สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 25 กรกฎาคม 2566)--นางสาว วรรณี จันทามงคล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)HMPRO เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 ปี2566 เท่ากับ 1,619.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99.80 ล้านบาท หรือ6.57% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักดังนี้

1. รายได้รวมจำนวน 18,902.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,595.12 ล้านบาท หรือ9.22% ซึ่งประกอบไปด้วย
1.1. รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า ซึ่งประกอบไปด้วยรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า(Home Service) รวมจำนวน 17,788.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,470.23 ล้านบาท หรือ 9.01% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สำหรับการปรับตัวเพิ่มขึ้นนี้ เป็นผลมาจากการบริโภคในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นในบางภูมิภาค ประกอบกับช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อนของประเทศไทย หลายพื้นที่มีค่าเฉลี่ยอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าปกติจึงทำให้ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ในกลุ่มของเครื่องทำความเย็นต่างๆ มีการเติบโตสูงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการผลักดันยอดขาย โดยมีการจัดแคมเปญ ‘เก่ามีค่า นำมาแลกใหม่’หรือ‘Trade in’ รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆผ่านช่องทางสาขาและออนไลน์เพื่อสร้างความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าให้กับลูกค้าจากช่องทางการซื้อสินค้าและบริการที่หลากหลายขึ้น

1.2. รายได้ค่าเช่า จำนวน 463.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.88 ล้านบาท หรือ 14.55% จากปีก่อน เป็นผลมาจากการจัดเก็บรายได้ค่าเช่าพื้นที่เช่าในสาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจได้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยว เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

1.3. รายได้อื่น จำนวน 650.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.01 ล้านบาท หรือ 11.30% โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าทั้งในช่องทางสาขาและช่องทางออนไลน์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

2. กำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าและการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 4,679.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น484.43 ล้านบาท หรือ 11.55% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขาย เพิ่มขึ้นจาก 25.71% ในปีก่อนมาอยู่ที่ 26.31% ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และการได้รับส่วนลดจากคู่ค้าที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มสินค้าที่มียอดขายสูงขึ้นตามฤดูกาล

3. ต้นทุนค่าเช่า จำนวน 200.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.67 ล้านบาท หรือ 14.02% โดยมาจากต้นทุนค่าสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น

4. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 3,466.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 436.68 ล้านบาท หรือ 14.41% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายอยู่ในระดับ 19.49% ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ระดับ 18.57% จากค่าไฟฟ้าและสาธารณูปโภค ค่าเสื่อมราคา และ ค่าใช้จ่ายในการเปิดสาขาใหม่ของเมกาโฮม จำนวน 3 สาขา ในช่วงไตรมาสที่ 2

5. รายได้ทางการเงิน จำนวน 11.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.71 ล้านบาท หรือ 559.56% จากรายได้ดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้น

6. ค่าใช้จ่ายทางการเงิน จำนวน 129.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.32 ล้านบาท หรือ 31.78% จากการออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อชำระหนี้ที่ครบกำหนดบางส่วนตั้งแต่ไตรมาสที่3 ปี2565 ในอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน รวมถึงบริษัทฯ มีการทำสัญญาเช่าระยะยาวสำหรับสาขาใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ดอกเบี้ยจ่ายตามมาตรฐาน TFRS16 สูงขึ้น

7. ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ จำนวน 388.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.42 ล้านบาท หรือ 7.30% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากกำไรก่อนหักภาษีที่เพิ่มขึ้น