"THB Appreciate & Technology Plays"

KCS Daily Strategy : คาดตลาด "Sideways/Up" ต้าน 1415/1422จุด รับ 1394/1391จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯฟื้น ตอบรับตัวเลข GDP 3Q23 (รอบสุดท้าย) ที่ปรับลงสู่ +4.9%q-q annualized (เดิม +5.2%q-q) และปัจจัยชี้นำเศรษฐกิจภาคจ้างงานยังอ่อนตัวช้าๆ ทำให้ตลาดมั่นใจต่อวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นสิ้นสุด และเศรษฐกิจชะลอความร้อนแรงแบบ Soft Landing ขณะที่เศรษฐกิจไทย KCS คาดหวังภาพสวนทางสหรัฐฯ การฟื้นตัวเหนือระดับศักยภาพ +3.0% จะเริ่มตั้งแต่ 4Q23 จากการบริโภคและท่องเที่ยวหนุน เงินบาทเช้านี้แข็งค่าขึ้นสู่ 34.7 +/-บาท และคาดทดสอบ 34.5 และ 34.0บาท หลังอิทธิพลของ Dollar Index คลาย หนุน Santa Claus Rally จะเกิดช่วงที่เหลือของปี ทั้งนี้ ผลตอบแทนเฉลี่ยจากการซื้อและถือ 7 วัน (5 วันสุดท้ายของปี และ 2 วันแรกของปีถัดไป) ในปี 2000–22 SET Index +1.93% vs ผลตอบแทนการถือ 1 สัปดาห์เฉลี่ยที่ +0.26% ผสาน เม็ดเงินกำลังกลับสู่ SET ทั้งสถาบัน(Thailand ESG ยอดกำลังจะเร่งขึ้น หลังเริ่มขายทุกกองวานนี้)+ต่างชาติกลับสถานะ กลุ่มนำ คือ อิงดอกเบี้ยขาลงหนุน (โรงไฟฟ้า Growth กลุ่มเทคฯ) และกลุ่มบริโภค ท่องเที่ยว แนะนำ GPSC, BGRIM, INSET

Daily outlook : "Sideways/Up" ต้าน 1415/1422 จุด รับ 1394/1391 จุด

What happened around the world ?

• (*/+) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัวอีกครั้ง Dow jones 0.87%, S&P500 1.03%, Nasdaq 1.26% โดยดัชนี S&P500 ปรับขึ้นทุก Sector กลุ่มที่นำตลาดขึ้น หลักๆคือ กลุ่ม Consumer discretionary, Healthcare, ICT ฯลฯ

•(*) US Econ : 1)ยอดผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ 2.05 แสน รายในสัปดาห์ที่แล้ว ดีกว่าตลาดคาด และค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ย้อนหลังที่ระดับ 213.25k ตำแหน่ง รายงานการขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สะท้อนภาพตลาดแรงงานยังยอู่ในภาวะสมดุล และยังห่างจากระดับเสี่ยงที่ยอดดังกล่าวจะแตะบริเวณ 4.0 แสนราย ประกอบกับภาพเงินเฟ้อชะลอหนุนทิศทางนโยบายการเงินเตรียมเข้าสู่ช่วง Dovish โดยตลาดคาด Fed จะลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง รวม -100 bps ในปีหน้า ภาพรวมยังสะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก

•(*/+) US GDP : GDP 3Q23 (รอบสุดท้าย) +4.9% q-q ลดลงจากการประกาศรอบที่ 2 ที่ (+5.2% เนื่องจากการปรับลดหลักๆภาค Consumption และภาค Services

• (*) To monitors : วันนี้ฝั่งสหรัฐฯ ติดตามรายงานเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ พ.ย. 23 ตลาดคาด +2.8%y-y จาก prev. +3.0%y-y ส่วน Core PCE ตลาดคาด +0.2%m-m ทรงตัวจาก prev. +0.2% เช่นกัน แต่ Top Rank Economists มองทรงตัว y-y ฝั่งจีนติดตาม ธนาคารกลางจีนมีโอกาสดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในช่วงปี 2024 (คาดอย่างเร็วคือ ต้น 1Q24) คาดหมายจะเห็นมาตรการ QE

• (*) US Bond & Dollar : แนวโน้มระยะกลาง-ยาวยังเป็นขาลงชัดเจน ระยะสั้นแกว่งตัวอายุ 10 ปีพลิกปรับขึ้นเล็กน้อย +2 bps อยู่ที่ 3.89% ส่วน 2 ปี แกว่งตัวอยู่ที่ 4.35% ขณะที่ Dollar Index แกว่งตัวอ่อนค่าบริเวณ 101.3 +/- จุด

