Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: HMPRO อวด Q2/61 กำไรโต QoQ และ YoY กูรู เล็งปันผลระหว่างกาล 0.15 บาท

2,797

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (31 กรกฎาคม 2561)------- HMPRO แจงไตรมาส 2 ปีนี้ กำไรโต 16.03% เหตุยอดขายสาขาเก่า - ใหม่และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย หนุน ด้านเทพหุ้นบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มองกำไร ใกล้เคียงคาด แนะ ซื้อ เคาะเป้า 15.40 บาท ด้านเซียนหุ้นบล.เออีซี ชี้กำไรโค้ง2 ตรงตามคาด ทำนายช่วง 2H61 ยังสดใส YoY และ HoH หนุนปีนี้คงคาดกำไรโต 12.6%YoY คงแนะนำ "ซื้อ" หลังมี Upside 9% และคาดมีปันผลจ่ายระหว่างกาล 0.15 บาท ฟากกุนซือหุ้นบล.ทรีนีตี้ ระบุกำไร HMPRO สูงกว่าประมาณการไว้ 1.9% ขณะที่โหรหุ้น บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ตามคาด


นางสาว วรรณี จันทามงคล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ - กลุ่มบัญชีและการเงินบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) HMPRO เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 ปี2561 เท่ากับ 1,312.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 181.36 ล้านบาท หรือ 16.03% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนโดยมีปัจจัยหลักดังนี้

1. รายได้รวม จำนวน 16,464.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 691.25 ล้านบาท หรือ 4.38% ซึ่งประกอบไปด้วย รายได้จากการขาย จำนวน 15,444.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 642.37 ล้านบาท หรือ 4.34% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจโฮมโปร และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย รวมถึงการเติบโตของยอดขายจากสาขาใหม่ทั้งธุรกิจโฮมโปร เมกา โฮม และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซียที่ได้เปิดดำเนินการตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2560 ด้านรายได้ค่าเช่าและบริการ จำนวน 444.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.69 ล้านบาท หรือ 6.64% เป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้ามาร์เกต วิลเลจและพื้นที่ให้เช่าของสาขาโฮมโปร ขณะที่รายได้อื่น จำนวน 575.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.19 ล้านบาท หรือ 3.82% โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้ส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้า รวมถึงรายได้จากค่าบริการ "Home Service"

2. กำไรขั้นต้น จำนวน 4,169.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 321.36 ล้านบาท หรือ 8.35% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 25.99% ในปีก่อน มาอยู่ที่26.99% โดยเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนของส่วนผสมสินค้ามีไว้เพื่อขายทั้งกลุ่มสินค้าทั่วไป และกลุ่มสินค้า Direct Sourcingรวมถึงการวางแผนการจัดซื้อสินค้าของธุรกิจโฮมโปร

3. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 3,474.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 160.69 ล้านบาท หรือ 4.85% เมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจัยหลักของการเพิ่มขึ้นที่เป็นตัวเงินเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายกลุ่มเงินเดือน ต้นทุนค่าขนส่ง ต้นทุนในการให้บริการแก่ลูกค้า ค่าใช้จ่ายการตลาด รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเตรียมการเปิดสาขาโฮมโปร กัลปพฤกษ์ซึ่งเปิดเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2561 โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 22.39% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 22.49%

4. ค่าใช้จ่ายทางการเงิน จำนวน 98.21 ล้านบาท ลดลง 26.26 ล้านบาท หรือ 21.10% เป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจากการออกหุ้นกู้ ใหม่ทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด (Refinance) ในช่วงไตรมาสที่ 2ปี 2560 และไตรมาสที่ 1 ปี 2561

5. ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้จำนวน 304.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.45 ล้านบาท หรือ 21.81% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากกำไรก่อนหักภาษีที่เพิ่มขึ้น

 

บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิสำหรับครึ่งปีแรกเท่ากับ 2,561.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 383.61 ล้านบาท หรือ 17.62%เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักดังนี้

