ภาวะตลาดวันก่อน : SET Index ปิด -3.76 จุด ที่ 1,429.62 มูลค่าซื้อขาย 45.241 หมื่นลบ. แรงขายมาจาก DELTA และ PTTEP กดดันตลาดรวม -2.85 จุด ชะลอตัวหลังขึ้นแรง ความกังวลเรื่องยิวด์พันธบัตรสหรัฐกดดันสั้นนลท.ต่างชาติขายสุทธิ -899 ลบ. ในขณะที่สถาบันขายสุทธิ -616 ล้านบาท

ปัจจัยต่างประเทศ
- จิตวิทยาตลาดหุ้นโลกเป็นลบแรงขึ้น Nasdaq ลงอีก -1.18% ดาวโจนส์ดิ่ง -284 หลังจากการเปิดเผยผลการประชุมเฟดย้อนหลัง โดยเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนในเรื่องการลดดอกเบี้ยลงเมื่อใด แต่ความคาดหวังของตลาดก่อนหน้านี้มากเกินไป ตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลง 150bps ในปีนี้แต่ DotPlot คาดว่าจะลดดอกเบี้ยเพียง 75bps ตลาดคาดสูงกว่าตัวเลขทางการเท่าตัว ตามที่เราเคยให้ข้อสังเกตมาตลอดว่าเป็นความเสี่ยง พอไม่มีความชัดเจนทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลง แต่อย่างไรก็ตาม เรายังคงเชื่อว่าการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจบไปแล้ว แต่การลดดอกเบี้ยต้องติดตาม

- ทิศทางระยะกลาง-ยาว ยิวด์พีคไปแล้ว แต่การรีบาวด์สั้นกระทบหุ้นสั้น แต่แนวโน้มหลัก Earning Yield Gap ยังคงดีขึ้นดึงเงินทุนไหลเข้าหุ้นแทนพันธบัตร หากเฟดยังคงลดดอกเบี้ยในปีหน้าไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ความน่าสนใจในพันธบัตรยังลดลง แต่ Earning Yield Gap จะดีขึ้นการเติบโตกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดจะหุ้นดีจากภาระดอกเบี้ยลดลง ทำให้มีโอกาสเห็นเม็ดเงินจะไหลเข้าตลาดหุ้นแทนตลาดพันธบัตร ต่างจากช่วงก่อนหน้านี้ที่เม็ดเงินเข้าพันธบัตรและล๊อคยิวด์ที่สูง/พีค

- รอดู NFPs เป็นสัญญาณหนึ่งที่ชี้ว่าเฟดจะลดอกเบี้ยได้เร็วเพียงใด ตัวเลขภาคแรงงาน ยังเป็นประเด็นสำคัญที่ชี้วัดว่าเศรษฐกิจจะชะลอลงมากน้อยเพียงใด หากชะลอลงมามีโอกาสที่เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยได้ ล่าสุด ตัวเลขการเปิดรับสมัคราน JOLTs เมื่อคืนเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด +8.75M น้อยกว่าคาดที่ +8.85M ภาคแรงงานเริ่มชะลอ ตลาดรอดู Non-Farm ในคืนวันศุกร์ ตลาดคาดจะลดลงจาก +1.99 แสนตำแหน่งเหลือ +1.63 แสนตำแหน่ง

ปัจจัยในประเทศ
- นักลงทุนต่างชาติเริ่มขายสุทธิ -899 ล้านบาท เป็นสัญญาณที่ต้องเฝ้าระวัง อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นการขายหลังจากที่ซื้อระดับพันล้านบาท 2 วันติดต่อกัน แต่หากเฟดลดดอกเบี้ยปีหน้าแนวโน้มดอลลาร์อ่อนค่า ค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่า ส่วนต่างดอกเบี้ย ลดลงจะหนุนให้เงินไหลเข้าเอเชีย/ไทย

- สภาฯพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี พ.ศ. 2567 นายกฯแถลงงบประมาณรายจ่าย 3.48 ล้านล้านบาท รายได้ที่คาดว่าจะจัดเก็บได้อยู่ที่ 2.787 ล้านล้านบาท และกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล 6.93 แสนล้านบาท คาดว่างบประมาณรายจ่ายปีนี้จะเพิ่มขึ้น 9.3%YoY แต่รัฐบาลคาดว่าจะเก็บรายได้มากขึ้น 11.9%YoY ทำให้สามารถจัดสรรงบไปลงทุนได้ 7.17 แสนล้านบาทเพิ่มขึ้น 4.1% และ
ชดใช้เงินคงคลังและชา ระคืนต้นเงินกู้ได้ 1.18 แสนล้านบาท

