Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

231

 

 

ผ่อนคลาย แต่Upside ก็จำกัด
ภาพรวมปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานดูผ่อนคลาย โดยเรื่องเพดานหนี้สหรัฐ ได้ข้อยุติ ขณะที่มีความเป็นไปได้ที่ Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ยังมี Surprise จากที่ ซาอุฯ ลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเติมอีก 1 ล้านบาร์เรล ในเดือน ก.ค.66 สถานการณ์ในต่างประเทศที่ผ่อนคลายดังกล่าว ถือเป็น Sentiment บวกต่อตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ตามในประเทศยังมีแรงกดดันจากความไม่ชัดเจนของสถานการณ์การเมือง ซึ่งน่าจะทำให้ FundFlow ยังไม่ไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นบ้านเรา แตก็มีโอกาสที่แรงขายจะเบาลงSET Index มีโอกาสที่จะดีดตัวสูงขึ้น จากปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานที่ผ่อนคลายแต่เชื่อว่า Upside ยังจำกัดด้วยปัจจัยการเมือง คาดกรอบ SET Index ที่ 1525 –1545 จุด หุ้น Top Pick เลือก BEM, MAJOR และ PTTEP


หลายปัจจัยบวก หนุนเม็ดไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปดีดตัวขึ้นแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาราว 1.1% -2.1% อีกทั้งช่วงวันหยุดยังมีหลายปัจจัยบวกเข้ามาช่วยผ่อนคลายความกังวล ดังนี้
• ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังดูแข็งแกร่ง ทำให้เกิดความคาดหวังว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่เข้าใกล้ภาวะ Recession หรืออาจชะลอตัวแบบ Soft Landingสะท้อนจาก ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) เดือนพ.ค. พุ่งขึ้นกว่า 339,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่ตลาดเกือบ 2 เท่าที่ระดับ180,000 ตำแหน่ง โดยการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่อยู่ในภาคบริการ

• Fed มีแนวโน้มคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25% ในการประชุมรอบเดือน มิ.ย. นี้โดยผลการสำรวจของ Fed Watch Tool ให้น้ำหนักสูงถึง 80% เนื่องจากหลายตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณการชะลอตัวในเดือน พ.ค. อาทิอัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้นเป็น 3.7% สูงสุดในรอบ 8 เดือน (สูงกว่าตลาดคาดที่ 3.5%), ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน +4.3%YoY (ต่ำกว่าตลาดคาดที่ +4.4%YoY), ISM-PMI ภาคบริการลดลงมาอยู่ที่ 50.3จุด (ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 51.8 จุด) ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเดือน พ.ค. อีกครั้ง เพราะเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ Fed ใช้ในการพิจารณาดำเนินนโยบายการเงิน

• สหรัฐฯ หลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกสำเร็จ หลังร่างกฎหมายการขยายเพดานหนี้สหรัฐผ่านการลงนามจาก ปธน. สหรัฐฯ โจ ไบเดน รวมถึงได้รับการโหวตด้วยคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในสภาคองเกรส (สภาล่าง 314 :117 เสียง, สภาบน 63 : 36 เสียง) ทั้งนี้กระทรวงการคลังสหรัฐจะสามารถกู้ยืมเงินได้อย่างอิสระเป็นการชั่วคราวไปจนถึงวันที่ 1 ม.ค. 2568

ขณะที่ในวันนี้เวลา 10.30 น. บ้านเรามีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือน พ.ค. โดยConsensus คาดว่าอยู่ที่ +1.6% ชะลอตัวจากเดือนก่อนที่ +2.67% และจะทำให้Real Interest Rate พลิกกลับมาเป็นบวกได้ที่ +0.4% (ดอกเบี้ย 2.0% - เงินเฟ้อ F1.6%) ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยหนุนให้เงินบาทชะลอการอ่อนค่าลง ส่วนกลุ่มหุ้นที่คาดว่าได้รับประโยชน์ในช่วงเงินเฟ้อชะลอตัว