1. รายได้รวม จำนวน 32,365.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,319.01 ล้านบาท หรือ 4.25% ซึ่งประกอบไปด้วยรายได้จากการขาย จำนวน 30,319.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,246.43 ล้านบาท หรือ 4.29% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจโฮมโปร และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซียรวมถึงการเติบโตของยอดขายจากสาขาใหม่ทั้งธุรกิจ โฮมโปร เมกา โฮม และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซียที่ได้เปิดดำเนินการตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2560
รายได้ค่าเช่าและบริการ จำนวน 943.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.71 ล้านบาท หรือ 5.09% เป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้ามาร์เกต วิลเลจและพื้นที่ให้เช่าของสาขาโฮมโปร และ รายได้อื่น จำนวน 1,101.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.87 ล้านบาท หรือ 2.50% โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้จากค่าบริการ "Home Service"

2. กำไรขั้นต้น จำนวน 8,159.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 600.48 ล้านบาท หรือ 7.94% เมื่อเทียบกับปีก่อนสำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 26.00% ในปีก่อน มาอยู่ที่26.91% โดยเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนของส่วนผสมสินค้ามีไว้ เพื่อขายทั้งกลุ่มสินค้าทั่วไป และกลุ่มสินค้า Direct Sourcingรวมถึงการวางแผนการจัดซื้อสินค้า

3. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 6,858.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 237.37 ล้านบาท หรือ 3.58% เมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจัยหลักของการเพิ่มขึ้นที่เป็นตัวเงินเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายกลุ่มเงินเดือน ต้นทุนค่าขนส่ง ต้นทุนในการให้บริการแก่ลูกค้า และค่าซ่อมแซม อย่างไรก็ตามอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายมีการปรับตัวดีขึ้นโดยลดลงจาก 22.78% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 22.62% ซึ่งเป็นผลมาจาการบริหารและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. ค่าใช้จ่ายทางการเงิน จำนวน 196.29 ล้านบาท ลดลง 38.25 ล้านบาท หรือ 16.31% เป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจากการออกหุ้นกู้ ใหม่ทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด (Refinance) ในช่วงไตรมาสที่ 2ปี 2560 และไตรมาสที่ 1 ปี 2561

5. ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ จำนวน 589.12 ล้านบาท เพิ่มขึ ้น 90.33 ล้านบาท หรือ 18.11% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากกำไรก่อนหักภาษีที่เพิ่มขึ้น


บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ออกบทวิเคราะห์เปิดเผยว่า HMPRO รายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 5% QoQ และ 16% YoY เป็น 1,313 ล้านบาท ใกล้เคียงกับที่เราคาด โดย SSSG อยู่ที่ประมาณ 3% เทียบกับ -6.3% ใน 2Q60 โดยได้รับผลบวกจากยอดขายทีวีเพิ่มขึ้นในช่วงฟุตบอลโลกและการส่งเสริมการขายกลุ่มเครื่องทำความเย็น รวมทั้งจัดงาน HomePro Fair ที่เชียงใหม่และขอนแก่น ยอดขายยังถูกผลักดันจากการเปิดสาขาโฮมโปร 2 สาขาใน 2Q61 หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 9 สาขา YoY ได้แก่ โฮมโปร 5 สาขา เมกาโฮม 1 สาขา และ มาเลเซีย 3 สาขา อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 26.0% ใน 2Q60 เป็น 27.0% จากประสิทธิภาพการดำเนินงานสูงขึ้น ปรับ Product mix และเพิ่มสัดส่วนสินค้า Private brand

แนวโน้มผลประกอบการ กำไร 3Q61 มีแนวโน้มชะลอตัว QoQ เนื่องจากเป็นโลว์ซีซั่นของการขายในช่วงหน้าฝน อย่างไรก็ดี คาดกำไรยังเติบโตในเกณฑ์ดีเมื่อเทียบ YoY จากการขยายสาขา อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้า Private brand ส่วนผลประกอบการ 4Q61 คาดกำไรจะโดดเด่นที่สุดของปี เติบโตทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากเป็นไฮซีซั่น

