Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : ส่องอัพไซด์ HMPRO

4,095

HotNews : ส่องอัพไซด์  HMPRO 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (30 เมษายน 2562) บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) HMPRO รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/62 มีกำไรสุทธิ 1.41 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.11 บาทเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.24 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.09 บาท

 

นางสาววรรณี จันทามงคล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ – กลุ่มบัญชีและการเงิน บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) HMPRO เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสนี้ยังคงเป็นไปตามแผนงานที่ได้วางไว้ โดยมียอดขายจากสินค้าสำหรับปรับปรุงคุณภาพอากาศที่สูงกว่าปกติเนื่องจากสภาพอากาศที่มีมลพิษในระดับสูงโดยเฉพาะในกรุงเทพฯภาคกลาง และภาคเหนือ แม้บางสาขาในกรุงเทพฯ ยังได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้ างระบบขนส่งสาธารณะก็ตาม

 

 

อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เช่น งาน HomePro Expo ในช่วงวันที่ 15-24 มีนาคม2562ซึ่งได้รับผลตอบรับตามที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ส่งผลให้ยอดขายสาขาเดิมในไตรมาส 1 ปี 2562อยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมและกำไรสุทธิเป็นจำนวน 16,553.01 ล้านบาท และ 1,419.84 ล้านบาท ตามล าดับ เพิ่มขึ้น 4.10% และ 13.73% จากปี ก่อนหน้า ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาประสิทธิภาพในการด าเนินงาน ตลอดจนการเพิ่มขีดความสามารถในการขยายอัตราการทำกำไรขั้นต้น ผ่านการคัดสรรและพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากอย่างยิ่งขึ้น และการควบคุมค่าใช้จ่าย

 

 

บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี2562 เท่ากับ 1,419.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171.37 ล้านบาท หรือ13.73% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากรายได้รวม จำนวน 16,553.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 652.68 ล้านบาท หรือ 4.10% ซึ่งประกอบไปด้วย




ขณะที่โบรกเกอร์ ส่องอัพไซด์ HMPRO นำโดย บล.ฟินันเซียมอง Upside แคบลงเหลือ 7.6% , บล.ทรีนีตี้ คงคำแนะนำ "ถือ" หลัง upside จำกัด ราคาเป้าหมาย 17.00 บาท , ดีบีเอสฯ ให้ราคาพื้นฐาน 17.50 บาท (DCF) ซึ่งมี Upside จากราคาปัจจุบัน 15.80 บาทอีก 11% , บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ราคาหุ้นปัจจุบันเหลือ Upside เพียง 3.8% จากราคาเป้าหมายปี 2562 อิงวิธี DCF อยู่ที่ 16.4 บาท

 

 

 

 


บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำถือ HMPRO ราคาเป้าหมาย 17 บาท/หุ้น


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า HMPRO รายงานกำไรสุทธิ 1Q19 เท่ากับ 1,420 ล้านบาท (-15.8% Q-Q, +13.8% Y-Y) ใกล้เคียงทั้งเราและ Consensus คาด (เราคาดไว้ 1,433 ล้านบาท) โดยกำไรที่ลดลง Q-Q มาจากปัจจัยฤดูกาล ส่วนการเติบโตที่ดี Y-Y มาจาก 1) SSSG พลิกเป็นบวกที่ 2.6% Y-Y แม้ไม่มีการเปิดสาขาใหม่ไตรมาสนี้ แต่มีการย้ายสาขา 1 แห่งที่แฟชั่นไอส์แลนด์ ช่วงกลางเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา 2) รับรู้รายได้จากงาน Expo ครั้งแรกของปี ซึ่งทำรายได้ค่อนข้างดีอยู่ที่ราว 600 ล้านบาท ใกล้เคียงปีก่อน ทำให้รายได้รวมเติบโต 3.5% Y-Y 3) อัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้นได้ต่อเนื่อง +30bps จากปีก่อน เป็น 26.2% จากทั้ง Product Mix และ Sourcing สินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น 4) สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 21.6% จาก 21.8% จากการเพิ่มขึ้นของรายได้เป็นหลัก

