Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: SET เดือน 6 ตกหรือไม่?

780

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(1 มิถุนายน 2566)--- 3 เทพหุ้น ส่อง SET เดือน 6 ตกหรือไม่? เริ่มจาก บล.ทรีนีตี้ มองหุ้นเดือนมิ.ย. Sideways ให้กรอบแนวรับ 2 ระดับบริเวณ 1500 จุดและ 1470 จุด มอง 1470 จุดมีเสถียรภาพ ขณะที่แนวต้าน 1570-1600 จุด

 

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนเดือนมิถุนายน 2566 ว่า สำหรับภาพตลาดหุ้นไทยในเดือนมิถุนายน คาดว่าจะแกว่งตัว Sideways โดยมองกรอบแนวรับ 2 ระดับได้แก่บริเวณ 1500 จุดและ 1470 จุด ซึ่งบริเวณ 1470 จุดนั้นมองเป็นแนวรับสำคัญเนื่องจากเป็นระดับที่เทียบเคียงเท่ากับ Forward PBV 1.4x ซึ่งในอดีตมักเป็นระดับที่ดัชนี SET ค่อนข้างมีเสถียรภาพ ในทางกลับกัน มองแนวต้าน 2 ระดับที่บริเวณ 1570 จุดและ 1600 จุดตามลำดับ โดยระดับ 1600 จุดเป็นระดับที่ไม่น่าผ่าน เนื่องจากเป็นระดับดัชนีที่เหมาะสมในกรณีดีสุดของเรา (Bull case) อิง Forward PE ที่ 14.2x และระดับ 2024E EPS ที่ 113 บาท

 

นายณัฐชาต กล่าวว่า ประเมินภาพดัชนีหุ้นในช่วงครึ่งเดือนแรกมีโอกาสดีกว่าครึ่งเดือนหลัง จากการที่ในช่วงแรกนักลงทุนน่าจะเริ่ม Price in ความเป็นไปได้ที่ Fed จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 มิถุนายน ซึ่งเรายังคงมีความเห็นเช่นเดิมว่ามีโอกาสสูงที่จะเกิดขึ้น จากทิศทางตัวเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงมาพอสมควรในช่วงหลัง และการออกมาส่งสัญญาณ Dovish ของกรรมการ Fed ต่างๆที่เด่นชัดมากขึ้น แต่หลังจากการประชุม FOMC ผ่านพ้นไปแล้ว อาจเห็นแรงขายทำกำไรหรือการ Sell on fact เกิดขึ้นได้

 

ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำใช้กลยุทธ์ขึ้นขาย-ลงซื้อตามกรอบแนวต้าน-แนวรับที่กำหนดไว้ โดยมีกลุ่มหุ้นแนะนำประจำเดือนนี้ ได้แก่ 1. กลุ่มธนาคารที่น่าจะยังได้ประโยชน์จากวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น ได้แก่ BBL, KBANK, SCB 2. กลุ่ม Consumer finance ที่ได้ประโยชน์จากแนวนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของกลุ่มคนฐานรากและความสามารถในการชำระหนี้ปรับสูงขึ้น ได้แก่ SAWAD, MTC, TIDLOR 3. กลุ่มที่อิงกับภาคการบริโภคที่ยังเห็นการขับเคลื่อนที่ดี และยังได้ประโยชน์สุทธิจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ได้แก่ BJC, MAKRO, CRC, GLOBAL, DOHOME

 

ด้านบล.เอเซีย พลัส เปิดกลยุทธ์ลงทุนเดือน มิ.ย. ชูหุ้นเด่น 3 ธีม หุ้นพื้นฐานดี GULF, BEM, CRC -หุ้นปันผลเด่น KTB -หุ้นกำไร Q2/66 เด่น MINT, TTCL


