายงานงบ 4Q66 ดีกว่าตลาดคาด โดยแรงซื้อหลักมาจากนักลงทุนในประเทศ 2.4 พันล้านบาท ส่วนต่างชาติขายสุทธิ 2.7 พันล้านบาท

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ CPALL SPA

SPAเชื่อว่ามี Positive Surprise
ผลประกอบการ 4Q66E มีโอกาสทำระดับ All Time High ในรายไตรมาสหนุนจากการเติบโตของรายได้ และประสิทธิภาพการทำจาก Utilization ที่เพิ่มขึ้นและการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน ซึ่งที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นผ่าน %NetProfit Margin ที่เพิ่มขึ้น 3 ไตรมาสติดต่อกันในปี 2566
พัฒนาการที่ดีขึ้นข้างต้นเมื่อเทียบกับ Bloomberg Consensus ที่คาดว่า4Q66E กำไรจะขยายตัวแค่ YoY (แต่หดตัว QoQ) จึงมีโอกาสที่จะเห็นรอบของ Upgrade Earnings ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้นในระยะถัดไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 13.20 บาท

CPALL ผลการดำเนินงานฟื้นดี
ผลการดำเนินงานปี 2567 คาดเติบโต 23%YoY หนุนจาก SSSG และ Ticket Size ที่ดีขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของบริการ Delivery (ที่รายได้เพิ่มเร็วกว่าต้นทุน) ขณะที่ Gross Margin คาดเร่งตัวขึ้นเช่นกันจาก Product Mix ที่เน้นสินค้า Margin สูงอย่าง Personal Care และ Ready to Eat
กำไร 4Q66E คาดที่ 4.55 พันล้านบาท ขยายตัว 2.9%QoQ และ 45%YoY หนุนจากการบริโภคช่วงปลายปีที่สูงขึ้น มาตรการลดค่าครองชีพภาครัฐฯที่ช่วยเพิ่มกำลังซื้อและมาตรการลดค่าไฟฟ้าที่ช่วยลดต้นทุนพลังงาน
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 79.00 บาท

KEY FACTOR
ในสัปดาห์นี้ มีประเด็นที่ต้องจับตา ทั้งการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ 1) Flash PMI ของทั้งสหรัฐฯ และ Eurozone 2) การประกาศดอกเบี้ย LPR ของจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ภาครัฐใช้พยุงเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา (Consensus คาดว่าจะคงดอกเบี้ยทั้งอายุ 1 และ 5 ปี) 3) ประชุม ECB (วันที่ 25 ม.ค.) ที่ตลาดน่าจะให้น้ำหนักการส่งสัญญาณดอกเบี้ยในช่วงถัดไป ซึ่งถือเป็นประเด็นที่กดดัน Risk sentiment ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพอสมควร จากการค่อยๆปรับมุมมอง Hawkish มากขึ้น 4) ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือน ธ.ค. 1) ส่งออก Consensus คาด +5.9% YoY เร่งตัวจาก +4.9% YoY 2) นำเข้า Consensus คาด +7% YoY ชะลอตัวลงจาก +10.1% YoY

Eyes on
ในสัปดาห์ ส่งออกไทยเดือน ธ.ค., การรายงานงบ 4Q66
22 ม.ค. จีนประกาศดอกเบี้ย LPR 1 ปี และ 5 ปี
24 ม.ค. S&P Global PMI ภาคการผลิตและบริการ ของสหรัฐฯ, HCOB PMI ภาคการผลิตและบริการของ Eurozone
25 ม.ค. GDP 4Q66 ของสหรัฐฯ, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ, ประชุม ECB

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