• (*/-) Oil : น้ำมันดิบ Brent -0.35% ปิดที่ US$ 79.42/barrel น้ำมันดิบ West Texas -0.44% ปิดที่ US$ 73.89/barrel แรงกดดันมาจากประเทศแองโกลา (กำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน อันดับ 7 ในกลุ่ม OPEC) เผยจะออกจากกลุ่มOPEC ทําให้ตลาดกังวลการตัดลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC จะทำได้ตามแผนได้จริงหรือไม่? มองเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP

•(*/-)Sugar Price : น้ำตาล -3.25% ปิดที่ 20.24US$/lb และ -22.2%mtd เป็นขาลง หลังจากตลาดคลายกังวลเรื่องผลผลิตน้ำตาล หลังรัฐบาลอินเดียสั่งโรงงานหยุดนำอ้อยไปผลิตเอทานอลและเน้นผลิตน้ำตาล ประเมินเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นน้ำตาลอาทิ KSL, KTIS แต่ในทางตรงข้ามบวกต่อหุ้นที่ประกอบธุรกิจมีต้นทุนเป็นน้ำตาล อาทิ กลุ่มเครื่องดื่ม ICHI, SAPPE, CBG

(*/+)Container Index : ค่าระวางเรือ Container ล่าสุดเมือคืน +9%w-w อยู่ที่ $1,661 per 40ft container โดยปรับเพิ่มขึ้นทุกเส้นทาง อิง เส้น Shanghai to Rotterdam อยู่ที่ 446 +3%w-w +26%mtd แรงหนุนยังเป็นความกังวลจากความไม่สงบหลังจากกลุ่มกบฏฮูตี(หนุนจากเยเมน) โจมตีเรือที่เคลื่อนผ่านเส้นทางช่องแคบบับเอลมันเดบ (Bab-el-Mandeb Strait) ในทะเลแดง โดยรวมแนวโน้มค่าระวางเรือ Container พลิกเป็นขาขึ้นมองเป็นบวกต่อ RCL

What happened in Thailand?

• (*/+) SET: SET ปรับตัวขึ้นต่อ +0.32% และยืนเหนือ 1400 จุดเป็นวันที่ 2 กลุ่มหนุน คือ กลุ่มชิ้นส่วนฯ (DELTA, KCE) หนุนจากภาคผลิตและวงจรส่งออกเอเชียมีสัญญาณฟื้นตัวจากฝั่งไต้หวันและเกาหลีใต้ กลุ่มขนส่ง (AOT) มองหุ้น Big Cap ที่เป็นเป้าหมายต้นๆของกองทุน TESG ที่คาดทยอยมีเม็ดเงินเข้าสู่ตลาด กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มปิฌตรเคมี (PTTGC) จากประเด็นลบกรณีรัฐฯเตรียมปรับใช้นโยบาย Pool Gas ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น กลุ่มพลังงาน (PTT) จากประเด็นลบเดียวกับ PTTGC

• (+) Flow : เงินทุนต่างชาติไหลออก ซื้อหุ้น +13.7 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -56.8 ล้านเหรียญฯ TFEX Net shortที่ 7,675 สัญญา เงินบาทแข็งค่า 34.7 +/- บาท

• (*/+) New Year Spending: ม. หอการค้าไทย เปิดเผย "พฤติกรรมและการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 67" ว่า แผนการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงปีใหม่ 67 (วันที่ 29 ธ.ค. 66-1 ม.ค. 24 อยู่ที่ 1.05 แสนล้านบาท +2.8%y-y สูงสุดในรอบ 4 ปี โดยกลุ่มตัวอย่างมองว่า บรรยากาศในช่วงเทศกาลปีใหม่ 24 จะคึกคัก มองทิศทางดังกล่าวเป็นสัญญาณที่ดีต่อแนวโน้มการบริโภคภายในเริ่มฟื้นตัว ขณะที่จะต่อยอดด้วยมาตรการรัฐบาลในช่วง 1H24 ทั้ง Easy E-Receipt (ใช้จ่ายไม่เกิน 50,000 บาท และออกใบกำกับออนไลน์ นำไปลดหย่อนภาษีได้) และ Digital Wallet ที่กำลังรอหารือข้อกฎหมายกับกฤษฎีกา เน้น CPALL(TP-76)

