News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

19 ม.ค. 2567 08:48:58 411

Market Wrap-Up

SET วันที่18ม.ค.67 ปิด -2.72จุด อยู่ที่ 1,377.93 จุด มูลค่าการซื้อขาย50,984ลบ.ต่างชาติขาย2,650ลบ.สถาบันซื้อ170ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ67ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิอยู่ที่2,854 ลบ. มียอดซื้อสุทธิในหุ้นBANPU,MTC,GPSC,TU,SCBและมียอดขายสุทธิBBL,PTTEP,AOT,IVL,KBANKมูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ5,863ลบ. หุ้นที่มีปริมาณ Short สูงคือJAPAN13,TPIPL,AEONTSโดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะShortใน Index Futures จำนวน 8,227สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 101,905สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน323ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.54%, S&P500 +0.88%, Nasdaq +1.35%ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี นำโดย TSMC +10% รับรายงานกำไร Q4/66 ดีกว่าคาด ส่งบวกต่อบริษัทผู้ผลิตชิปอื่น ๆ เช่น Nvidia+1.9%, AMD +1.6% ปิดทำจุดสูงสุดใหม่ ตลาดหุ้นยุโรป +0.59% ได้แรงจากหุ้นริชมอนด์ ผู้ผลิตเครื่องประดับคาร์เทียร์ +10.4% รับยอดขาย Q4/66 สูงกว่าคาดจากยอดขายจากจีน ส่งผลบวกต่อกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมอื่น ๆ เช่น LVMH, Kering

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้น ได้แรงหนุนจากดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ในตลาดฟิลลาเดลเฟีย+3.4% หลัง TSMC +9.79% รับรายงานกำไรไตรมาสที่ผ่านมาดีกว่าคาด ส่งผลบวกต่อผู้ผลิตชิปรายอื่น ๆ เช่น NVIDIA, AMD ขณะที่ Apple +3.3% หลังแบงก์ ออฟ อเมริการปรับเพิ่มคำแนะนำ ซื้อโดยการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงเปิดตลาดปรับลดลง หลังรายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปด่าห์ลดลง 16,000 อยู่ที่ 187,000 ราย ต่ำสุดในรอบ 16 เดือน บ่งชี้ภาวะตลาดแรงสหรัฐยังแข็งแกร่ง ขณะที่ความเห็นของ ปธ.เฟดสาขาแอตแลนตาคาดเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้นในช่วง Q3/67 สวนทางกับตลาดคาดไว้เร็วสุดใน มี.ค. นี้ โดย CME Fed Watch ชี้มีโอกาส 56% &เดิม 80% คาดเฟดจะลดดอกเบี้ยใน มี.ค.ขณะที่ค่ำวันนี้ติดตาม ม.มิชิแกนเผยดัชนึความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เบื้องต้น ม.ค.และความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดก่อนการประชุมเฟด31 ม.ค. ส่วนตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าหรูหรา และเทคโนโลยี +2.9% รับข่าวผลประกอบการ TSMC ดีกว่าคาด โดยนักลงทุนรอการประชุม ECB สัปดาห์หน้าวันที่ 25 ม.ค. หลังคริสติน ลาการ์ดเผยคาดจะเริ่มลดดอกเบี้ยได้ในช่วงกลางปีนี้ ส่งผลให้โอกาสเพียง 20% ที่ ECB จะลดดอกเบี้ยใน มี.ค. หลังเงินเฟ้อยูโรโซน ธ.ค. ที่ผ่านมาปรับสูงขึ้น ฝั่งเอเชียวานนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้&ฮั่งเส็งเริ่มฟื้นตัว หลังวันก่อนปรับลดลงรับ GDP จีน Q4/66 +5.2% ต่ำกว่าคาด +5.3% YoY กอปรนายก ฯ จีนเผยในงาน WEF ว่าปีนี้จีนจะยังไม่ใช้ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ โดยเช้านี้ดัชนีนิเกอิ +1%กว่าจากแรงซื้อกลุ่มเทคโนโลยี และ Core CPI ญี่ปุ่น ธ.ค.อยู่ที่ 3% &พ.ย. 2.5% YoY ส่งผลให้ BOJ ยังสามารถใช้ ม.ผ่อนคลายการเงินต่อไป สำหรับดัชนี SET วานนี้ -0.2% ปริมาณการซื้อขาย 5.0 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 2.6 พัน ลบ. รายย่อยซื้อ 2.4 พัน ลบ. สถาบันซื้อ 170 ลบ. โดยมีแรงขายหุ้นกลุ่ม Global Play เช่น ปิโตรเคมี, บรรจุภัณฑ์ จากความกังวลต่ออุปสงค์จากจีนมีแนวโน้มชะลอตัว ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยว &ค้าปลีกปรับลดลง จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนอาจต่ำกว่าคาด รวมถึง ม.ดิจิทัล วอลเล็ต ที่ยังไม่ชัดเจน อาจส่งผลให้กำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัว ซึ่งเป็น Downside ของเศรษฐกิจไทย ส่วนกลุ่มธนาคารปรับลดลง หลังวานนี้ BBL รายงานกำไร Q4/66 อยู่ที่ ที่ 8,863 ลบ.-21.9% QoQ, +17.1% YoY ต่ำกว่า Consensus -18% เป็นผลจากค่าใช้จ่าย Q4/66ปรับขึ้นอยู่ที่ 56.0% & Q3/66 ที่ 45.1% & Q4/65 ที่ 51.7% จากค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล&ค่าพัฒนาด้าน IT

