•    CPF : การดำเนินงานหลักยังคงขาดทุนตามราคาสุกรถูกดึงลงเนื่องจากการนำเข้าที่ผิดกฎหมาย

ขาดทุนต่อเนื่องใน 3Q  เนื่องจากราคาสุกรยังคงอ่อนแอ
ได้รับผลกระทบจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ต่ำและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายที่สูง CPF รายงานขาดทุนสุทธิใน 3Q23 ที่ 1.81 ล้านบาท (เทียบกับกำไรใน 3Q22  ที่ 5.11 พันล้านบาท และขาดทุนสุทธิใน 2Q23 ที่ 792 ล้านบาท) แต่ก็ยังดีกว่าประมาณการของ BBg consensus ที่ 2.57 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมกำไรจากยอดขายของ CPALL (1.33 พันล้านบาท) กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (210 ล้านบาท) และกำไรจากสินทรัพย์ชีวภาพ (319 ล้านบาท) ผลขาดทุนหลักอยู่ที่ 3.7 พันล้านบาท ทรงตัว QoQ

รายได้ลดลง 10% YoY จากราคาสุกรที่อ่อนแอและภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่อ่อนแอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในประเทศต่างๆ ในส่วนของราคาสุกรนั้นลดลงอย่างมากในประเทศไทย เวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งลดลงเฉลี่ย 26% YoY เมื่อแยกตามตลาด ประเทศไทยมียอดขายลดลง 6% ในขณะที่การส่งออกจากไทยเติบโต 5% ยอดขายในประเทศลดลง 6% เนื่องจากราคาสุกรไทยตกลง 43% YoY และราคาไก่ลดลง 23% YoY ในประเทศไทย โดยราคาสุกรที่ลดลงเป็นผลมาจากอุปทานส่วนเกินของเนื้อหมูที่เกิดจากการนำเข้าเนื้อหมูผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศไทย นอกจากนี้เวียดนามราคาสุกรลดลง 9% YoY ในขณะที่ราคาสุกรของจีนลดลงมากกว่านั้นที่ 28% YoY

GPM อยู่ที่ 10.8% ลดลง YoY จาก 15.0% เนื่องจากราคาปศุสัตว์ลดลงมากขึ้นเมื่อเทียบกับราคาวัตถุดิบ (ข้าวโพดลดลงเพียง 3% และค่าเฉลี่ยถั่วเหลืองลดลงเพียง 7%) ค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อยอดขายที่สูงขึ้น (9.7% จาก 9.4% ใน 3Q22) และดอกเบี้ยจ่าย (เพิ่มขึ้น 16%) ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้กำไรลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าใน 4Q23F จะยังคงอ่อนแอเนื่องจากราคาปศุสัตว์และราคาวัตถุดิบ QTD ยังคงทรงตัวเทียบกับ 3Q23 และเราเชื่อว่าปัญหาอุปทานล้นตลาดจะยังไม่ได้รับการแก้ไขในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจยังอ่อนแอ ทั้งนี้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ CPF โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 23.00 บาท 

Market Insight
     E- mail :tiscoresearch@tisco.co.th