บล.เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์กลยุทธ์ลงทุน ระบุว่า ในเดือน พ.ค. 66 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากความกังวลเรื่องเสถียรภาพและการเปลี่ยนผ่านนโยบายต่างๆ ทางการเมือง ส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไทยสูงสุดในภูมิภาคกว่า 822 ล้านเหรียญ หรือ 2.8 หมื่นล้านบาท ขณะที่เดือน มิ.ย. 66 ยังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน ทั้งในปัจจัยต่างประเทศและในประเทศ ดังนี้ ปัจจัยต่างประเทศเริ่มจากเรื่องเงินสดสำรองของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ทยอยลดลง และคาดว่าจะหมดลงภายในวันที่ 5 มิ.ย. หากทางสภาครองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้อาจทำให้เกิด Government Shutdown ได้ แต่ถือว่ามีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากซึ่ง 33 ปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นเพียงแค่ 1 ครั้งเท่านั้น โดยกดดันหุ้นสหรัฐลดลง 5% ใน 2 สัปดาห์ อีกปัจจัยหนึ่ง คือ ติดตามการประชุม Fed วันที่ 14 มิ.ย. ว่าดอกเบี้ยสหรัฐจะหมดรอบขาขึ้นหรือไม่ ? ปัจจุบัน ตลาดคาดว่ามีโอกาสเห็น Fed ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% มาอยู่ที่ 5.5% แต่จะเริ่มปรับลงในช่วงปลายปี 2566 กดดันสภาพคล่องในสินทรัพย์ เสี่ยงให้ลดลง รวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่าได้ ปัจจัยภายในประเทศ หลักๆ ติดตามความคืบหน้าตามกรอบเวลา ทางการเมือง ตามไทม์ไลน์การจัดตั้งรัฐบาลใหม่คาดเร็วสุด 11 ส.ค. 66 พร้อมกับติดตามความคืบหน้านโยบายต่างๆ ใน MOU ของพรรค ร่วมรัฐบาล 23 ข้อ ที่ส่งกระทบต่อตลาดหุ้น อาทิ การปรับโครงสร้าง ค่าไฟฟ้า, การปฏิรูปที่ดิน, การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็นต้น ในมุมกำไรบริษัทจดทะเบียน แม้กำไรงวด 1Q66 ออกมา 2.67 แสน ล้านบาท เติบโต 57.8%QoQ และลดลง -8.1%YoY เป็นไปตามคาด แต่มุมมองกำไรไตรมาสที่ 2 ปกติจะชะลอตัวลงจากไตรมาสแรก และ ที่สำคัญคือ ภาพรวมฐานกำไรฐานกำไรงวด 2Q65 สูงมากถึง 3.55 แสนล้านบาท ส่งผลให้มีหุ้นกำไร 2Q66 ที่เติบโตโดดเด่นจำกัด

 

ในมุม Fund Flow ไหลออกจากตลาดหุ้นไทย จนสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยทางตรงจากต่างชาติ (ไม่รวมหุ้น DELTA) เหลือเพียง 18.9% เท่านั้น จึงน่าจะสะท้อนความกังวลช่วงเปลี่ยนผ่านทาง การเมืองมาระดับหนึ่งแล้ว และในภาพระยะยาวแนวโน้มเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าตลาด หุ้นไทยยังมีโอกาสฟื้นช่วงที่เหลือของปีสอดคล้องกับสถิติในอดีต คือ เวลาหุ้นไทยปรับตัวลงในช่วง 6 เดือนแรกของปี ช่วง 6 เดือนหลังมักปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี อย่างปี 2020 และปี 2022 เป็นต้น นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยที่ปรับฐานมาแล้วกว่า -8%ytd ถือว่า Laggard กว่าตลาดหุ้นโลกที่ปรับขึ้น +8%ytd รวมถึง Valuation ตลาดหุ้นไทยยังถือว่ามีความน่าสนใจ ทั้ง MEYG ราว 4% ยังสูงกว่า หลายๆ ประเทศ อีกทั้งยังคาดหวัง Dividend Yield ได้กว่า 3% สูง กว่าระดับปกติ กลยุทธ์การลงทุนเดือน มิ.ย. ในยามที่ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงการปรับจูน ต้องพิถีพิถันในการเลือกหุ้น โดยแบ่งหุ้นเด่นออกเป็น 3 ธีม คือ 1. หุ้นพื้นฐานดีราคาลงมาลึก GULF, BEM, CRC 2. หุ้นปันผลเด่น KTB 3. หุ้นกำไร 2Q66 เด่น MINT, TTCL

 

 

ขณะที่ บล.ทิสโก้ชี้เดือน มิ.ย. หุ้นไทยเจอหลากปัจจัยลบรุมเร้า ทั้งปัจจัยภายในเรื่องความไม่ชัดเจนด้านการเมือง แนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 ลดลง เงินทุนต่างชาติจ่อไหลออก ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศรอเพียบ ทั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FED และการดูดสภาพคล่องออกจากระบบผลพ่วงขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ

 

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บล.ทิสโก้มองการเมืองไทยยังคงอึมครึมต่อไปอีก 2 เดือนจนถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ฉากทัศน์ที่มีความเป็นไปได้มากสุดในขณะนี้ คือ การโหวตให้คุณพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี คาดว่าดัชนีหุ้นไทย (SET Index) จะตอบสนองทางบวกในระยะสั้น แต่อาจไปได้ไม่ไกล เพราะตลาดจะกลับมาติดตามโฉมหน้าของคณะรัฐมนตรี (การแบ่งกระทรวงดูแล) และนโยบายของรัฐบาลใหม่ ซึ่งในประเด็นหลัง ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก และการดำเนินนโยบายเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ของพรรคก้าวไกลในฐานะแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลยังเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก

