Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : PTT หวั่นใจรายได้ปีนี้ วูบจากปีก่อนที่ 2.3 แสนลบ. รับผลปิโตรฯหด

4,080

HotNews : PTT หวั่นใจรายได้ปีนี้วูบ จากปีก่อนที่ 2.3 แสนลบ. รับผลปิโตรฯหด

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (19 พฤศจิกายน 2562) PTT หวั่นใจรายได้ปีนี้วูบจากปีก่อนที่ 2.3 แสนลบ. รับผลปิโตรฯหด - ราคาน้ํามันดิบร่วง พร้อมประเมินปี 63 ราคาน้ำมันดิบจะเคลื่อนไหวในกรอบที่ 60-70 เหรียญสหัฐฯ/บาร์เรล หลังได้รับอานิสงค์จากมาตรการ IMO เชื่อส่งผลบวกต่อธุรกิจโรงกลั่น

 

 

 

 

 

นางพรรณพร ศาสนนันท์ ผู้จัดการฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า บริษัทฯประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบในไตรมาส4/2562 จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 59-60 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ซึ่งปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส3/2562 ที่ปิดระดับ 60.90 เหรียสหรัฐฯ/บาร์เรล เนื่องจาก โรงกลั่นที่ได้ปิดซ่อมบำรุงในไตรมาส3 กลับมาเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตามปกติตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมาเป็นที่เรียบรวทั้งท่อส่งน้ำมันที่มีการขยายเพิ่มเติมในอเมริกาก็ปรับเพิ่มขึ้นหลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จ จึงส่งผลให้อุปทานมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

 


ขณะที่บริษัทฯยอมรับว่ารายได้ปี 2562 จะต่ำกว่าปีก่อนที่ทำได้ 2,367,958.54 บาท หลังจาก 9 เดือนแรกที่ผ่านมาบริษัทฯทำได้เพียง 1,690,370.06 บาท หลังได้รับผลกระทบจากราคาน้ํามันดิบที่ปรับลดลง ขณะที่ ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ก็ลดลงด้วยเช่นกัน

 

 

"ราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่จะต้องดูเรื่องอุปสงค์ อุปทานของปิโตรเคมีในแต่ละประเภท หลักๆต้องดูเรื่องของโอเลฟินส์ อย่างเรื่องของเทรดวอร์ว่าจะมีผลกระทบอยู่หรือไม่ หรือธุรกิจอะโรเมติกส์เองต้องดูในเรื่องของ PXหรือ เบนซินแต่ละตัวว่าทั้งสองตัวมีดีมานต์หรือซัพพลายอย่างไร" นางพรรณพร กล่าว

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ปี 2563 บริษัทฯประเมินว่าราคาน้ำมันดิบจะเคลื่อนไหวในกรอบที่ 60-70 เหรียญสหัฐฯ/บาร์เรล หลังได้รับอานิสงค์จากมาตรการ IMOโดยส่งผลบวกต่อธุรกิจโรงกลั่นเนื่องจากทำให้ ค่าความต่างของราคาซื้อกับราคาขาย (สเปรด) ปรับตัวดีขึ้นหลังมีความต้องการดีเซลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯมีสัดส่วนในการผลิตดีเซลล์ค่อนข้างมากอยู่ที่ประมาณ 45-60%

 

 

นางพรรณพร กล่าวเพิมเติมถึงความคืบหน้าในการนำบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ PTTOR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างดำเนินการขั้นตอนเตรียมยื่นแบบรายการแสดงข้อมูลต่อ สำนักงานกับกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) โดยหากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบทันที

 


บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า คงคำแนะนำ "ถือ" และราคาเป้าหมายที่ 48.00 บาท อิง 2020E เราได้เข้าร่วมกาประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวัน 15 พ.ย. ที่ผ่านมา ผู้บริหารพูดถึงแนวโน้มราคาก๊าซอาจจะเริ่มอ่อนตัวลงในช่วง 2H20E ซึ่งมี lag time จากราคาน้ำมัน กลุ่มปิโตรเคมีในปี 2020E มียังมีความกดดันผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และ supply ที่ล้นตลาด ส่วนกลุ่มโรงกลั่นน่าจะได้รับประโยชน์จาก IMO

 

 

 

 

นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องบริษัทจะนำมาตรฐานบัญชี TFRS 9 (การจัดประเภทสินทรัพย์ทางการเงิน) และ TFRS 16 (สัญญาเช่า) มาใช้ในปี 2020E โดยเรามีมุมมองเป็นกลางจากการประชุมที่แนวโน้มspread ปิโตรเคมีและโรงกลั่น ยังเป็นไปตามที่เราและตลาดคาดการณ์ ส่วนมาตรฐานบัญชีใหม่ไม่ได้มีผลต่องบกำไรขาดทุนของบริษัทเป็นเพียงการ reclassify ค่าใช้จ่าย (ค่าเช่า, ดอกเบี้ยจ่าย, Depre) ทำให้ไม่มีผลต่อประมาณการกำไรอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับฐานะทางการเงินยังแข็งแกร่ง D/E ณ 30 ก.ย. อยู่ที่ 0.85 เท่า แต่ถ้าหลังปรับนโยบายบัญชี D/E จะเป็น 1.15 เท่า