 

คงประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย ปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ
กำไรสุทธิ 1Q19 คิดเป็นสัดส่วน 22% ของประมาณการทั้งปี แนวโน้มกำไรน่าจะโตต่อเนื่องใน 2Q19 ตามฤดูกาล เพราะอากาศที่ร้อน ช่วยหนุนการซ่อมแซมบ้าน รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความเย็นน่าจะขายได้ดี โดย SSSG ในเดือน เม.ย. น่าจะบวกได้ต่อเนื่องจาก 1Q19 และคาดกำไรจะอ่อนตัวลงใน 3Q19 เพราะเป็นช่วงหน้าฝน ก่อนกำไรจะกลับมาเติบโตดีและทำจุดสูงสุดของปีใน 4Q19 เพราะเป็น High Season ของธุรกิจ และมีการจัดงาน Expo ครั้งที่ 2 ของปี

 

ประกอบกับจะมีการเปิดสาขาใหม่ค่อนข้างมากในช่วง 2H19 ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2019 ไว้ที่ 6,511 ล้านบาท (+16% Y-Y) และคงราคาเป้าหมายที่ 17 บาท (DCF) ราคาหุ้นปรับขึ้นมาจากที่แนะนำซื้อในรายงานฉบับก่อน (วันที่ 2 เม.ย. 2019) ทำให้มี Upside แคบลงเหลือ 7.6% และราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น Forward PE 32 เท่า และ PEG 2.8 เท่า แพงสุดในกลุ่มค้าปลีก จึงปรับคำแนะนำเป็น ถือ หรือ ซื้อเมื่ออ่อนตัว 

 

ความเสี่ยง - เปิดสาขาใหม่ต่ำกว่าเป้าหมาย, กำลังซื้อฟื้นตัวช้ากว่าคาด

 

 

 

 


บล.ทรีนีตี้ แนะนำ ถือ HMPRO ราคาเป้าหมาย 17 บาท/หุ้น

 

บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า HMPRO ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2562 เติบโตจากปีก่อนใกล้เคียงคาด ประกาศกำไรสุทธิจำนวน 1,420 ล้านบาท (-15.8%QoQ, +13.7%YoY) ลดลง QoQ เนื่องจากช่วงไตรมาส 4เป็น High Season แต่ยังเติบโต YoY จากปัจจัยดังนี้


- ฝุ่น PM 2.5 ดัน ยอดขายเติบโต บริษัทมีรายได้จากการขายจำนวน 15,400 ล้านบาท (-2.9%QoQ, +3.5%YoY) SSSG กลับมาเป็นบวกราว 2.5%YoY ปรับตัวขึ้นจาก -1.0%YoY ในไตรมาส 4/2561 แต่ลดลงจากฐานสูงในปีก่อนที่ +3.1%YoY ในไตรมาส 1/2561 โดยการเติบโตมาจากทั้งสาขาเดิมของธุรกิจโฮมโปร และ เมกาโฮม และสาขาที่เปิดใหม่ระหว่างปี 2561 ทั้งนี้สินค้าที่ขายดี คือ สินค้าปรับปรุงคุณภาพอากาศ เนื่องจากมลพิษที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะ กทม. ภาคกลาง และภาคเหนือ โดยเฉพาะช่วงเดือน ม.ค. และ ก.พ. ประกอบกับมีงาน HMPRO Expo ในช่วงวันที่ 15 - 24 มี.ค. ที่ผ่านมาหนุนรายได้ โดยระหว่างไตรมาสไม่มีการเปิดสาขาใหม่ แต่มีการย้ายสาขาแฟชั่นไอซ์แลนด์ จากภายในศูนย์การค้า ออกมาเป็น Stand Alone


- รายได้ค่าเช่าและค่าบริการเติบโต 9.8%YoY จำนวน 658 ล้านบาท จากพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นในศูนย์การค้าม์เกต วิลเลจ และรายได้จ้าบริการ Home Service


- อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 30 bps หนุนกำไร ที่ 26.2% จาก 25.9% ในไตรมาส 1/2561 จากการปรับเปลี่ยนของส่วนผสมสินค้าระหว่างกลุ่มสินค้าทั่วไปและกลุ่มสินค้า Private Brand โดยสัดส่วนสินค้า Private Brand ในไตรมาส 1/2562 อยู่ที่ระดับ 20.0% ของรายได้ เพิ่มขึ้นจาก 19.6% ณ สิ้นปี 2561

 

คงคำแนะนำ "ถือ" เนื่องจาก upside จำกัด ราคาเป้าหมาย 17.00 บาท

 

- คงคำแนะนำ "ถือ" ราคาเป้าหมาย 17.00 บาท อ้างอิงวิธี DCF (WACC 8.0%, Terminal Growth 1%) เหลือ upside ราว 7.6% คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 จำนวน 6,371 ล้านบาท (+13.5%YoY)


- มุมมองไตรมาส 2/2562 โตต่อเนื่อง เป็นฤดูกาลของ HMPRO เนื่องจากอากาศร้อน และในปีนี้ร้อนกว่าปกติ ทำให้คาดว่ายอดขายกลุ่มพัดลม เครื่องปรับอากาศจะหนุนผลประกอบการ อีกทั้งเป็นจังหวะดีในการปรับปรุงบ้านก่อนเข้าหน้าฝนในไตรมาส 3 และมองว่าไตรมาส 4 จะยังคงเป็นช่วงที่ดีที่สุดของทุกปี จากช่วงฤดูกาล และ งาน Expo ทุกเดือน พ.ย.


- แผนขยายสาขา 7-8 สาขา ดังนี้ (1)Homepro 2 สาขา (2)Homepro S 3-4 สาขา (3)เมกาโฮม 2 สาขา ซึ่งทั้งหมดจะอยู่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2562


- แนวโน้ม GPM เพิ่มจาก Private Brand เป้าหมาย Private Brand ที่ 20.6% ของยอดขาย และการปรับ Sourcing คาดหนุนอัตรากำไรขั้นต้นทั้งปี 2562 เพิ่มขึ้นราว 30 bps หนุนการเติบโตของกำไรโตสูงกว่ายอดขาย

 

ความเสี่ยง: ภาคการบริโภคในประเทศฟื้นตัวช้า

 

 

 

 

 



ดีบีเอสฯ แนะนำ "ซื้อ" HMPRO ราคาเป้าหมาย 17.50 บาท/หุ้น

 


บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์เปิดเผยว่า กำไรสุทธิ 1Q61 เท่ากับ 1.42 พันล้านบาท เติบโต 14%YoY เนื่องจาก 1) รายได้รวมเติบโต 4%YoY เป็น 1.66 หมื่นล้านบาท, 2) SSSG กลับมาเติบโตได้ราว 2% และ 3) อัตรากำไรขั้นต้น 1Q62 เพิ่มเป็น 26.2% จาก 25.9% ใน 1Q61 เป็นผลจากการปรับ Product mix การปรับปรุงแผนการจัดซื้อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และมี Economy of scale มากขึ้น ใน 1Q62 ไม่มีการเปิดสาขาใหม่ แต่ได้มีการย้ายสาขาโฮมโปรแฟชั่นไอส์แลนด์ จากในบริเวณศูนย์การค้าเป็นแบบสาขาที่อยู่นอกบริเวณศูนย์การค้า (Stand Alone) เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ณ สิ้น 1Q62 บริษัทมีสาขา HomePro 82 สาขา, HomePro S 8 สาขา, Mega Home 12 สาขา และ HomePro Malaysia 6 สาขา

 


แนวโน้มการเติบโต YoY ยังเป็นไปได้ต่อเนื่อง ทั้งจากการเพิ่มยอดขายและเพิ่มประสิทธิภาพในแต่ละสาขา และการขยายสาขาเพิ่ม โดยในปีนี้มีแผนเปิดสาขา HomePro 2 สาขา, HomePro S 3-4 สาขา และ Mega Home 2 สาขา แนะนำซื้อ โดย DBS ให้ราคาพื้นฐาน 17.50 บาท (DCF) ซึ่งมี Upside จากราคาปัจจุบัน 15.80 บาทอีก 11% การวิเคราะห์ทางเทคนิค แนะนำ Follow buy ด้วยค่าบวกของราคาหุ้น แนวต้านระยะสั้น 16.30-16.50 (17) บาท, Stop loss ถ้าต่ำกว่า 15.50 บาท เนื่องจากมีโอกาสลงไปที่ 15.00-14.80, 14.50 บาทอีกรอบ