กำไรสุทธิ 1H61 คิดเป็น 47% ของประมาณการกำไรปีนี้ที่ 5,454 ล้านบาท เติบโต 12% เรายังคงประมาณการเดิมเนื่องจากโดยปกติกำไร 2H จะสูงกว่า 1H โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงที่กำไรสูงสุดของปี อีกทั้งได้ผลบวกจากสาขามาเลเซียที่มีผลการดำเนินงานดีขึ้นจนถึงระดับคุ้มทุน แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (DCF) 15.40 บาท

ความเสี่ยง: Cannibalisation / เศรษฐกิจชะลอตัว / สาขามาเลเซียไม่เป็นไปตามคาด

บล.ทรีนีตี้ แนะนำ "ซื้อ" HMPRO ประกาศกำไรไตรมาส 2/2561 อยู่ที่ 1,313 ล้านบาท (+5.1%QoQ, +16.0%YoY) สูงกว่าที่เราทำประมาณการไว้ 1.9% ปัจจัยจาก ยอดขายเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ยอดขายประจำไตรมาส 2/2561 จำนวน 15,445 ล้านบาท (+3.8%QoQ, +4.3%YoY) โดยอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมอยู่ที่ราว (SSSG) +3.0% ใกล้เคียงกันไตรมาสก่อน สูงกว่าไตรมาส 2/2560 ที่อยู่ที่ -6.3% ซึ่งอยู่ในเกณฑ์บวกเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน ทั้งนี้ระหว่างไตรมาส 2/2561 และมีการเปิดสาขาใหม่ 2 สาขา รูปแบบ Homepro S ที่ บิ๊กซี บางนา และ HomePro รูปแบบดั้งเดิมที่กัลปพฤกษ์รายได้ค่าเช่าและบริการเติบโต จำนวน 445 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +6.6%YoY จากพื้นที่ให้เช่าของสาขาโฮมโปรที่เปิดเพิ่มขึ้น และพื้นที่เช่าของมาร์เก็ต วิลเลจอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 1% YoY เป็น 27% ดีกว่าคาด จากการปรับเปลี่ยนของส่วนผสมสินค้าระหว่างกลุ่มสินค้าทั่วไปและกลุ่มสินค้า Direct Sourcing เน้นสัดส่วนการเพิ่ม Private Brand รวมถึงการวางแผนการจัดซื้อสินค้าของธุรกิจโฮมโปรคาดสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากต้นทุนเงินเดือน ค่าขนส่ง ค่าใช้จ่ายการการตลาดรวมถึงค่าใช้จ่ายในการเปิดสาขาใหม่ระหว่างไตรมาสค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลง เหลือ 98 ล้านบาท ลดลง 21.1%YoY เนื่องจากมีการ Refinance หุ้นกู้ใหม่ที่มีต้นทุนดอกเบี้ยต่ำลงแทนหุ้นกู้ที่ควบกำกหนดชำระ ประมาณการกำไรช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 อยู่ที่ 2,561 ล้านบาท (+17.6%YoY) คิดเป็นสัดส่วนราว 43% ของประมาณการทั้งปี คงประมาณการกำไรปี 2561 จำนวน 5,869 ล้านบาท เติบโต +20.1%YoY

เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 16.00 บาท อ้างอิงวิธี DCF (WACC 8.0% และ Terminal growth 3%) มี Upside ราว 10% แนวโน้มไตรมาส 3 ชะลอตัว เนื่องจากเป็น Low Season ของทุกปีจากฤดูกาล โดยมี Hmpro Fair หนุนยอดขายในเดือน ก.ค. 2561 และไตรมาส 4 เป็น High Season คาดอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น จากกลยุทธ์เน้นการเพิ่มสัดส่วนสินค้า Private Brand โดยมีเป้าหมายยอดขายสัดส่วน 20% ภายในสิ้นปีนี้

