
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(22 ธันวาคม 2566)-----PTT เคาะแผนลงทุน 5 ปี (ปี 67 - 71) อัดงบลงทุนรวมกว่า 196,135 ลบ. แบ่งเป็น 89,203 ลบ. เพื่อลุยธุรกิจหลัก-ลงทุนธุรกิจใหม่ และงบลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างหาโอกาสลงทุนในอนาคตเพื่อการขยายการลงทุนในช่วงการเปลี่ยนผ่านพลังงาน อีกจำนวน 106,932 ลบ.
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) PTT เปิดเผยว่าคณะกรรมการ ปตท. ในการประชุมคร้ังที่12/2566 เมื่อวันที่21ธันวาคม 2566 ได้มีมติอนุมัติงบลงทุน 5 ปี (ปี 2567 -2571) ของ ปตท. และบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้นร้อยละ 100 วงเงินรวม 89,203ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

ทั้งนี้ปตท. มีการลงทุนในธุรกิจหลัก (Core Business) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศซึ่งคิดเป็นสัดส่วนของงบการลงทุน 5 ปี ประมาณร้อยละ 51 โดยมีโครงการหลัก อาทิ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 เพื่อทดแทนโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 1 และโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 8 รวมท้ังโครงการท่อส่งก๊าซฯ บางปะกง-โรงไฟฟ้าพระนครใต้ และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5 ทั้งนี้เพื่อให้การลงทุนสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ ปตท. “Powering life with future energy and beyond” นั้น ปตท. ยังมีการลงทุนในธุรกิจใหม่ผ่านบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้นร้อยละ 100 อาทิโครงการลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร เช่น โครงการ EVme ซึ่งให้บริการด้านดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการใช้รถยนต์ไฟฟ้าครบวงจรโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า HorizonPlus โครงการการลงทุนในธุรกิจโรงงานประกอบแบตเตอรี่โดยใช้เทคโนโลยี Cell- To-Pack (CTP) รวมถึงโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่3 และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3
นอกจากนี้ ปตท. ยังได้จัดเตรียมงบลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างหาโอกาสลงทุนในอนาคต (Provisional CapitalExpenditure) ในระยะ 5 ปี ข้างหน้าอีกจำนวน 106,932ล้านบาท โดยหลักเพื่อการขยายการลงทุนในช่วงการเปลี่ยนผ่านพลังงาน อาทิ การขยายการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นพลังงานเปลี่ยนผ่าน (Transition Fuel)โดยมุ่งเน้นการขยายโครงข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติและการขยายการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลวอย่างครบวงจร (LNG Value Chain) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ การขยายการลงทุนของธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลายในการสร้างถังเก็บผลิตภัณฑ์ รวมถึงมุ่งเน้นธุรกิจพลังงานสะอาดเพื่อไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ อาทิ การลงทุนในธุรกิจชีววิทยาศาสตร์(Life science) ซึ่งรวมถึงธุรกิจยาธุรกิจโภชนาการและอุปกรณ์และการวินิจฉัยทางการแพทย์ธุรกิจ AI & Robotics เพื่อเป้าหมายการเป็นผู้นำการให้บริการด้าน AI & Robotics ในอนาคต ตลอดจนการลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานโดยมุ่งเน้นการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายขนส่งทั้งหมดของประเทศ
///จบ///