ราคาปิด 5.15 บาท ราคาพื้นฐาน 5.93 บาท (เดิม 5.67 บาท)
ยอดขายนิคมฯ 3Q66 ทำสถิติสูงสุดใหม่
ทำยอดขายนิคมฯ 3Q66 สูงถึง 1,500 ไร่ (+50% y-o-y,+167% q-0-9) เวียดนามโดดเด่นขึ้นรวมยอดขาย 9M66 สูง 2.549 ไร่ มากกว่าประมาณการ จึงปรับปีนี้และปีหน้าขึ้น 2,750/3,000 คาดกำไรหลัก 3Q66F +16% y-o-y รวมกำไร 9M66 เป็น 45% จากทั้งปี 66F กำไร 4Q66F มากสุดคงคำแนะนำ ซื้อ ยกราคาพื้นฐานเป็น 5.93 บ ใช้กำไรปี 67F แทน และประเมินด้วย P/E ที่ 17.0 เท่ายอดขายนิคมฯ 3066 ทำสถิติสูงสุดใหม่ ตั้งแต่จัดตั้งบริษัทมา ทำได้สูงถึง 1,500 ไร่ (+50% y-o-y,+167% q-o-q)แบ่งเป็นไทย 900 ไร่ (-3% y-o-y, +60% q-0-9) การที่ลดลง y-o-y ซึ่งฐานมีการขายให้ BYD ในช่วงนั้น ซึ่งเป็นที่ดินแปลงใหญ่มากถึง 600 ไร่  ส่วนยอดขายที่เวียดนาม ดูโดดเด่นขึ้นเป็น 600 ไร่ +770% y-o-y โดยคาดว่าจะมีการขายให้Foxconn ที่ 300 ไร่ และเมื่อเทียบกับ q-0-9 นั้น ฐาน 2066 ไม่เกิดการขายที่เวียดนามแต่อย่างใด

รวมยอดขายนิคมฯ 9M66 สูงมากเป็น 2,549 ไร่ เพิ่มขึ้น 69% y-o-y จากฐาน 9M65 ที่ทำได้ 1,511 ไร่ แบ่งเป็นไทย1,841 ไร่ (+30% y-o-V) และ เวียดนาม 708 ไร่ (+615% y-o-V) รายละเอียดตามตารางด้านล่าง ทั้งนี้จากประมาณการเดิมเรามีประมาณการยอดขายปี 66F และ 67F ที่ 2,500 ไร่ ทั้งสองปี แต่ในเมื่อยอดขาย 9M66 สูงกว่าทั้งปีแล้ว จึงได้ปรับ


ให้ยอดขายนิคมฯปีนี้และปีหน้าสูงขึ้นเป็น 2,750/3,000 ไร่ ตามลำดับ คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น +45 %6/+9% y-o-y ซึ่งสอดคล้องกับที่บริษัทได้ขยับเป้าหมายเป็นครั้งที่สองของปีนี้แล้ว นั่นคือ แต่แรกเป็น 1,750 ไร่ ต่อมาเพิ่มเป็น 2,500 ไร่ และล่าสุดคือ 2,750 ไร่

แนวโน้มยอดขายนิคมฯปีหน้าสดใสต่อเนื่อง เพราะตามข้อมูลล่าสุดคือ บริษัทมีโอกาสจะปิดดีลได้อีกถึง 2,000 ไร่สำหรับปีหน้าหรือปี 67F มีลูกค้าประเกทรถยนตีไฟฟ้า EV ทั้งสหรัฐ, เกาหลี และจีน รวมทั้งลูกค้าประเกทเกี่ยวกับศูนย์ข้อมูล (Data Center) ด้วยที่ให้ความสนใจ อีกทั้งนิคมฯที่เวียดนามก็ได้รับความนิยมและดึงดูดใจ เพราะอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนามยังสูง แต่ค่าแรงยังต่ำ แถมยังมีมาตรการกระตุ้น นอกจากสิทธิประโยชน์ต่างๆทางภาษีแล้ว ก็จะมีการลดหย่อนภาษีมูลคำเพิ่มด้วย ล่าสุดจาก 10% เป็น 8% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภค ขณะที่บริษัทขยายทำเลนิคมฯไปในที่ต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ คือ เหงะอาน เฟส 1 และ 2, ถั่นหัว เริ่มเชิงพาณิชย์ได้ปี 67 หรือ 68 และ กวังนำ เริ่มเชิงพาณิชย์ได้ปี 69 หรือ 70 เป็นต้น