 

 

 

 


บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แนะนำถือ HMPRO ราคาเป้าหมาย 16.40 บาท/หุ้น 

 

 

บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า HMPRO กำไรงวด 1Q62 เติบโต 13.7% YoY ตามคาด แม้ยอดยังเติบโตเพียง 3.5% YoY โดยยอดขายสาขาเดิมพลิกกลับมาเป็นบวกในงวด 1Q62 ราว 2% YoY ที่เหลือมาจากยอดขายสาขาใหม่ซึ่งในปีก่อนหน้าเปิดสาขาใหม่ขนาดใหญ่เพียง 1 แห่ง แต่ผลบวกจากปรับเปลี่ยน Product Mix และเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้า Private Brand มากขึ้น ทำให้ Gross Margin ขยับขึ้น 28 bps YoY อีกทั้งการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ SG&A ต่อยอดขาย ลดลงจาก 21.8% ในงวด 1Q61 เหลือ 21.6% บวกกับรายได้พื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นถึง 12.4% YoY ส่วนหนึ่งจากการจัดงาน Homepro Expo ช่วง 15-24 มีค. ที่ได้รับการตอบรับดีมาก หนุนให้กำไรสุทธิงวด 1Q62 อยู่ที่ 1,420 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.7% YoY

 

 

กำไรช่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะเติบโตดีขึ้นจากกลยุทธเชิงรุก โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายสาขาเดิมปีนี้เติบโต 3% YoY และรุกขยายสาขาขนาดใหญ่ 2-3 สาขา เป็นสาขาในกรุงเทพ 1-2 สาขา ซึ่งเลือกทำเลที่ยังมีช่องว่างให้เพิ่มยอดขาย ขณะที่สาขาต่างจังหวัดจะทดลองเปิดที่มุกดาหาร ใกล้สะพานมิตรภาพไทยลาว เพื่อรองรับทั้งลูกค้าคนไทยและคนลาว รวมทั้งจะเปิดสาขาขนาดเล็ก Homepro S อีก 3-4 สาขา และปีนี้เริ่มเปิดเพิ่ม Mega Home อีก 2 สาขาใน 4Q62 เพราะได้ปรับปรุงประสิทธิภาพภายในจนเริ่มปีกำไรบ้างแล้วตั้งแต่ปีก่อน แต่มาร์จิ้นยังบางอยู่ ช่วงต้นปี ยังต้องเพิ่มประสิทธิทำกำไร ทั้งเพิ่มสัดส่วนสินค้า Private Brand และหาช่องทางการลดค่าใช้จ่าย รวมถึงปรับเปลี่ยน Product Mix ของ Mego Home เช่นเดียวกับ Homepro เพื่อเพิ่มมาร์จิ้นในปีนี้อย่างน้อย 50 bps.

 

ขณะในปีนี้ยังมีการตั้งสำรองเงินชดเชย ฯ ตามพรบ.แรงงานใหม่อีก 70 ล้านบาท ซึ่งตั้งสำรองเพิ่มขึ้นปีก่อนเพียง 20 ล้านบาท จึงไม่น่ากังวล โดยรวมจึงคาดกำไรสุทธิในปี 2562 จะเติบโตได้ 16.4% ราคาหุ้นขึ้นมาสะท้อนการเติบโตปี 2562 แล้ว ปรับลดคำแนะนำเป็น "ถือ" เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันเหลือ Upside เพียง 3.8% จากบราคาเป้าหมายปี 2562 อิงวิธี DCF อยู่ที่ 16.4 บาท

 


