สรุปประเด็นจากการประชุมนักวิเคราะห์

• ความคืบหน้าหนี้ของกทม.เป็นบวก : ยอดหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ต้องชำระสำหรับงานติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ 2.3 หมื่นล้านบาท ทางกรุงเทพมหานครอยู่ระหว่างดำเนินการนำเสนอให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาว่าจะอุดหนุนยอดหนี้นี้ได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้จะนำเสนอเข้าที่ประชุมสภากทม.เพื่อพิจารณาจัดสรรงบประมาณชำระต่อไป ทั้งนี้ทางสภากทม.มีเงินอยู่ประมาณ 4 หมื่นล้านบาทซึ่งเพียงพอที่จะจ่ายให้บริษัทได้ โดยบริษัทคาดว่าน่าจะได้รับคืนหนี้ก้อนนี้ในช่วงต้นปี 2024 โดยถ้าได้รับเงินจะนำไปชำระหนี้ ส่วนหนี้ค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายสายสีเขียวที่ผิดนัดชำระตั้งแต่ เม.ย.17-พ.ค. 21 มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งอยู่ที่ศาลปกครองสูงสุดคาดจะมีผลตัดสินออกมาเร็วๆ นี้ และหากศาลปกครองสูงสุดยืนคำพิพากษาตามศาลปกครองกลาง กทม.จะต้องชำระหนี้ดังกล่าวภายใน 180 วัน

• คาดรถไฟฟ้าสายสีชมพูจะมีผู้โดยสารมากกว่าสายสีเหลือง : รถไฟฟ้าสายสีชมพูจะเปิดเดินรถให้นั่งฟรีวันที่ 21 พ.ย.และเริ่มเก็บเงิน 18 ธ.ค.คาดจะมีผู้โดยสารมากกว่าสีเหลืองเพราะมีจุดหมายปลายทางระหว่างเส้นทางมากกว่าทำให้น่าจะขาดทุนน้อยกว่าสีเหลืองและน่าจะช่วยดึงผู้โดยสารให้กับสายสีเขียวด้วย และบริษัทจะได้รับเงินอุดหนุนปีละ 2.2 พันล้านบาท/ปีเป็นเวลา 10 ปี ส่วนสายสีเหลืองปัจจุบันจำนวนผู้โดยสารอยู่ที่เฉลี่ย 4-5 หมื่นเที่ยวคนต่อวัน คาดจำนวนผู้โดยสารจะทยอยเพิ่มขึ้น และจะมีการออกโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการใช้บริการของผู้โดยสาร

• ความคืบหน้าอู่ตะเภา : คาดเริ่มก่อสร้างได้ต้นปี 2024 หลังจากได้รับ NTP แต่ก็ยังขึ้นอยู่กับโครงการรถไฟไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบินว่าจะเริ่มได้หรือไม่

• นโยบายการลงทุนในบริษัทต่างๆ : บริษัทกำลังมองหาแนวทางที่จะจัดการเกี่ยวกับการลงทุนใน KEX ซึ่งยังคงขาดทุนมาก ส่วนการลงทุนล่าสุดคือการจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ ชื่อ บริษัทสมาร์ทอีวีไบค์ เพื่อประกอบธุรกิจการให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับวินมอเตอร์ไซค์ในบริเวณใกล้เคียงสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส

• คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาสถัดๆ ไปยังคงอ่อนแอ : เรามองว่ากำไรในไตรมาสถัดๆไปของ BTS ยังมีแนวโน้มไม่สดใส จาก 1) ไม่มีกำไรพิเศษจากการขาย RLP เหมือนใน 2Q23/24, 2) ธุรกิจ MOVE แม้ส่วนแบ่งกำไรจาก BTSGIF มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้โดยสาร รวมทั้งความคืบหน้าคดีความ แต่เราคาดว่าบริษัทจะต้องบันทึกส่วนแบ่งขาดทุนเพิ่มจากรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เดือนหน้าและจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ปีกว่าทั้งสายสีเหลืองและชมพูจะกำไร, 3) ธุรกิจ MIX คาดธุรกิจหลักยังคงมีความท้าทายและยังคงต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก KEX ต่อเนื่อง, และ 4) ธุรกิจ MATCH คาด TNL จะยังคงเติบโตจากทิศทางธุรกิจใหม่ที่มุ่งสู่ธุรกิจบริการทางการเงิน

• อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไร มูลค่าที่เหมาะสมและคำแนะนำ : ผลประกอบการในช่วง 6M23/24 ต่ำกว่าที่คาด ทำให้เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไร มูลค่าที่เหมาะสมและคำแนะนำสำหรับ BTS ปัจจัยเสี่ยงมาจากการฟื้นตัวที่ช้ากว่าที่เราคาด และค่าใช้จ่ายจากการให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพู/เหลืองมากกว่าคาด