Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: HMPRO นำร่องกลุ่มค้าปลีก กำไรQ1/61 พุ่ง 19.33% ตามโบรกฯคาด

3,203

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 24 เมษายน 2561)------ HMPROนำร่องกลุ่มค้าปลีก ประกาศกำไรโค้งแรกพุ่ง19.33% ตามยอดขายสาขาเดิม -ยอดขายสาขาใหม่โตดี รุกขยายสาขา โฮมโปร เอส 1 แห่ง ตามแผน โบรกฯ ระบุกำไรไตรมาสแรก ตามคาด

นางสาว วรรณี จันทามงคล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) HMPRO เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิสาหรับไตรมาส 1 ปี 2561 เท่ากับ 1,248.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 202.25 ล้านบาท หรือ 19.33% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้รวม จำนวน 15,900.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 627.77 ล้านบาท หรือ 4.11% ซึ่งประกอบไปด้วย รายได้จากการขาย จำนวน 14,874.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 604.06 ล้านบาท หรือ 4.23% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจโฮมโปร และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย รวมถึงการเติบโตของยอดขายจากสาขาใหม่ทั้งธุรกิจ โฮมโปร เมกา โฮม และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย


ขณะที่ รายได้ค่าเช่าและบริการ จำนวน 499.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.02 ล้านบาท หรือ 3.75% เป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้ามาร์เกต วิลเลจ และมีรายได้อื่น จำนวน 526.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.68 ล้านบาท หรือ 1.09% โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้จากค่าบริการจากลูกค้า "Home Service"


สำหรับกำไรขั้นต้น จำนวน 3,990.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 279.11 ล้านบาท หรือ 7.52% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตรากาไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 26.01% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 26.83% โดยเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนของส่วนผสมสินค้ามีไว้เพื่อขายทั้งกลุ่มสินค้าทั่วไป และกลุ่มสินค้า Direct Sourcing การวางแผนการจัดซื้อสินค้า รวมถึงธุรกิจเมกา โฮม ที่มีอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้น


ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 3,384.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.69 ล้านบาท หรือ 2.32%เมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจัยหลักของการเพิ่มขึ้นที่เป็นตัวเงินเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายกลุ่มเงินเดือน ค่าเช่า ต้นทุนในการให้บริการแก่ลูกค้า ต้นทุนค่าขนส่ง และค่าซ่อมแซม อย่างไรก็ตามอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายมีการปรับตัวดีขึ้น โดยลดลงจาก 23.18% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 22.75% ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น


ด้านค่าใช้จ่ายทางการเงิน จำนวน 98.07 ล้านบาท ลดลง 11.99 ล้านบาท หรือ 10.89% เป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่าลงจากการออกหุ้นกู้ใหม่ทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด (Refinance) ในปี 2560 และไตรมาสที่ 1 ปี 2561 นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มีการควบคุมอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม


ขณะที่ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ จำนวน 285.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.88 ล้านบาท หรือ 14.40% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากกำไรก่อนหักภาษีที่เพิ่มขึ้น


ทั้งนี้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 เศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวไปในทิศทางบวกต่อเนื่องจากในไตรมาสที่ผ่านมา โดยมีแรงขับเคลื่อนจากแรงส่งของภาคอุตสาหกรรมในครึ่งหลังของปี 2560 มีผลต่อเนื่องถึงภาคการส่งออก และจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคในพื้นที่ที่ได้รับอานิสงค์ดังกล่าวโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณทล มีการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามราคาพืชผลทางการเกษตรมีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่า ทำให้กาลังซื้อของผู้บริโภคที่อยู่ในภาคการเกษตรยังคงชะลอตัว ส่งผลให้ยอดขายในบางจังหวัด รวมถึงธุรกิจเมกา โฮม ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้ อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เช่น งาน HomePro Expo วันช่วงวันที่ 16-25 มีนาคม 2561 และการจัด HomePro Fair ที่หาดใหญ่และขอนแก่น ซึ่งมียอดขายโดยรวมอยู่ในระดับที่น่าพอใจ