จำนวนสาขาโฮมโปรในไทยที่มีถึง 82 สาขาทำให้การขยายสาขาค่อนข้างจำกัด และได้รับความนิยมในเขตรอบกรุงเทพมากกว่าต่างจังหวัด ทำให้แผนการขยายสาขาเพียง 1-3 สาขาต่อปี HMPRO จึงปรับกลยุทธ์มาเปิดสาขาขนาดเล็ก โฮมโปร เอส ในกรุงเทพมากขึ้นปัจจุบันมี 8 สาขา และตั้งเป้าเปิด Homepro S ปีละ 4-5 สาขา ขณะที่ร้านค้าปลีกเมกา โฮม ที่เน้นขายวัสดุก่อสร้างครบวงจรในต่างจังหวัดมีเพียง 12 แห่ง แต่มีคู่แข่งจำนวนมาก จึงยังต้องใช้เวลาปรับปรุงประสิทธิภาพมากกว่าเน้นขยายสาขา และสาขามาเลเซียยังขาดทุนอยู่

 

 

 

 

 

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ "T-BUY" HMPRO ราคาเป้าหมาย 17.20 บาท/หุ้น

 

 

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า HMPRO กำไรสุทธิ 1Q62 ลดลง 16% QoQ ตามผลของฤดูกาล แต่เพิ่มขึ้น 14% YoY เป็น 1,420 ล้านบาท ใกล้เคียงกับที่คาด โดย SSSG ของโฮมโปรอยู่ที่ประมาณ 2.5% (เทียบกับ +3.1% ใน 1Q61 และ -1.2% ใน 4Q61) จากการที่ลูกค้าเข้าร้านเพิ่มขึ้นเพื่อซื้อสินค้าป้องกันฝุ่น ซึ่งทำให้ขายสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้นไปด้วย ขณะที่เมกาโฮมมี SSSG เป็นบวกเล็กน้อยจาก -3% ใน 1Q61 นอกจากนั้น แม้ใน 1Q62 ไม่มีเปิดสาขาใหม่ แต่เมื่อเทียบ YoY มีจำนวนสาขาโฮมโปรเพิ่มขึ้น 5 สาขา อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 25.9% ใน 1Q61 เป็น 26.2% จากการเพิ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงและอัตรากำไรของสินค้า House brand สูงขึ้น ทั้งนี้ ตามมาตรฐานบัญชีใหม่ทำให้มีการจัดกลุ่มรายได้ ต้นทุน และค่าใช้จ่ายใหม่ แต่ไม่มีผลกระทบต่อกำไรสุทธิ

 

คาดกำไร 2Q62 เติบโตทั้ง QoQ และ YoY จากยอดขายสินค้าทำความเย็นเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศร้อน รวมทั้งสินค้าป้องกันฝุ่นที่ยังขายดี ขณะที่เมกาโฮมและสาขามาเลเซียคาดว่ามีผลประกอบการดีขึ้นเป็นลำดับ อัตรากำไรขั้นต้นยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในบริษัท นอกจากนั้น HMPRO ได้ตั้งประมาณการผลประโยชน์พนักงานฯ 50 ล้านบาทไปแล้วใน 4Q61 จึงไม่ต้องบันทึกใน 2Q62

 

HMPRO ยังคงเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีการเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพจาก SSSG เพิ่มขึ้น ขยายสาขาต่อเนื่อง และเพิ่มอัตรากำไร เรายังคงประมาณการกำไรปีนี้เติบโต 12% เป็น 6,288 ล้านบาท แนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมาย (DCF) 17.20 บาท

 

 

 



บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำซื้อ HMPRO ราคาเป้าหมาย 16.90 บาท/หุ้น

 

 

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์เปิดเผยว่า HMPRO รายงานกำไรสุทธิ 1Q19 จะอยู่ที่ 1.42 พันล้านบาท +14%YoY, -16%QoQ การเพิ่มขึ้น YoY มาจากได้ประโยชน์จากปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯปริมณฑล ช่วยเสริมความต้องการเครื่องฟอกอากาศและสนับสนุน traffic ให้เข้ามาที่ HMPRO ด้วย ในขณะที่รายได้จากงาน Expo นั้นได้รับการตอบรับที่ดีตามแผน ขณะที่การลดลง QoQ มาจากผลของฤดูกาล เราประมาณการกำไรปี 2019 ที่ 6.36 พันล้านบาท +13%YoY