เม็ดเงินมีแนวโน้มไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น หลังมีหลายปัจจัยบวกเข้ามาพร้อมๆกัน ทั้งคววามกังวลเรื่อง Recession ผ่อนคลายชั่วขณะ หลังตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังดูแข็งแกร่ง รวมถึงการคงดอกเบี้ยของ Fed ในเดือนนี้ อีกทั้งสหรัฐฯ ยังสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกได้สำเร็จ

สำหรับบ้านเราในวันนี้ รอดติดตามการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือน พ.ค. ซึ่งเชื่อว่ามีแนวโน้มลดลง ตามราคาน้ำมันที่ชะลอตัว YoY และน่าจะทำให้ Real InterestRate พลิกกลับมาเป็นบวก ช่วยหนุนให้เงินบาทชะลอการอ่อนค่าลง


OPEC + ขยายเวลา และปรับลดกำลังการผลิตเพิ่ม หนุนDownside ราคาน้ำมันจำกัดมากขึ้น ดีต่อ PTT PTTEP
ในที่ประชุมกลุ่มโอเปกพลัสเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 มิ.ย.2566 ที่ผ่านมา โดยอ้างอิงสำนักข่าว CNBC มีประเด็น คือ ซาอุดิอาระเบียได้ประกาศการปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจลงอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเมื่อเดือนเม.ย.2566 ที่ปรับลดไปแล้ว 5 แสนบาร์เรลต่อวัน รวมการปรับลดการสมัครใจของกลุ่มโอเปกอยู่ที่ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้กำลังการผลิตของซาอุดิอาระเบียจะอยู่ที่ 9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งการปรับกำลังการผลิตโดยสมัครใจของซาอุดิอาระเบียในครั้งนี้ได้ระบุกรอบระยะเวลาเบื้องต้นไว้ที่เป็นระยะเวลา 1 เดือน เริ่มในเดือน ก.ค. 2566 แต่สามารถขยายกำลังการผลิตที่ปรับลดนี้ได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยพยุงราคาน้ำมันไม่ให้ปรับตัวลดลงนอกจากนี้ที่ประชุมกลุ่มโอเปกพลัสยังได้มีมติที่จะขยายการปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจที่เริ่มใช้ในเดือน เม.ย.2566 ที่ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน (แบ่งเป็นรัสเซีย 5แสนบาร์เรลต่อวัน และสมาชิกอื่นๆในโอเปกพลัส 1.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน) ไปจนถึงสิ้นปี 2567 จากเดิมจะสิ้นสุดลง 2566 (ส่วนมติการปรับลดเดิมที่มีอยู่มาตั้งแต่เดือนต.ค. 2565 ที่ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และสิ้นสุดลงในสิ้นปี 2566 ยังไม่มีความชัดเจนว่า
จะใช้ต่อในปี 2567 หรือไม่)

ทั้งนี้มติที่ประชุมกลุ่มโอเปกพลัสล่าสุดดังกล่าว เป็นการพยายามที่จะปรับปริมาณsupply ในตลาดน้ำมันดิบของโลกให้อยู่ในภาวะสมดุลมากที่สุด เพื่อพยุงราคาน้ำมันดิบให้มีเสถียรภาพ ประกอบกับกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัสคิดเป็นประมาณ 40% ของกำลังการผลิตน้ำมันดิบทั่วโลก ดังนั้นคาดนโยบายการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกน่าจะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมัน โดยมุมมองราคาน้ำมันของประเทศสมาชิกหลักที่ออกมาเปิดเผยไว้คือไม่ควรต่ำกว่า 80 เหรียญฯต่อบาร์เรล ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการปรับลดกำลังการผลิตอีกระลอกของกลุ่มโอเปกพลัสในครั้งนี้ (สำหรับการประชุมกลุ่มโอเปกครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในวันที่ 26 พ.ย.2566)