สำหรับธุรกิจโฮมโปร ที่ประเทศมาเลเซีย ยังคงมีการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพในสาขาใหม่ที่เปิดบริการในปี 2560 เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale)
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 15,900.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 627.77 ล้านบาท หรือ 4.11% และกำไรสุทธิ จำนวน 1,248.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 202.25 ล้านบาท หรือ 19.33% ซึ่งเป็นผลมาจากความสามารถในการควบคุมและบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการปรับเปลี่ยนกลุ่มสินค้าให้มีความครบครันทุกกลุ่ม ในราคาเหมาะสม รวมถึงการพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีส่วนช่วยในการผลักดันกาไรขั้นต้นของบริษัทฯ


นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวบริการใหม่ คือ HomePro Service Application ซึ่งจะใช้เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารสำหรับซื้อบริการ Home Service ผ่าน Mobile Application ครอบคลุมงานบริการมากกว่า 40 รายการ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการเติบโตในอนาคต


สำหรับแผนการขยายสาขาในไตรมาส 1 ยังคงเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ โดยบริษัทฯ ได้เปิดสาขาของ โฮมโปร เอส 1 แห่งที่ เดอะพาซิโอ กาญจนาภิเษก ทำให้ ณ ไตรมาสแรกของปี 2561 มีสาขาโฮมโปรทั้งสิ้น 81 แห่ง โฮมโปร เอส 4 แห่ง เมกา โฮม 12 แห่ง และสาขาโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย 6 แห่ง


บล.บัวหลวง ออกบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า HMPRO รายงานกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1/61 ที่ 1.25 พันล้านบาท ขยายตัว 19% YoY แต่ลดลง 18% QoQ โดยผลประกอบการออกมาตามที่เราคาด


ยอดขายเพิ่มขึ้น 4% YoY มาอยู่ที่ 14.9 พันล้านบาทในไตรมาส 1/61 โดยยอดขายของ HomePro ในประเทศเพิ่มขึ้น 3.2% YoY มาอยู่ที่ 12.7 พันล้านบาท โดยปัจจัยที่หนุนการเติบโตส่วนใหญ่มาจากยอดขายสาขาเดิมที่เพิ่มขึ้น 3.15% ขณะที่ยอดขายของ HomePro ในประเทศมาเลเซียอยู่ที่ 331 ล้านบาทในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 38% YoY และ 2% QoQ จากการเปิดสาขาใหม่ สำหรับยอดขายของ Mega Home นั้น ค่อนข้างทรงตัว YoY เนื่องจากอุปสงค์ต่อวัสดุก่อสร้างในต่างจังหวัดยังอ่อนแอ รวมถึงบริษัทชะลอการขยายสาขาในช่วงที่ผ่านมา


อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัว 80bps YoY มาอยู่ที่ 26.8% หนุนโดยอัตรากำไรขั้นต้นของ HomePro ในประเทศที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง (27.7% ในไตรมาส 1/61 เทียบกับ 26.8% ในไตรมาส 1/60) ปัจจัยที่ทำให้อัตรากำไรขยายตัว ได้แก่ สัดส่วนยอดขายสินค้าเฮาส์แบรนด์ที่เพิ่มขึ้น (20% ในไตรมาส 1/61 เทียบกับ 19.1% ในไตรมาส 1/60) อัตรากำไรของสินค้าเฮาส์แบรนด์โฉมใหม่ที่อยู่ในระดับสูง และประสิทธิภาพการดำเนินงานดีขึ้น


อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงมาอยู่ที่ 22.8% ในไตรมาส 1/61 จาก 23.1% ในไตรมาส 1/60 และ 23.4% ในไตรมาส 4/60 เนื่องจากการประหยัดของขนาดของธุรกิจโฮมโปรในประเทศมาเลเซีย


EBIT margin ยังอยู่ในขาขึ้นต่อเนื่อง โดยขยายตัว 120bps YoY มาอยู่ที่ 11% ในไตรมาส 1/61


เราคาดผลประกอบการของบริษัทจะขยายตัวแกร่งต่อเนื่องในไตรมาส 2/61 หนุนโดยยอดขายสาขาเดิมที่ยังคงรักษาการเติบโตได้ราว 3-4% อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นจากสัดส่วนยอดขายสินค้าเฮาส์แบรนด์เพิ่มขึ้น และการประหยัดของขนาดของธุรกิจโฮมโปรในประเทศมาเลเซีย
เรายังคงประมาณการและราคาเปาหมายเท่าเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง


เราชอบ HMPRO เนื่องจากบริษัทมีภาพการเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง อีกทั้งเราเชื่อว่าเป็นบริษัทที่ควรค่าแก่การถือลงทุนระยะยาว อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาแรงในช่วง 2 วันที่ผ่านมาส่งผลให้มีอัพไซด์ต่อราคาเปาหมายสิ้นปี 2561 ของเรา ที่ 15.5 บาทค่อนข้างจำกัด ดังนั้น เราจึงปรับลดคำแนะนำลงเป็น "ถือ" จาก "ซื้อ"


บล.เออีซี แนะนำ"ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว" HMPRO ราคาเป้าหมาย 15.80 บาท/หุ้น ช่วง 1Q61 HMPRO รายงานกำไรสุทธิ 1,248 ล้านบาท เติบโต 19.3%YoY ตรงตามคาด โดยมีปัจจัย หนุนทั้งจาก 1) ยอดขายรวมที่เพิ่มขึ้น 4.2%YoY ซึ่งมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมราว 3%YoY หลังบรรยากาศจับจ่ายและกำลังซื้อในนพื้นที่ กทม. และปริมณฑล รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวหัวเมืองใหญ่ยังสดใส อีกทั้งยังรับรู้ยอดขายสาขาใหม่ของโฮมโปรและเมกาโฮมที่เพิ่มขึ้น 2 แห่ง และ 1 แห่ง จากช่วง 1Q60 ตามลำดับ รวมทั้งยังรับรู้ยอดขายจากโฮมโปรมาเลเซียที่เพิ่มขึ้น 4 แห่ง จากช่วง 1Q60 2) อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นจาก 26.0% ในช่วง 1Q60 เป็น 26.8% หลังมีการเพิ่มขึ้นในสัดส่วน ยอดขายสินค้า Direct Sourcing จาก 18.8% ในช่วง 1Q60 เป็น 20% อีกทั้งธุรกิจเมกาโฮมมีศักยภาพ ทำกำไรที่ดีขึ้น และ 3) SG&A/Sales ที่ลดลงจาก 23.1% ในช่วง 1Q60 เป็น 22.8% หลังมีการคุม ค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพและเกิดผลประหยัดต่อขนาดตามจำนวนสาขาที่มีเพิ่มขึ้น

กำไรช่วง 1Q61 คิดเป็น 22.7% ของประมาณการทั้งปี และเรายังคงประมาณการเดิม โดยตั้งแต่ช่วง 2Q61-4Q61 คาดจะเห็นกำไรโตทั้ง QoQ และ YoY (ช่วง 4Q61 คาดเป็นพีคของกำไรได้เช่นทุกปี) หลังปีนี้บริษัทยังคงมีแผนขยายสาขาโฮมโปรในไทย 1-2 แห่ง ได้แก่ สาขากัลปพฤกษ์ช่วงเดือน มิ.ย. 61 และสาขาจรัลสนิทวงศ์ช่วงปลายปี อีกทั้งยังขยายสาขาโฮมโปร S ถึง 8 แห่ง แบ่งเป็น 3 แห่งช่วง 1H61 และ 5 แห่งช่วง 2H61 ซึ่งถือเป็นรูปแบบที่ให้มาร์จิ้นสูง เมื่อบวกกับ ยอดขายสาขาเดิมปีนี้ที่คาดพลิกโต 2%YoY อีกทั้งมาร์จิ้นคาดปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องหลังเน้นเพิ่มยอดขายสินค้า Direct Sourcing จึงทำให้คาดหนุนปี 2561 HMPRO มีกำไรสุทธิ 5,504 ล้านบาท เติบโต 12.6%YoY ตามประมาณการได้
แม้ HMPRO จัดเป็นผู้นำ Home Improvement ในไทยซึ่งมีศักยภาพเติบโตในระยะยาว แต่ราคาหุ้นปัจจจุบันเหลือ Upside 6.8% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2561 (อิงวิธี DCF) ที่ 15.80 ดังนั้นช่วงสั้นเราจึงแนะนำ "ทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว"


