มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
 SETแกว่งตัว Sidewaysอิงทางขึ้น : โดยมีปัจจัยหนุนบวกจากภายนอกได้แก่ ตัวเลขแรงงานสหรัฐที่ส่งสัญญาณชะลอตัว การจ้างงานภาคเอกชนออกมา 103,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าตลาดคาดที่ 130,000 ตำแหน่ง สอดคล้องกับตัวเลข Unit Labor Cost ใน 3Q ที่ -1.2% จากตลาดคาดการณ์ที่ -0.9% โดยติดลบมากที่สุดในรอบ 3 ปี สะท้อนว่าตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มลดความร้อนแรงลง อย่างไรก็ดีนลท. ยังคงจับตาตัวเลขแรงงานในวันศุกร์นี้ หากโดยรวมออกมาชะลอตัวอาจช่วยสนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดไวขึ้นแม้ก่อนหน้านี้ตัวเลข Coincidence Index เดือนต.ค. ของสหรัฐที่เป็นดัชนีสะท้อนภาพรวมของตลาดแรงงานเพิ่มขึ้นปัจจุบันตลาดยังให้น้ำหนักที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี .ค. 67 กว่า 53.4% ด้านปัจจัยหนุนภายในมีลุ้นจับตาการแถลงความคืบหน้าเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท โดยจะมีส่งหนังสือสอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาภายในวันพรุ่งนี้ ต่อจากโครงการ E-receiptที่ได้รับอนุมัตในช่วงก่อนหน้า คาดจะหนุนค้าปลีกกลับมาคึกคัก ขณะที่กองทุน TESG ที่จะทยอยเสนอขายในวันพรุ่งนี้ คาดจะยังเป็นแรงหนุนในหุ้น Big cap ที่มี ESG Rating สูงช่วยผลักดันดัชนีขึ้นขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือนพ.ย. ที่จะรายงานในช่วงเช้านี้คาดยังอยู่ในทิศทางลง ส่งผลให้โดยรวมปัจจัยบวกจากภายในยังมี แต่ต้องระมัดระวังหุ้นในกลุ่มพลังงานต้นน้ำอาจปรับตัวลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ WTI หลังลงมาแตะระดับ 69.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และเช้าวันนี้แนะจับตาตัวเลขนำเข้าส่งออกจีนเดือนพ.ย. ซึ่งคาดตัวเลขส่งออกจะออกมาที่ -1.1% y-y ซึ่งจะกลับมาติดลบน้อยที่สุดในรอบ 3 ปี ขณะที่ตัวเลขนำเข้า คาด +3.3% y-y ขยายตัวจากเดือนก่อนที่ +3%y-y หากออกมาตามคาดจะสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย

กลยุทธ์การลงทุน : 1)Spending : CBG, ICHI, HMPRO, ILM, DOHOME 2) Anti-com. : BCPG, BGRIM, GPSC, GULF, SCC, SCGP 3) เดินทางท่องเที่ยว : ERW, CENTEL, AOT, BEM, MAJOR และ 4) นำข้าส่งออกจีนดี : PTTGC, SISB 5) Selective : SAT,BYD, TTB, MTC

แนวรับ-ต้าน
1,385–1,400

ปัจจัยบวก
+ผู้แทนการค้าไทย เผย ไทย-เยอรมนี เร่งเจรจา FTAโดยมองเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ และยังใช้โอกาสนี้เชิญชวนให้บริษัทเยอรมนีมาลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ในไทย
+ ประธาน ส.อ.ท.ชี้ นโยบายค่าแรงขั้นต่ำมีความคืบหน้าหลังไตรภาคีแต่ละจังหวัดส่วนใหญ่ ได้ข้อสรุปแล้ว และเตรียมรวบรวมเข้าสู่ส่วนกลาง พร้อมย้ำขอให้ยึดค่าจ้างตามหลักไตรภาคี ซึ่งเป็นธรรมต่อทั้งนายจ้างและลูกจ้าง
+ Bloomberg รายงานนักลงทุนกำลังเดิมพันว่าธนาคารกลางยุโรป จะเป็นแกนนำในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากหนึ่งในผู้กำหนดนโยบายที่ Hawkish ที่สุด นาง Isabel Schnabelอธิบายว่าอัตราเงิน
เฟ้อที่ชะลอตัวถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี
+ คาด CPI ไทยพ.ย. ออกมาติดลบน้อยลงที่ -0.30%y-y

ปัจจัยลบ
- กกร. ประเมิน GDP ไทยปี 67 จะโตเพียง 2.8-3.3% และ เสี่ยงโตต่ำกว่าระดับศักยภาพที่อยู่ที่ระดับ 3% เป็นปีที่ 6 เนื่องจากเผชิญปั ญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปัจจัยความเปราะบางในประเทศ พร้อมคาดส่งออกในปี 67 จะขยายตัวที่ระดับ 2-3% แต่มี ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ราว 33 ล้านคนเพิ่มขึ้นจากปีนี้ 5 ล้านคน
- ผู้ส่งออกรถยนต์จีน เผยธุรกิจอาจเสี่ยงเผชิญต้นทุนสูง หลังเกิดเหตุโจมตีเรือในทะเลแดง การขนส่งรถยนต์อาจต้องเปลี่ยนเส้นทาง ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนและเวลาในการขนส่งรถยนต์จีนไปยังยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างมาก
- ตัวเลข Factory Order ของเยอรมนี เดือน ต.ค. ออกมาที่ -3.7% m-m และ -7.3%y-y สะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศและคู่ค้า ที่ยังไม่ฟื้นตัวดี

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธีรดา ชาญยิ่งยงค์-นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ-นักวิเคราะห์การลงทุนด้านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และทางเทคนิค #37928
กิตติ บัวบึง-นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ #038313
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย –ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ฐนพงษ์ แซ่โล้ –ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ภัทรดนัย จตุรพร ผู้ช่วยนักวิเคราะห์