• (*/+) TH Tourism: ททท. คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาช่วงเทศกาลปีใหม่ 2024 วันที่ 22 ธ.ค. 23 – 1 ม.ค. 24 จะอยู่ราว 1.18 ล้านคน หรือ เฉลี่ยราว 1.07 แสนคนต่อวัน จะเร่งขึ้นจากสัปดาห์ล่าสุด(11-16 ธ.ค.) ที่อยู่ 9.6 หมื่นคน และมองหนุนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2023F อยู่ในกรอบ 28 +/- ล้านคน โดยภาพเร่งช่วงปลายปี ขณะที่อิงรายงานล่าสุดที่กรุงเทพฯ ถือเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามามากสุดในโลกในปี 2023 ที่ 22.7 ล้านคน ตามด้วยปารีส และลอนดอน เชื่อว่าจะค่อยๆสร้างความมั่นใจให้กับตลาดที่ลดความคาดหวังลงไปแล้ว มองหุ้นท่องเที่ยวที่ปี 24F คาดเติบโตสูงและปรับฐานลงมาแล้ว น่าตั้งรับ เน้น AOT, CENTEL

• (*) TH Tourism: กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ชะลอการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'ค่าเหยียบแผ่นดิน' ที่อัตราคนละ 150-300 เนื่องจากมองว่าเป็นช่วงที่ต้องเน้นโปรโมตภาคการท่องเที่ยวให้กลับมา มองช่วยสร้างจิตวิทยาบวกอ่อนๆกลุ่มท่องเที่ยวได้

• (*/-) XO: หุ้นมี Sentiment เชิงลบ จากข่าว NRF จับมือแบรนด์ สมูทอี (ถือหุ้นฝ่ายละ 50%) บุกตลาดซอสพริกใน USA แบรนด์ "โอชา" (เพิ่มจากปัจจุบัน NRF มีขายซอสพริกใน USA แบรนด์ "แซบซู่" และรับจ้าง OEM) เน้นความเป็นไทยจากซอสพริกศรีราชา จะเปิดตัวช่วงครึ่งปีแรก 2024 เป้ารายได้ระยะสั้นราว 65 ลบ. (1% Market share ของตลาดซอสพริก usa ราว 5-6 พันลบ.) vs XO รายได้จาก USA ราว 500-600 ลบ. โดยรวมมองเป็น Sentiment ลบ จากคู่แข่งจะเพิ่มขึ้น แต่เชิงพื้นฐาน มองยังเป็นกลาง จากตลาดซอสพริก USA มีแบรนด์แข่งกันมากระดับ 40-50 แบรนด์อยู่แล้ว และสินค้าไทยส่วนใหญ่ วาง Position คล้ายกัน คือ ซอสพริกศรีราชา และ NRF พยายามสร้างตลาดใน US อยู่แล้ว

Daily Strategy : GPSC, BGRIM, INSET

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideway/Up" มอง SET วันนี้แกว่งตัวขึ้นได้ จากภาพบวกที่ยังเชื่อมั่นวงจรดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง และเศรษฐกิจยังภาพประคองโตแผ่วลง ขณะที่ไทยมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งภาคผลิต บริโภค ท่องเที่ยว หนุนเงินบาทแข็งค่าจากนี้ มองหุ้นนำ 1) กลุ่มได้ประโยชน์วงจรดอกเบี้ยขาลง โรงไฟฟ้า GPSC, BGRIM, GULF เทคโนโลยี BE8, INSET 2) กลุ่มขับเคลื่อนภายในฟื้นตัว บริโภค CPALL, CPAXT ท่องเที่ยว AOT

หุ้นได้รับประโยชน์มาตรการฟรี วีซ่าจีน รัสเซีย ไต้หวัน อินเดีย (CPALL, CPAXT, ERW, ADVANC, ERW, CRC)
หุ้นกลุ่มเก็งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ Digiial Wallet+E-Refund, เร่ง FDI และ สร้าง S Curve จาก Soft Power (CPALL, CPAXT, CRC, DOHOME, GLOBAL, ADVANC, WHA, AMATA, MAJOR)
หุ้น China Plays ที่เริ่มเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแรงขึ้นและเริ่มเห็นการฟื้นตัวภายใน (PTTGC, IVL, SCGP, DOHOME, GLOBAL, AOT, ERW)
หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกเริ่มฟื้น และพอประคองได้ (KCE, IVL, SCGP, PTTGC, SJWD, MENA, WICE)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC ,SAWAD, JMT, CPALL, TRUE, MINT, ERW, CK, BGRIM)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์น้ำมันแกว่ง 75-80 เหรียญฯ ภายใต้ภาพความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มโตแผ่ว จีนค่อยๆฟื้นตัว ขณะที่การคุมซัพพลายต่อเนื่อง (CPALL, CPAXT, SCGP, GULF, IVL)

• DEC23 Best Picks: AOT, CPALL, BGRIM, GPSC, IVL, SCGP, SAWAD

• 4Q23 Stock Picks : AOT, ERW, CPAXT, BCH, WHA, SCB, KCE, PTT, SCGP, IVL, JMT Mid-Small Cap Play : SPA, BE8, GLOBAL, TNP