ขณะที่บล.เคทีบี (ประเทศไทย) HMPRO รายงานกำไรสุทธิ 1Q18 ที่ 1.248 พันล้านบาท +%19.3YoY, -18.2% QoQ เนื่องจากฐานทีต่ำใน 1Q17 ขณะที่ใน 1Q18 ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังมีแนวโน้มดี ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสูง รวมถึงภาวะเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่เติบโต แม้ว่าอาจจะลดลง QoQ จากช่วงปลายปีเพราะปัจจัยฤดูกาล เรายังคงประมาณการณ์กำไรปี 2018 เติบโต 12% จากการบริโภคที่ยังโตต่อเนื่องรวมถึงการขยายสาขาทั้งในประเทศไทยและมาเลเซีย ทั้งนี้เรายังติดตามความชัดเจนจากกระแสข่าวที่ยังไม่ยืนยันเรื่องมีผู้สนใจเข้าซื้อกิจการ อย่างไรก็ตามจากการสอบถามผู้บริหารยังไม่มีการยืนยันข่าวนี้และในมุมมองของเราเห็นว่ายังเป็นไปได้ยากที่ผู้ถือหุ้นใหญ่จะขายออกมา ด้วยราคาที่ขยับเข้าใกล้เป้าหมาย ผลประกอบการใกล้เคียงกับที่เราคาดและยังไม่มีการปรับประมาณการณ์ใหม่ ทำให้เราปรับคำแนะนำลงจาก "ซื้อ" เป็น "ถือ" เราประเมินมูลค่า โดยอิง DCF (WACC 7.6% terminal growth 3%) ได้ราคาเหมาะสมที่ 15.5 บาท
HMPRO รายงานกำไรสุทธิ 1Q18 ที่ 1.248 พันล้านบาท +19.3% YoY แต่-18.2% QoQ ใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ เนื่องจากฐานทีต่ำใน 1Q17 เพราะการบริโภคในขณะนั้นค่อนข้างซบเซา แต่ใน 1Q18ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังมีแนวโน้มดี ภาวะธุรกิจการท่องเที่ยวที่เติบโต แม้ว่าอาจจะลดลง QoQ เพราะปัจจัยฤดูกาล ที่ปกติยอดการบริโภคจะสูงมากในช่วง 4Q ของปี โดยในเดือนมีค.2018 HMPRO ได้มีการเปิดสาขาใหม่ที่ Paseo ถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็น "HomePro S" โดยเป็นรูปแบบสาขาที่ไม่ใช้พื้นที่และการลงทุนมาก แต่จะมีสินค้าหลากหลาย และเสริมด้วยการขายแบบ online ทำให้ยอดขายต่อพื้นที่สูง อนึ่ง HMPRO มีการเพิ่มส่วนผสมการขายจากสินค้า private brand ซึ่งจะทำให้ HMPRO มีระดับอัตรากำไรขั้นต้นที่ 29.2% ใน 1Q18 ดีขึ้นจาก 26% ใน1Q17


กำไร 1Q18 คิดเป็น 23% ของกำไรสุทธิทั้งปี เรายังคงประมาณการณ์กำไรปี 2018 เติบโต 12% จากการบริโภคที่ยังโตต่อเนื่องรวมถึงการขยายสาขา โดยคาดว่าจะเพิ่มสาขา Brand HMPRO 3 สาขา Megahome 2 สาขาและมาเลเซีย 2 สาขา

 


ทั้งนี้เรายังติดตามความชัดเจนจากกระแสข่าวที่ยังไม่ยืนยันเรื่องมีผู้สนใจเข้าซื้อกิจการ อย่างไรก็ตามจากการสอบถามผู้บริหารยังไม่มีการยืนยันข่าวนี้และในมุมมองของเราเห็นว่ายังเป็นไปได้ยากที่ผู้ถือหุ้นใหญ่จะขายออกมา ด้วยราคาที่ขยับเข้าใกล้เป้าหมาย ผลประกอบการใกล้เคียงกับที่เราคาดและยังไม่มีการปรับประมาณการณ์ใหม่ ทำให้เราปรับคำแนะนำลงจาก "ซื้อ" เป็น "ถือ" เราประเมินมูลค่า โดยอิง DCF (WACC 7.6% terminal growth 3%) ได้ราคาเหมาะสมที่ 15.5 บาท

 

----จบ----

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่าย ร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

เก็งหุ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา หุ้นไทยแกว่งขึ้น ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนการเล่นการเทรดเป็นไปตามแรง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้