วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ ราว 4-5 จุด มีแรงซื้อมากในหุ้นกลุ่มขนส่งและกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ แต่มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมี นักลงทุนติดตามการรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ GDP งวด 3Q66 ของสหรัฐฯ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,404.84 จุด +4.47 จุด +0.32% มูลค่าการซื้อขาย 38,761 ลบ. Program Trading -637.74 ลบ.ต่างชาติ +479.25 ลบ. TFEX -7,675 สัญญา ตราสารหนี้-979.64 ลบ.

ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 322.35 จุด หรือ +0.87% ขานรับมุมมองบวกที่ว่าตัวเลข GDP ของสหรัฐที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดใน3Q66 จะเป็นปัจจัยหนุนให้ FED ยุติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
+ สหรัฐเผย GDP ประมาณการครั้งสุดท้าย +4.9% ใน Q3/66 ต่ ากว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 5.1% ขณะที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 อยู่ที่ระดับ 4.9% และ 5.2% ตามลำดับ ทั้งนี้เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 2.2% และ 2.1% ในไตรมาส 1 และ 2ตามลำดับ
+ ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่านลท.ให้น้ำหนัก71.3% คาดการณ์ว่า FED จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค. 67
+ บริษัท Rating and Investment Information, Inc. (R&I) คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ A- และคงมุมมองความน่าเชื่อถือที่ระดับ “มีเสถียรภาพ” โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวด้วยการขับเคลื่อนจากการบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย
+ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจเปิดเผยถึงผลส ารวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ว่าคนส่วนใหญ่ 86%มองว่าบรรยากาศปีใหม่ 2567 คึกคักมากขึ้น โดยจะมีเงินสะพัด105,924 ล้านบาท +2.8%YoY และสูงสุดในรอบ 4 ปี
+ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี คาดปี 2567 ไทยเที่ยวไทยจะสร้างเม็ดเงินมากกว่า 1 ล้านล้านบาท

ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 33 เซนต์ หรือ -0.44% ปิดที่73.89 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่ แองโกลาจะถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของกลุ่มโอเปก ซึ่งทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจเกี่ยวกับความพยายามของโอเปกในการพยุงราคาน้ำมันด้วยการปรับลดกำลังการผลิต
- สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น2,000 ราย สู่ระดับ 205,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต่ ากว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 215,000 ราย
- กระทรวงสาธารณสุขกาซาเปิดเผยว่าประชาชนในฉนวนกาซาเสียชีวิตอย่างน้อย 20,000 ราย นับตั้งแต่เกิดสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในวันที่ 7 ต.ค.
- ไชน่า เอาหยวน กรุ๊ป (China Aoyuan Group) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีนและประสบปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแขวงนิวยอร์กของสหรัฐเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 15 ของกฎหมายล้มละลาย
- กลุ่มฮามาสออกแถลงการณ์ระบุว่าจะไม่เจรจาแลกเปลี่ยนนักโทษหรือตัวประกันกับอิสราเอล นอกจากอิสราเอลจะยุติความก้าวร้าวในฉนวนกาซา

แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ โดยมีแรงหนุนจาก GDP ของสหรัฐที่ขยายตัวต่ ากว่าคาดใน 3Q66 จะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟด เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ากระทบตลาด คาดกรอบดัชนีในวันนี้ 1,400-1,412 จุด

กลยุทธ์การลงทุน
• Easy E-Receipt : BJC CPALL CPAXT CRC CPN COM7 SPVI CPW JMART HMPRO DOHOME GLOBAL ZENM AU TNP KK
• หุ้นที่มี ESG สูง และอยู่ใน SET50 : ADVANC CPALL CPF CRC OR PTTEP TOP
• ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้น 27% จากเดือน พ.ย. : BANPU LANNA AGE
• SET50 หุ้นเข้า KCE หุ้นออก TIDLOR SET100 หุ้น AEONTS, ICHI, ITC, M, MOSHI, RBF, SAPPE, SISB, TKN,TOA หุ้นออก ACE, CKP, MBK, PSL, PTG, SABUY, STEC, THANI, TIPH, TQM มีผล 2 ม.ค.67