Daily Strategy

ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบ 1,370 – 1,387 ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยีฟื้นตัว แต่คาดยังฟื้นตัวได้จำกัด ระหว่างรอรายงานกำไรของกลุ่มธนาคาร แนะนำทยอยซื้อกลุ่มปลอดภัย &ปันผล เช่น INTUCH, BH, GPSC, AP, AH, SAT /เก็งกำไร RCL,SINO (Drewry World Container Index +23% อยู่ที่ $3,777)
NYT* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 5.05 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 3Q66 ที่ 123 ล้านบาท +10%QoQ, +93%YoY ดีขึ้นต่อเนื่อง แรงหนุนจากรายได้การให้บริการท่าเทียบเรือ +20%YoY ตามปริมาณรถยนต์ผ่านท่าเรือ สอดคล้องกับยอดส่งออกรถยนต์ของไทยที่ใน 3Q66 และยอดนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ยังเติบโตในระดับสูง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นเป็น 7% รวม 9M66 มีกำไรสุทธิ 340 ล้านบาท +114%YoY ส่วนแนวโน้ม 4Q66 คาดยังเติบโตได้ YoY แต่ QoQ อาจลดลงจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น โดยตลาดคาดกำไรสุทธิปี 66 ที่ 420 ล้านบาท +67%YoY รับอานิสงส์ยอดส่งออก-นำเข้ารถยนต์ของไทยที่ฟื้นตัว และรายได้อีกราว 30% ที่มาจากการใช้เข้าพื้นที่โกดังสินค้าที่อัตราการเช่าใช้ที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามคาดว่าในส่วนของเรือ Ferry Seahorse ยังขาดทุนอยู่และน่าจะเป็นตัวฉุดผลประกอบการอยู่ ส่วนปี 67 คาดกำไรที่ 446 ล้านบาท +6%YoY แม้เติบโตไม่สูงแต่เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีราว 7%
DMT* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 120 บาท) กำไรสุทธิ 9M66 อยู่ที่ 754.62 ลบ. +38.49%YoY เห็นการฟื้นตัวได้ต่อเนื่องตามรายได้ค่าผ่านทางจาก Traffic การเดินทางที่สูงขึ้นทั้งในส่วนของสัมปทานเดิม และตอนต่อขยายด้านทิศเหนือ หลังการระบาดของ Covid-19 คลี่คลาย ส่วนการดำเนินงานช่วงถัดไป 4Q66 คาดว่าจะยังมีแรงหนุนจากการเป็น High Season การท่องเที่ยว ช่วยหนุน Traffic การเดินทาง โดยภาพรวมปี66 ทางผู้บริหารตั้งเป้าปริมาณการจราจรเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 110,000 คันต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี65 ที่ 85,000 คันต่อวัน ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิ ปี66 และ ปี67 ของ DMT* จะอยู่ที่ 1,018 ลบ.( +30.35%YoY) และ 1,189 ลบ.(+16.80%YoY) ตามลำดับ

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ก.พ. +$1.52อยู่ที่ $74.08/บาร์เรล Brent มี.ค. +$1.22อยู่ที่ $79.10/บาร์เรลได้แรงหนุนจาก IEA คาดอุปสงค์น้ำมันปีนี้เพิ่มขึ้น 1.24 ล.บาร์เรล/วัน &เดิม 1.06 ล.บาร์เรล/วัน และโอเปกคาดการณ์อุปสงค์โลกปีนี้จะเพิ่มขึ้น 2.25 ล.บาร์เรล/วัน

Gold Update(+) Comex Gold ก.พ.+$15.10อยู่ที่ $2,021.60 /ออนซ์เริ่มมีแรงซื้อ หลังปรับลดลงจากความกังวลเฟดอาจตรึงดอกเบี้ยสูงนาน กอปรทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIPวานนี้ขายสุทธิ
-80.29ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -74.50 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโด ฯ -6.22 ล.ดอลลาร์สหรัฐซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +0.43 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 35.55 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่4.16 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +49จุด อยู่ที่ 1,357

(-) BitCoinเช้านี้-3.23% อยู่ที่ 41,199ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

11 ม.ค. หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์

สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์

สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

15 ม.ค. US วันหยุด-วันรำลึกมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์

17 ม.ค. CN ดัชนีจีดีพี (GDP) ของจีน (ปีต่อปี) (ไตรมาส 4)

EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ธ.ค.)

US ดัชนียอดขายปลีก (เดือนต่อเดือน) (ธ.ค.)

18 ม.ค. US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (ม.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

19 ม.ค. US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (ธ.ค.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตัวรับความหวังเศรษฐกิจจีนเริ่มดีขึ้น ลุ้น Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1)กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT, HMPRO, ILM, CPN, CRC, MC, KAMART, CBG, ICHI, RBF

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัวจากฐานต่ำปี66 AAI, ITC, TU, COCOCO, SAPPE, DELTA, KCE, EPG, NYT, SJWD

(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT, CENTEL, ERW, SPA, SISB, WPH

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC, TIDLOR

(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ เริ่มลดลง BGRIM, GPSC

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA, SUSCO

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio January 2024: MENA*, TU*, ITC*, RBF*, CBG*