มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
SETแกว่งตัว Sideways : หลังตัวเลข CPI ไทยเดือน พ.ย. ออกมาที่ -0.44% y-y โดยติดลบมากกว่าที่ตลาดคาดจะออกมาที่ -0.30% เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และติดลบมากที่สุดในรอบ 33 เดือนโดยปัจจัยหลักมาจาก ราคาพลังงานและสาธารณูปโภคที่ปรับลดลงจากนโยบายของภาครัฐนอกจากนี้ราคาอาหารสดยังลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะราคาเนื้อหมูและไข่สด โดยหากหักราคาอาหารและพลังงานออก Core CPI จะอยู่ที่ +0.58% y-y ทำให้ CPI และ Core CPI เฉลี่ย 11 เดือนอยู่ที่ 1.1% และ 1.33 % ตามลำดับ เนื่องจากตัวเลข CPI ที่ออกมาติดลบ สาเหตุหลักมาจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ เป็นที่น่าจับตาว่าจะมีการอุ้มราคาพลังงาน และไฟฟ้าต่อหรือไม่ หลังมาตรการลดภาษี ดีเซล 2.5 บาทต่อลิตร จะหมดลงในวันที่ 31 ธ.ค.66 เบื้องต้นนายกได้สั่งการผ่านรมช.คลังให้หาแนวทางอุ้มดีเซลต่อแล้วขณะที่วานนี้นายกเผยอยู่ระหว่างหารือค่าไฟในปีหน้า โดยคาดจะให้อยู่ที่ 4.10 บาทต่อหน่วย โดยรวมจึงเป็ นไปได้สูงที่จะเห็นอัตราเงินเฟ้อไทยโตในระดับต่ำต่อเนื่องซึ่งเป็นบวกต่อการจับจ่ายใช้สอย หนุนกลุ่มท่องเที่ยวและค้าปลีกด้านกองทุน TESG วันนี้จะมีการเสนอขายเป็ นวันแรกซึ่งหากอิงสถิติย้อนหลังในช่วง10 ปี(2013-2022) ในเดือนธ.ค.ที่ตรงกับปีที่มีกองทุน LTFซึ่งช่วยลดหย่อนภาษี ได้จะมี Vol ซื้อขายของนักลงทุนสถาบันเข้ามาหนุนเป็นบวกมากกว่าในปีที่ไม่มีอย่างมีนัยสำคัญ จึงมีแนวโน้มที่จะมี Vol ซื้อขายเข้ามาผลักดันในหุ้น HighESG ขณะที่ปัจจัยภายนอกนักลงทุนจับตาตัวเลข การจ้างงานนอกภาคเกษตร และตัวเลข Unemployment Rate สหรัฐซึ่งคาดจะออกมาที่ 1.8 แสนตำแหน่ง และ 3.9%ตามลำดับ โดยอัตราการว่างงานอยู่สูงกว่าระดับที่เฟดคาดการณ์ (3.8%)แล้วตลาดจึงกลับมาให้น้ำหนักกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรหากออกมาตามคาดอาจทำให้เฟดยังไม่ลดท่าทีในเชิง Hawkish ลงในการประชุมที่จะถึง

 กลยุทธ์การลงทุน : 1) Spending+ท่องเที่ยว : ADVANC, BA, CPALL, DOHOME, MTC, PTG, CRC, CENTEL 2) Anti-com : SCC, SCGP 3)TESG : KBANK, KTB, PTT, PTTGC, TISCO, AMATA, OR , SPALI, CK, KBANK, KTB และ 4) Selective : PLANB, SISB

แนวรับ-ต้าน
1,370–1,390

ปัจจัยบวก
+ FETCO ผยผลสำรวจในเดือน พ.ย.66 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 98.60 ปรับขึ้น 23.8% จากเดือนก่อนหน้าลงมาอยู่ ในเกณฑ์ทรงตัว โดยนักลงทุนมองว่าการไหลเข้าของเงินทุน เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด
+ ETRI เผยคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันของจีนจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ประมาณ 780-800 ล้านตัน/ปี ภายในปี 2573
+ รอยเตอร์รายงานว่าตัวแทนของกลุ่มประเทศอาเซียน+3 เห็นพ้องกันที่จะจัดตั้งโครงการปล่อยสินเชื่อระดับภูมิภาคใหม่เพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินในภูมิภาค ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นจากการชะลอตัวของศก.โลกและอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้น
+ กบง. สั่งตรึงราคา LPG ที่ 423 บาทต่อถัง 15 กิ โลกรัม ต่ออีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2567 เพื่อบรรเทาผลกระทบราคาพลังงานช่วยเหลือประชาชน

ปัจจัยลบ
- นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงการปรับขึ้นค่าไฟงวดเดือน ม.ค. -เม.ย.ว่า รับไม่ได้ที่จะปรับขึ้นไป 4.68 บาท/หน่วย และมองว่าที่ 4.20 บาท/หน่วย น่าจะเป็นไปได้ แต่อย่างไรก็ตามจะพยายามปรับให้มาอยู่ที่ 4.10 บาท/หน่วย กดดันกลุ่มโรงไฟฟ้า
- มูดี้ส์ หั่นแนวโน้มเครดิตฮ่องกง-แบงก์จีน 8 แห่ง หลั งกังวลความเชื่อมโยงทางศก.และการเมือง
- Citigroup เผยแม้ศกสหรัฐฯไม่น่าจะเผชิญภาวะขาลงอย่างรุนแรงในอนาคตอันใกล้นี้ แต่ศกสหรัฐฯมีสิทธิ์เข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ เช่น ปัญหาเงินเฟ้อเรื้อรังในภาคบริการ ระดับหนี้สินที่เพิ่มสูงขึ้น ศก.โลกชะลอตัว และความขัดแย้งครั้งใหญ่ในยุโรปและตะวันออกกลาง

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธีรดา ชาญยิ่งยงค์-นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ-นักวิเคราะห์การลงทุนด้านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และทางเทคนิค #37928
กิตติ บัวบึง-นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ #038313
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย –ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ฐนพงษ์ แซ่โล้ –ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ภัทรดนัย จตุรพร ผู้ช่วยนักวิเคราะห์