 

รวมถึงคาดว่าจะขยายสาขาได้ตามแผน เราให้คำแนะนำเป็น "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 16.90 บาท อิง PER 35 เท่า (avg. 5 ปี+0.5SD) ทั้งนี้ราคาหุ้นมีการเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบตั้งแต่ต้นปี 2018 จากการขยายสาขาน้อย รวมถึงภาวะการขาดความเชื่อมั่นในการบริโภค อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นเริ่มทยอยปรับตัวดีขึ้น จากการขยายสาขาในปี 2019 ที่มีแนวโน้มมากขึ้นกว่าปีก่อน และมุมมองว่า การจับจ่ายใช้สอยจะมีแนวโน้มดีขึ้นหลังผ่านพ้นการเลือกตั้ง

 

HMPRO รายงานกำไรสุทธิ 1Q19 จะอยู่ที่ 1.42 พันล้านบาท +14%YoY, -16%QoQ การเพิ่มขึ้น YoY มาจากได้ประโยชน์จากปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯปริมณฑล ช่วยเสริมความต้องการเครื่องฟอกอากาศและสนับสนุน traffic ให้เข้ามาที่ HMPRO ด้วย ในขณะที่รายได้จากงาน Expo นั้นได้รับการตอบรับที่ดีใกล้เคียงปีที่แล้ว ขณะที่การลดลง QoQ มาจากผลของฤดูกาล ซึ่งโดยปกติ 4Q จะเป็นช่วง peak season

 

ยังคงประมาณการกำไรปี 2019 ที่ 6.36 พันล้านบาท +13%YoY เป็นผลมาจากการปรับเพิ่มสาขา HMPRO ใหญ่ 3 สาขา HMPRO S 4 แห่งและ Megahome 2 สาขา เราให้อัตรากำไรขั้นต้นใกล้เคียงเดิมที่ 27.8% เพิ่มเล็กน้อยจากปีที่แล้วที่ 27.5% จากการที่คาดว่า บริษัทจะสามารถบริหารการขายได้ดี รวมถึงการจัดสินค้าให้เหมาะกับฤดูกาล โดยใน 2Q19 สินค้าที่คาดว่าจะขายดีจะเป็นกลุ่มเครื่องทำความเย็นเพื่อรองรับอากาศที่ค่อนข้างร้อนซึ่งอากาศที่ร้อนมากในปีนี้ จะทำให้ผลประกอบการดีต่อเนื่อง รวมถึงฝนที่อาจจะมาช้าลงจะหนุนให้มีการตกแต่งซ่อมแซมบ้านมากขึ้น ทั้งนี้ กำไร 1Q19 คิดเป็น 23% ของกำไรทั้งปี 2019 ซึ่ง 2H ปกติจะมีกำไรมากกว่า 1H จากผลของฤดูกาลและการจับจ่ายใช้สอยที่มากในปลายปี จึงคาดว่ากำไรปี 2019 จะเป็นไปตามที่เราประมาณการ

 

คงคำแนะนำ"ซื้อที่ราคาเป้าหมาย 16.90 บาท อิง PER 35 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี+0.5SD) ทั้งนี้ราคาหุ้นมีการเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบตั้งแต่ต้นปี 2018 จากการที่มีการเติบโตและขยายสาขาน้อย รวมถึงภาวะการขาดความเชื่อมั่นในการบริโภค อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นเริ่มทยอยปรับตัวดีขึ้น จากการขยายสาขาในปี 2019 ทีมากขึ้นกว่าปีก่อน และมุมมองว่าการจับจ่ายใช้สอยจะมีแนวโน้มดีขึ้นหลังผ่านพ้นการเลือกตั้ง

 

HMPRO

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่าย ร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

เก็งหุ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา หุ้นไทยแกว่งขึ้น ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนการเล่นการเทรดเป็นไปตามแรง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้