- ในระยะกลาง-ยาว เฟดลดดอกเบี้ยเป็นบวก หลังดอกเบ้ยี สหรัฐพีค ทำให้มีเม็ดเงินกลับเข้ามาในภูมิภาคเอเชีย ค่าเงินสกุลเอเชีย/บาทแข็งค่าในระยะกลาง-ยาวหนุนหุ้นเอเชียและหุ้นไทย / ธปท.ประเมิน GDP ไทยยังเติบโตจาก 2.4% ในปี 66 เป็น 3.2%(ไม่รวม DW) และ 3.8%(รวม DW) ในปี 67

- กลยุทธ์ปี 2024 DBS ประเมินเป้าหมายดัชนีที่ 1,640 คิดจาก Forward PE ที่ 16 เท่า และคาดกำไรบริษัทจดทะเบียนโต +11% จากปีก่อนกำไรทรง

ปัจจัยติดตาม: 1. ตัวเลขภาคแรงาน Non-farm ในวันศุกร์นี้ 2. แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ 3. พรบ. เงินกู้

กลุยทธ์: ถือ/ซื้ออ่อนตัว หากยังไม่หลุดต่ำกว่า 1425/1420-1415 วานนี้ SET Index มีช่วงชะลอตัวบ้างหลังขึ้นแรงทะลุ 1420/1427-1430 ขึ้นมา หากยังเป็นบวกต้องไม่กลับลงไปหลุดต่ำกว่า 1425/1420-1415 มากนัก ทิศทางจึงจะยังเป็นการพักฐานสั้นเพื่อขึ้นต่อ ดูที่แนวรับนี้เป็นหลัก หากหลุดต่ำกว่าระวังการพักฐานที่ใช้เวลา แต่ทิศทางระยะสั้นยังคงเป็นบวกหากยังไม่หลุดต่ำกว่า 1410 คำแนะนำ ซื้ออ่อนตัว/ถือ หากไม่หลุดต่ำกว่า 1425/1420-1415 หุ้นที่มีสัญญาณบวกตามรายงานวิเคราะห์ทางเทคนิควันนี้เป็น AEONTS, EGCO

Update อุตสาหกรรม & หลักทรัพย์ : 1. หุ้นกลุ่มรับเหมาได้ประโยชน์จากการพิจาณางบประมาณปี 67 หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีความล่าช้าในการตั้งรัฐบาล การผ่านงบประมาณได้ถือเป็นความก้าวหน้า แต่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงไปวันก่อน รอซื้อช่วงปรับตัวลง STEC ปรับโครงสร้างการถือหุ้นตั้งเป้าหมายระยะเวลา 5-10 ปีผลักดันมาร์เก็ตแคปให้เพิ่มเป็น 1 แสนล้านบาท (ปัจจุบันอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท) เราคาดกำไรสุทธิปี 67 โต 13% จาก -34% ในปี 66 ราคาพื้นฐาน 10.60 บาท ส่วน CK แนวโน้มดีจากการที่มี Backlog สูงรวมถึงมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่แข็งแกร่ง แนะนำ ซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 26 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไรสุทธิปี 23F-24F เติบโต +54% และ +19% ตามลำดับ 2.หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวได้ประโยชน์โดยตรงจากนักท่องเที่ยวจีน ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.นี้ การเดินทางของนักท่องเที่ยวไทยและจีนไม่ต้องใช้วีซ่าในการเดินทางเข้าประเทศเป็นการถาวร จากเดิมที่นักท่องเที่ยวจีนไม่ต้องใช้วีซ่าจะหมดอายุสิ้นเดือน กพ. หุ้นที่ได้ประโยชน์เป็น AOT AAV ADAVNC ERW แต่ราคาปรับตัวขึ้นไประดับหนึ่ง รอซื้อช่วงปรับตัวลง 3. หุ้นกลุ่มธนาคายังซื้อขายต่ำ Book มาก หากเศรษฐกิจไม่ชะลอตัวลงมากและมีการเติบโตตามที่หลายค่ายประเมิน GDP ปี 67 เพิ่มขึ้น กลุ่มธนาคารปรับตัวลงไปก่อนหน้านี้รับข่าวลบเรื่องดอกเบี้ยพีคไปในระดับหนึ่งแล้ว ยังคงให้น้ำหนักลงทุน Overweight กลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยให้ KTB และ BBL เป็นหุ้น Top Picks แม้สินเชื่อปี 66 จะเติบโตจำกัด แต่กำไรสุทธิทั้งหมดของ 7 ธนาคารคาดว่าจะเติบโตราว +20% ในปี 66

Stock Pick Today : ADVANC แนวโน้ม 4Q23F ดีเป็นช่วง High season การท่องเที่ยว การเข้าซื้อ TTTBB จะทำให้ธุรกิจอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงเติบโตก้าวกระโดดและมี Synergy ในธุรกิจต่อยอดการเติบโตในระยะยาว ฝ่ายวิจัยฯ DBSVTH คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 250 บาท

นักวิเคราะห์ : พงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ : pongpats@th.dbs.com : Tel. 02 857 7825