AT THE OPEN (#ATO)
SET Index เดือน ธ.ค. สถิติดูหรู
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งออกข้างตามกรอบ 1375-1390 จุด การออกมาให้ความเห็นของประธาน FED ที่ระบุว่ายังเร็วไปที่จะกลับมาใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย แต่มองว่าทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐฯ กำลังมาอยู่ในช่วงชะลอลง ทำให้ตลาดตีความในเชิงบวกต่อทิศทางดอกเบี้ย สหรัฐฯที่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงปรับขึ้นในช่วง 0.5-0.8%, U.S. Bond Yield 10 ปี ทำจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือนที่ 4.2% มองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นภูมิภาค แต่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงกว่า 2% จากความไม่มั่นใจต่อความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ กดดันหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำในวันนี้
สถิติในเดือน ธ.ค. ของ SET Index ในรอบ 23 ปีหลังสุดพบว่าให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1.74% ด้วยความน่าจะเป็น 65% นอกจากนี้ในปีที่เดือน ม.ค.- พ.ย. ของ SET Index ติดลบมากกว่า 10% พบว่าในเดือน ธ.ค.จะกลับมาเป็นบวกเฉลี่ย 3.4% ด้วยโอกาส 75%
ในปีนี้ SET Index -17%YTD บวกกับมีเม็ดเงิน TESG เข้ามาเสริมประกอบทิศทางกำไรบจ.ที่ยังเติบโต จึงเชื่อว่าเดือน ธ.ค. ปีนี้โอกาสรีบาวน์มีอยู่มาก กลยุทธ์เลือกหุ้นที่ปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Summary
SET Index วันศุกร์ที่ผ่านมาปรับขึ้น 0.13 จุด โดยหุ้นที่ปรับขึ้น Outperform ตลาดประกอบด้วยกลุ่มบรรจุภัณฑ์และปิโตรฯ ที่ปรับขึ้น 1.08% และ 0.79% จาก CAIXIN PMI จีนเดือน พ.ย. ออกมา 50.7 ดีกว่าตลาดคาด 49.3 ส่วนกลุ่มที่ Underperform คือ กลุ่มขนส่ง -1.14% กดดันหลักๆ ยังมาจากจาก AOT และกลุ่ม ร.พ.ที่ปรับลง -0.78% โดยนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิ 266 ล้านบาท

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ SCGP, GPSC

GPSC มีเรื่องดีเข้ามาบ้าง
GPSC แจ้งยุติข้อพิพาทในชั้นอนุญาโตตุลาการระหว่าง GHECO-One ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 65% และ AVRA ซึ่งเป็นบริษัทคู่สัญญาจัดหาถ่านหิน
โดย GHECO-One ไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายจากการยกเลิกการซื้อถ่านหินจากการหยุดการเดินเครื่อง มี.ค.-ต.ค. 2566 ช่วยลดความเสี่ยงต่อข้อพิพาทที่อาจนำมาซึ่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในอนาคต
วันนี้คาดมี Sentiment บวกจากราคาพลังงานรวมถึง Bond Yield ที่ปรับลง สำหรับการปรับขึ้นค่าไฟฟ้ายังต้องติดตาม โดยหากปรับขึ้นไปที่ 4.22 บาท/หน่วยเป็นบวกต่อกำไรปี 2567 เพิ่มขึ้น 23%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 57.75 บาท

SCGP ตัวเต็งสำหรับ TESG
คาดกำไร 4Q66 โต QoQ และ ปี 2567 คาดกำไรฟื้นตัว 24% YoY แรงสนับสนุนจากรัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลงหนุนต่อประสิทธิภาพการทำกำไร โดยราคาหุ้นปัจจุบันมี P/BV 1.4 เท่า (-1.8 SD)
ได้รับ ESG Rating ระดับ AA มี market cap. สภาพคล่องสูง แถมปัจจัยทางพื้นฐานสนับสนุน จึงคาดเป็นหนึ่งในเป้าหมายของกองทุน TESG ที่คาดว่าเม็ดเงินจะทยอยเข้ามาในเดือนนี้
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 45.00 บาท

KEY FACTOR
ปัจจัยทั้งต่างประเทศและภายใน น่าจะเป็นเชิงบวกต่อ Risk sentiment ในสัปดาห์นี้
ในสัปดาห์นี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของต่างประเทศที่ต้องติดตาม ซึ่งในภาพรวมน่าจะเป็นบวกต่อ Risk sentiment นำโดย
ตัวเลขภาคแรงงานรายเดือนของสหรัฐฯ ที่แม้จะสูงขึ้นจากเดือนก่อน แต่น่าจะไม่สูงมากพอที่จะทำให้ตลาดเปลี่ยนมุมมองเรื่องดอกเบี้ยที่ผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว (Consensus คาดการจ้างงานเอกชน ADP +1.2 แสนตำแหน่ง และการจ้างงานนอกภาคเกษตร +1.8 แสนตำแหน่ง สูงขึ้นจาก +1.13 และ +1.5 แสนตำแหน่ง ในเดือนก่อน ตามลำดับ)
ตัวเลขเศรษฐกิจจีน น่าจะสะท้อนภาพการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง นำโดย Caixin PMI ภาคบริการ ที่ Consensus ประเมินไว้ที่ 50.7 ดีขึ้นจาก 50.4 ในเดือนก่อน และ ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ ที่ทั้งส่งออกและนำเข้า น่าจะดีขึ้นจากเดือนก่อนอย่างมีนัยสำคัญ -1.5% YoY และ +4.0% YoY ฟื้นจาก -6.4% YoY และ +3.0% YoY ตามลำดับ

เช่นเดียวกับปัจจัยภายในประเทศที่น่าจะผ่านพ้นช่วงความผันผวน และน่าจะสิ้นสุดช่วงการประบประมาณการณ์ GDP ลง และกลับมาคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปีหน้า จากแรงหนุนผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้เม็ดเงินจากกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (TESG) ที่จะเริ่มต้นขายในวันที่ 8 ธ.ค. และน่าจะดึงเม็ดเงินลงทุนจากสถาบันฯ ได้ราว 1 หมื่นล้านบาท บวกกับการออกมาตรการกระตุ้นทั้งการท่องเที่ยวที่มี 5 ชุดมาตรการ รอเข้าพิจารณาใน ครม. และมาตรการด้านการบริโภค e-Refund ที่น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆและถูกเสนอเข้าพิจารณาใน ครม. 12 ธ.ค. ซึ่งเป็นปัจจัยที่ล้วนแต่เข้ามาช่วยฟื้นความเชื่อมั่นในช่วงปลายปี

Eyes on
5 ธ.ค. Caixin PMI บริการ
6 ธ.ค. การจ้างงานภาคเอกชน ADP
7 ธ.ค. นำเข้าส่งออกจีน
8 ธ.ค. เริ่มขายกองทุน TESG, การจ้างงานนอกภาคเกษตร

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