คาดกำไรหลัก 3Q66F เติบโตดี +16% y -o-y เป็น 660 ล้านบาท รายการหลักคือ รายได้จากนิคมเพิ่มขึ้น 18% y-o-y เป็น 1,138 ล้านบาท หรือมีการโอนราว 325 ไร่ ขณะที่กำไรตามส่วนได้เสียจากธุรกิจไฟฟ้าเป็น 250 ล้านบาท ฟื้นตัวดีขึ้นดีกว่า y-๐-y ที่มีกำไรเพียง 70 ล้านบาท ซึ่งปีก่อนประสบปัญหาต้นทุนก๊ซสูง และไม่ได้ปรับคำไฟฟ้า Ft อย่างไรก็ตามรายการที่ด้อยลงคือ รายได้อื่นๆ ซึ่ง 3Q66F มีรายได้ผู้ใช้น้ำส่วนเกินลดลง และดอกเบี้ยจ่ายปรับขึ้น และหากเทียบกำไรหลักกับ q-o-q คาดว่าจะลดลงถึง 31% เพราะรายได้จากการโอนนิคมฯน้อยกว่า 24% และกำไรตามส่วนได้เสียจากธุรกิจไฟฟ้าน้อยลง 6% ซึ่งทางกกพ.ได้ปรับลดค่ไฟฟ้าลงถึง 2 ครั้ง ล่าสุดเป็น 3.99 บาทต่อหน่วย ในช่วง ก.ย. -ธ.ค.66 นั่นคือ3Q66 กระทบไป 1 เดือน และ 4Q66 กระทบเต็มไตรมาส

คาดรายการอัตราแลกเปลี่ยนยิ่งทำให้กำไรสุทธิ 3 Q66F ผันผวน ธุรกิจโรงไฟฟ้ามีหนี้งินกู้เป็นสกุลต่างประเทศขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ฐานในงวด 2Q66 (q-น-q) มีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่ -90 ล้านบาท และเนื่องจากในงวด 3Q66F ที่ผ่านมาเงินบาทอ่อนค่ามาก เราจึงคาดว่าจะเกิดขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่ - 156 ล้านบาท แต่กระนั้นก็ตามฐานในงวด 3 Q65 (y-o-y) กลับมีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนสูงมากที่ -310 ล้านบาท จึงคาดว่ากำไรสุทธิ3Q66F เป็น 504 ล้านบาท (+95 % y-o-y,-42% (q-o-q)

คงคำแนะนำ ซื้อ คาดว่ากำไร 4Q66F จะมากสุดในรอบปี 66F เป็นสัดส่วนถึง 55% เนื่องจากกำไร 9M66 เป็นสัดส่วน45% จากทั้งปี 66 F เพราะคาดว่าจะมีการโอนนิคมฯมากใน 4 Q66F ราว 595 ไร่ จากทั้งปีที่ 1,650 ไร่ และมีการขายสินทรัพย์ประเภทคลังสินค้าเข้ากอง REIT คือ WHART อีก 142,500 ตรม.ที่มูลค่า 3.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นของบริษัทเอง 83% และบริษัทร่วมทุน (JV) 17% ด้านอัตราการเติบโตกำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าเป็น 5% /+23% y-o-y และเป็นสถิติสูงสุดใหม่ จึงยกระดับราคาพื้นฐานเป็น 5:93 บาท ซึ่งประเมินโดยเลื่อนไปใช้กำไรปี 67F แทนปี 66F ด้วย P/E ที่ 17.0 เท่าราคาปีดมีส่วนเพิ่มได้อีก 15% เทียบกับราคาพื้นฐานใหม่

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : sombata@th.dbs.com : Tel. 02 857 7835