 



ราคาหุ้นปรับลง -9% ใน 12 เดือนที่ผ่าน แต่เริ่มทรงตัวในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ได้สะท้อนผลประกอบการที่ต่ำไปแล้ว อย่างไรก็ตามเรายังคงคำแนะนำ "ถือ" จากระยะสั้นกำไร 4Q19E จะฟื้นตัวกลับมามีกำไรได้ราว 2.5 หมื่นล้านบาท

 

 

กลุ่มปิโตรเคมียังทรงตัวแต่โรงกลั่นดีขึ้น ผู้บริหารพูดถึงแนวโน้มราคาก๊าซอาจจะเริ่มอ่อนตัวลงในช่วง 2H20E ซึ่งมี lag time จากราคาน้ำมันอยู่ประมาณ 6-9 เดือน ซึ่งอาจจะกระทบต่อธุรกิจ E&P ในขณะที่กลุ่มปิโตรเคมีในปี 2020E มียังมีความกดดันจากราคาปิโตรเคมีที่ยังอยู่ในระดับต่ำซึ่งเป็นผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และ supply ที่ล้นตลาด ส่วนกลุ่มโรงกลั่นน่าจะได้รับประโยชน์จาก IMO ที่ทำให้ diesel crack spread และ LSFO crack spread ปรับเพิ่มสูงขึ้น

 

 

 

 

ปรับนโยบายบัญชี นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องบริษัทจะนำมาตรฐานบัญชี TFRS 9 (การจัดประเภทสินทรัพย์ทางการเงิน) และ TFRS 16 (สัญญาเช่า) มาใช้ในปี 2020E ตามที่ผู้บริหารชี้แจงผลกระทบเบื้องต้นต่องบการเงินของบริษัทได้แก่ ทรัพย์สินและหนี้สินจะเพิ่มขึ้น 4.1-4.3 หมื่นล้านบาท (บันทึกสินทรัพย์และหนี้สินเช่าทางการเงินประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท และผลของการจัดประเภทสินทรัพย์ทางการเงิน 7-9 พันล้านบาท) และ EBITDA เพิ่มขึ้นจากค่าเช่าลดลง แต่ดอกเบี้ยจ่ายกับ Depre เพิ่มขึ้น แต่สุดท้ายกำไรสุทธิไม่กระทบ

 

 

 

คงประมาณกำไรปี 2019E/20E เราคงประมาณการกำไรปี 2019E/20E ที่ 101,449 ล้านบาท และ 105,579 ล้านบาทตามลำดับ โดยเรามีมุมมองเป็นกลางจากการประชุมที่แนวโน้มspread ปิโตรเคมีและโรงกลั่น ยังเป็นไปตามที่เราและตลาดคาดการณ์ ส่วนมาตรฐานบัญชีใหม่ไม่ได้มีผลต่องบกำไรขาดทุนของบริษัทเป็นเพียงการ reclassify ค่าใช้จ่าย (ค่าเช่า, ดอกเบี้ยจ่าย, Depre) ทำให้ไม่มีผลต่อประมาณการกำไรอย่างมีนัยสำคัญ

 

 

 

 

 

 

สำหรับฐานะทางการเงินยังแข็งแกร่งถึงแม้มีทรัพย์สินและหนี้สินเพิ่มมาประมาณ 4.3 หมื่นล้านบาท โดย D/E ณ 30 ก.ย. อยู่ที่ 0.85 เท่า (30 ก.ย มีทรัพย์สิน 2.4 ล้านล้านบาท, หนี้สิน 1.1 ล้านบาท) แต่ถ้าหลังปรับนโยบายบัญชี D/E จะเป็น 1.15 เท่า

 

 

 


ราคาเป้าที่ 48.00 บาท อิง SOTP อย่างไรก็ตามปัจจัยความเสี่ยงในเรื่องสงครามการค้าจีน-สหรัฐที่ยังยืดเยื้อ อาจจะกดดันต่อธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นได้

 

 

 

PTTOR

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

แนวรบเก็งกำไร By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ แม้สภาพตลาดหุ้นไทย นักลงทุน ยังไม่กลับมา แต่สำหรับแนวรบ หุ้นเก็งกำไร ......

พีทีจี เอ็นเนอยี ส่ง ออโต้แบคส์ เข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 เตรียมประกาศความพร้อมการแข่งขัน PT Maxnitron Racing Series 2024

พีทีจี เอ็นเนอยี ส่ง ออโต้แบคส์ เข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 เตรียมประกาศความพร้อมการแข่งขัน PT Maxnitron Racing..

มัลติมีเดีย

NER กางปีก..รับราคายางพาราพุ่ง - สายตรงอินไซด์ - 18 มี.ค.67

NER กางปีก..รับราคายางพาราพุ่ง - สายตรงอินไซด์ - 18 มี.ค.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้