โดยมุมมองของฝ่ายวิจัยคาดทิศทางราคาน้ำมันน่าจะมี downside ที่จำกัดมากขึ้นจากการจำกัด supply แต่การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันจะไปได้สูงและมีเสถียรภาพมากน้อยเพียงใดจะขึ้นอยู่กับด้านความต้องการใช้ ซึ่งแปรผันหลักตามอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งคาดจะมีมุมมองที่ดีขึ้นในช่วง 2H66 เมื่อเทียบกับ 1H66 จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจในหลายๆประเทศที่มีมากขึ้น ซึ่งในช่วงสั้นภาพรวมถือเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มปิโตรเลียมหลัก ได้แก่PTTEP และ PTT ขณะที่ในส่วนของกลุ่มโรงกลั่นนั้นยังต้องดูทิศทางราคาน้ำมันสำเร็จรูปประกอบด้วย เพราะการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบจะเป็นต้นทุนของกลุ่มโรงกลั่น แต่จะได้ผลบวกในเชิงการบันทึกสต๊อกน้ำมันเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามราคาหุ้นของกลุ่มปิโตรเลียม รวมถึงปิโตรเคมีในช่วงที่ผ่านมาถือว่าได้ปรับฐานลงมามากแล้วจนเห็น downside ที่จำกัด คาดหากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวใน 2H66 ตามสมมติฐาน คาดน่าจะเห็นการฟื้นตัวของราคาหุ้นได้ทั้งกลุ่มหลังหยุดยาว…ความหวังตลาดหุ้นไทยฟื้นตามตลาดหุ้นโลกหลังหยุดยาว คาดหวังตลาดหุ้นไทยมีแน้วโน้มฟื้นตัวได้ดีขึ้นจากช่วงที่ผ่านๆ มา ด้วยเหตุผลต่างๆ ดังนี้

1. ตลาดหุ้นไทยตอบรับประเด็นลบ เรื่อง การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองมาในระดับหนึ่งแล้ว สะท้อนได้จาก ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโลกอยู่ในโหมด Risk Onโดยเฉพาะตลาดหุ้น Nasdaq ปรับตัวขึ้นมา 6 สัปดาห์ติดต่อกันกว่า 10%ขณะที่ตลาดหุ้นไทยตามหลังอยู่ไกลมาก โดยให้ผลตอบแทนในช่วงเวลาเดียวกัน
-1.7%


2. Fund Flow มีการชะลอการไหลออกบ้าง โดยวันศุกที่ผ่านมา ต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทย 6 ร้อยล้านบาท (หลังจากขายสุทธิติดต่อกัน 18 วันทำการ) และยังซื้อสุทธิสัญญา Futures กว่า 29,681 สัญญา ซึ่งนักลงทุนยังให้น้ำหนักเอนเอียงมาที่หุ้นอิงกับราคา Commodity มากขึ้น สังเกตได้จากผลตอบแทน (mtd)ราย Sector


3. ราคาน้ำมันดิบฟื้นแรง หนุนหุ้นไทยมีสัดส่วนหุ้นอิงราคา Commodity กว่า 1 ใน3 ของตลาด อีกทั้งหุ้นดังกล่าวยัง Laggard กว่าการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันในปีนี้มาก โดยผลตอบแทนราคาน้ำมันในปีนี้ฟื้นขึ้นเหลือ -10.6%ytd แต่หุ้นพลังงานไทยลบเยอะกว่ามาก พร้อมกับ Upside ที่เปิดกว้างขึ้น


ทั้ง 3 ปัจจัยน่าจะช่วยหนุนให้ SET Index มีโอกาสขยับตัวขึ้นได้ดีกว่าช่วงที่ผ่านๆ มาประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1525 – 1545 จุด กลยุทธ์แนะนำหุ้นราคา Laggardพื้นฐานมาก และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหนุน โดย Top pick เลือก PTTEP (ราคาน้ำมันเด่น), BEM (เริ่มเปิดรถไฟสายสีเหลือง ปลายปีเปิดทั้งเส้นและสายสีชมพู),MAJOR (หลังฟอร์มยักษ์เข้ามาเยอะ พรุ่งนี้มีหนัง Transformer เข้ามาหนุน


เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

Microsoft ลงทุนไทย By: แม่มดน้อย

ภาพรวมหุ้นไทยในภาคเช้าที่ผ่านมา แกว่งตัวซิกแซกขึ้น สงสัยตอบรับข่าวดี Microsoft ลงทุนไทย....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้