ความเสี่ยง: บรรยากาศการจับจ่ายภายในประเทศ


บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า ช่วง 2Q61 HMPRO รายงานกำไรสุทธิ 1,313 ล้านบาท โต 16.0%YoY และ 5.1%QoQ ตรงตามคาด โดยการเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็นผลจาก 1) ยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 4.3%YoY จากยอดขายสาขาเดิมที่โตราว 3%YoY หลังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าทำความเย็นในช่วงฤดูร้อน และได้รับอานิสงส์กระแสฟุตบอลโลกหนุนยอดขายทีวีและเครื่องเสียง อีกทั้งยังมีฐานยอดขายสาขาเดิมที่ต่ำในช่วง 2Q60 พร้อมทั้งยังรับรู้ยอดขายสาขาใหม่ที่มีเพิ่มขึ้น 7 แห่งจากสิ้นช่วง 2Q61 (โดยช่วง 2Q61 เปิดสาขาใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ โฮมโปรที่กัลปพฤกษ์ และโฮมโปร S ที่บิ๊กซีบางนา) 2) รายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น 5%YoY หลังมีรายได้ค่าเช่าและรายได้ค่าบริการเพิ่มขึ้น 3) อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 26.0% ในช่วง 2Q60 เป็น 27.0% หลังมีการเพิ่มขึ้นในสัดส่วนยอดขายสินค้า Direct Sourcing ซึ่งมีมาร์จิ้นสูงและการเกิดผลประหยัดต่อขนาดในธุรกิจเมกาโฮมหลังมีสาขาเพิ่มขึ้น และ 4) ต้นทุนทางการเงินลดลง 21.1%YoY หลังมีการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ชุดเก่าด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง จึงส่งผลให้ช่วง 2Q61 HMPRO มีอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นจาก 7.6% ในช่วง 2Q60 เป็น 8.5%ช่วง 2H61 แนวโน้มยังสดใส YoY และ HoH หนุนปีนี้คงคาดกำไรโต 12.6%YoYกำไรช่วง 1H61 คิดเป็นสัดส่วน 46.5% ของประมาณการกำไรทั้งปี และเรายังคงประมาณการเดิม โดยช่วง 2H61 คาดกำไรยังโตทั้ง YoY และ HoH เพราะนอกจากปกติไตรมาสสี่จะเข้าสู่ High Season ของการจับจ่ายใช้สอยแล้ว HMPRO ยังมีแผนจัดโปรโมชั่นและสร้างกิจกรรมกระตุ้นยอดขาย อาทิเช่น งาน "โฮมโปร แฟร์ 2018" ในวันที่ 20-29 ก.ค., งาน "โฮมโปร เอ็กซ์โปร ครั้งที่ 28" ในเดือน พ.ย. ควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์บริษัทเพื่อยกระดับศักยภาพทำกำไรให้สูงขึ้น โดยตั้งเป้ามีสัดส่วนสินค้า Direct Sourcing ปีนี้เพิ่มเป็น 20% จากช่วง 1H61 ที่ 19.5% นอกจากนี้ช่วง 2H61 ยังมีแผนขยายสาขาโฮมโปร S เพิ่มอีก 6 แห่ง เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้เรายังคงคาดปี 2561 HMPRO จะมีกำไรสุทธิ 5,504 ล้านบาท เติบโต 12.6%YoY ตามประมาณการเดิมได้คงแนะนำ "ซื้อ" หลังมี Upside 9% และคาดมีปันผลจ่ายระหว่างกาล 0.15 บาทเรายังคงแนะนำ "ซื้อ" หลัง HMPRO ยังมีแนวโน้มกำไรที่เติบโตได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่องในระยะยาว บวกกับ ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 9% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2561 (อิงวิธี DCF) ที่ 15.80 บาท พร้อมคาดมีเงินปันผลจ่ายระหว่างกาลจากกำไรช่วง 1H61 หุ้นละ 0.15 บาท คิดเป็น Div. yield 1%


บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า HMPRO รายงานกำไรสุทธิ 1,313 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% YoY, 5%QoQ ตามที่เราและตลาดคาด หนุนโดย 1) รายได้จากการขายที่ขยายตัวอยู่ที่ 4% YoY จากSSSG ที่เป็นบวก และรายได้จากการขายทีวี ที่เติบโตโดดเด่นในช่วงบอลโลกเดือนมิ.ย. 2) Rental income ที่ขยายตัวอยู่ 6.6% YoY จากรายได้ค่าเช่าพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นจาก Market Village และ พื้นที่ที่ให้เช่าที่เพิ่มขึ้น 3)การปรับ product mix ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นส่งผลให้ Gross profit margin ขยายตัวอยู่ที่ 27% เราคงประมาณกำไรสุทธิปี 2018 อยู่ที่ 5.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%YoY เราคงคำแนะนำ "ถือ" HMPRO ที่ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท อิงDCF ปัจจุบัน HMPRO เทรดอยู่ที่ PER 34.5x สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม Commerce และในปี 2019 มีกำไรสุทธิเติบโตชะลอตัวลง สำหรับ Top pick ของกลุ่ม เรายังคงชอบ ROBINS แนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 79.00 บาท เนื่องจากเทรดต่ำกว่า peer ,มีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง และการขายรูปแบบใหม่Robinson On Demand เป็น omni channel ผสม off+online ส่งให้ที่สาขาที่สะดวกหรือรับที่บ้านได้ ส่งผลให้รายได้เติบโตต่อเนื่อง

HMPRO รายงานกำไรสุทธิ 1,313 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% YoY, 5.1%QoQ ตามที่เราและตลาดคาด หนุนโดย 1) รายได้จากการขายที่ขยายตัวอยู่ที่ 4.3% YoY จากSSSG ที่เป็นบวกของ และรายได้จากการขายทีวี ที่เติบโตโดดเด่นในช่วงบอลโลกเดือนมิ.ย. 2) Rental income ที่ขยายตัวอยู่ 6.6% YoY จากรายได้ค่าเช่าพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นจาก Market Village และ พื้นที่ที่ให้เช่าที่เพิ่มขึ้น 3)การปรับ product mix ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการเพิ่ม House brand และ consolidation of suppliers ส่งผลให้ Gross profit margin ขยายตัวอยู่ที่ 27% เพิ่มขึ้นจาก 26% ใน 2Q17

เราคงประมาณกำไรสุทธิปี 2018 อยู่ที่ 5.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%YoY ทั้งนี้กำไรสุทธิ 1H18 คิดเป็น 46.7% ของประมาณการปี 2018 อย่างไรก็ตาม เรามองว่ากำไรสุทธิจะอ่อนลงใน 3Q18 ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ไม่มากนักเนื่องจากมีการจัดดงาน HMPRO Fair ระหว่าง 22-29 กค. และคาดกำไรจะทำจุดสูงสุดใน 4Q18 ช่วง High Season โดยจะจัดงาน HMPRO Expo ครั้งที่ 2 ในเดือนพย. รวมถึงมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 6 แห่ง ในช่วง2H18

เราคงคำแนะนำ "ถือ" ที่ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท อิงDCF ( WACC ที่ 7%, terminal growth 3%) ปัจจุบัน HMPRO เทรดอยู่ที่ PER 34.5x สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม Commerce และในปี 2019 มีกำไรสุทธิเติบโตชะลอตัวลง สำหรับ Top pick ของกลุ่ม เรายังคงชอบ ROBINS แนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 79.00 บาท เนื่องจากเทรดต่ำกว่า peer ,มีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง และการขายรูปแบบใหม่Robinson On Demand เป็น omni channel ผสม off+online ส่งให้ที่สาขาที่สะดวกหรือรับที่บ้านได้ ส่งผลให้รายได้เติบโตต่อเนื่อง

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่าย ร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

เก็งหุ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา หุ้นไทยแกว่งขึ้น ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนการเล่นการเทรดเป็นไปตามแรง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้