 

สำหรับการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) กลางเดือนมิถุนายนนี้ บล.ทิสโก้ยังคงคาดว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ย +25 bps ซึ่งแตกต่างกับตลาดที่คาดว่าจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยแล้ว อย่างไรก็ดี ตลาดขณะนี้กำลังประเมินโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของ FED กลับมาเพิ่มขึ้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงก่อนการประชุม FED โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 1.ตัวเลขตลาดแรงงาน (การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราค่าจ้าง) ในวันที่ 2 มิถุนายน และ 2.ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในวันที่ 13 มิถุนายน

 

ภายหลังจากที่ผู้นำในสภาคองเกรส และประธานาธิบดีสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ได้ทันก่อนเส้นตายในต้นเดือนมิถุนายนนี้ บล.ทิสโก้คาดว่าจะมีการออกพันธบัตรจำนวนมากในตลาดเพื่อเติมให้เงินสำรองในบัญชีเงินฝากของรัฐบาล (Treasury General Account : TGA) เพิ่มขึ้นเป็นสู่ระดับประมาณ 2% ของ GDP หรือจะคิดเป็นสภาพคล่องราว 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะถูกดึงออกจากระบบ เพราะฉะนั้นแรงขับเคลื่อนด้านสภาพคล่องในช่วง 2-3 เดือนก่อนหน้านี้กำลังจะหมดไป คาดจะกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง

 

ด้านกำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 1 แม้จะออกมาดี เพิ่มขึ้น +8% YoY และ +71% QoQ แต่ประมาณการกำไรของตลาดยังถูกหั่นลงอยู่ นอกจากนี้แนวโน้มกำไรไตรมาส 2 ปกติมักจะชะลอตัวลงจากไตรมาสแรก และฐานกำไรในไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว (2Q22) เป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.53 แสนล้านบาท อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขณะนั้นเฉลี่ยสูงถึง 110 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล, การส่งออกขยายตัวระดับ 2 หลัก, การเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยไหลเข้าต่อเนื่อง ทำให้ บล.ทิสโก้ประเมินแนวโน้มกำไร ไตรมาส 2/2566 เบื้องต้นมีโอกาสลดลงทั้ง YoY และ QoQ

 

ส่วนแนวโน้ม Foreign Fund Flows ยังเป็นลบอยู่ในระยะสั้นจากความไม่แน่นอนของปัจจัยการเมืองในประเทศ และการกลับมาแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ในแง่ของข้อมูลเชิงสถิติ 10 ปีย้อนหลัง (ปี 2556 – 2565 ) บ่งชี้โอกาสที่ต่างชาติจะซื้อสุทธิในเดือนมิถุนายน มีเพียง 20% หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ โอกาสที่ต่างชาติจะขายสุทธิในเดือนมิถุนายนมีสูงถึง 80%

 

โดยสรุปในแง่ของกลยุทธ์การลงทุน บล.ทิสโก้แนะนำ "หาจังหวะตั้งรับ" หุ้นบลูชิพขนาดใหญ่ที่มีผลกำไรเติบโตอย่างมั่นคง โดยเน้นหุ้นที่มีค่า Beta < 1 คาดจะมีโอกาสปรับขึ้นมากกว่าตลาด (Outperform) ในช่วงที่มีปัจจัยกดดันรอบด้าน แนะนำ ADVANC, AOT, BDMS, CPALL และ CPN นอกจากนี้ บล.ทิสโก้ยังแนะนำ TLI ซึ่งคาดว่าจะได้รับคัดเลือกเข้า SET50 Index สำหรับครึ่งปีหลัง เพราะฉะนั้น หุ้นเด่นของบล.ทิสโก้ในเดือนมิถุนายน คือ ADVANC, AOT, BDMS, CPALL, CPN และ TLI ด้านแนวรับสำคัญของ SET Index เดือนนี้อยู่ที่ 1,510 - 1,520 และ 1,490 จุด แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,545-1,550 จุด แนวต้านต่อไปที่ 1,570- 1,575, และ 1,605 - 1,615 ตามลำดับ

 

////จบ////

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

GUNKUL ลุยขยายพอร์ตพลังงานทดแทน

GUNKUL ลุยขยายพอร์ตพลังงานทดแทน

ติดตาม By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ หลังจาก นายกฯคุยกับนายแบงก์ วันนี้ สมาคมธนาคารไทย ก็ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อย...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้