Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews:PTG ร่วมลงทุน "ยูนิท" ตั้ง MAXBIT ลุยธุรกิจ Digital Asset Broker /NER จ่อปิดดีลลูกค้าล้อยางอินเดียรายใหญ่ พร้อมรับอานิสงค์น้ำมันพุ่งแรง

5,246

 


PTG ร่วมลงทุน "ยูนิท" ตั้ง MAXBIT
ลุยธุรกิจ Digital Asset Broker

PTG จับมือกับ ยูนิท สตาร์ทอัพผู้ชำนาญด้านการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ทุ่มเม็ดเงินลงทุน 300 ล้านบาท ตั้งบริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด (MAXBIT DIGITAL ASSET CO.,LTD) ลุยธุรกิจนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) จ่อเปิดผลิตภัณฑ์สินทรัพย์ดิจิทัลตอบโจทย์และเข้าถึงได้ทุกกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ปฏิวัติวงการสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย

นายปกเขตร รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด (MAXBIT DIGITAL ASSET CO.,LTD) เปิดเผยว่า จากแนวโน้มของแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะสินทรัพย์ดิจิทัลที่เป็นบิทคอยน์ โดยทางกลุ่ม PTG จึงได้ทำการศึกษาตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยเช่นกันเป็นระยะเวลากว่า 3 ปี โดยจะให้ความสนใจในเรื่องเทคโนโลยีบล็อกเชนค่อนข้างมาก ประกอบกับการที่กฎหมายและกฎระเบียบข้อบังคับในไทยมีความชัดเจนและเอื้ออำนวยมากขึ้นจึงทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตสูงเพิ่มขึ้น จึงทำให้บริษัทฯมีแนวคิดที่จะลงไปแข่งขันในตลาดอย่างจริงจัง ซึ่งจะอาศัยฐานข้อมูลจากบัตรแม็กซ์ การ์ด (Max Card) ที่มีสมาชิกมากกว่า 17 ล้านคน ซึ่ง 7.29 ล้านคน เป็นกลุ่มอายุระหว่าง 18-40 ปี เป็นกลุ่มอายุที่ใกล้เคียงกับกลุ่มอายุที่นิยมลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล อย่าง คริปโทเคอร์เรนซี (cryptocurrency)

สำหรับรูปแบบของการทำสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัทฯ จะเน้นฟังก์ชั่นการซื้อขายที่ง่ายสะดวกและรวดเร็ว เป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงในการลงทุนได้ โดยมีลักษณะจะคล้ายกับ คอยน์เบส ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลจากสหรัฐ ซึ่งแพลตฟอร์มที่บริษัทฯได้ทำการพัฒนาขึ้นมาใหม่ มีชื่อว่า "MAXBIT" ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG และ บริษัท ยูนิท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีและการร่วมลงทุน ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีทางการเงิน อย่างสินทรัพย์ดิจิทัล และการพัฒนาระบบบล็อกเชน พร้อมจัดตั้งบริษัทใหม่ ภายใต้ชื่อ บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด (MAXBIT DIGITAL ASSET CO.,LTD)

สำหรับการร่วมลงทุนในครั้งนี้มีทั้งหมด 4 ส่วนเป็นคนไทยทั้งหมด โดย บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG มีสัดส่วนการลงทุนที่ 35%, บริษัท ยูนิท จำกัด ลงทุน 35% ส่วนที่เหลืออีก 30% จะเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย 2 ราย โดยเงินลงทุนเริ่มแรกจะอยู่ที่ 300 ล้านบาท เพื่อขอใบอนุญาตประกอบการเป็นตัวแทนการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย และเพื่อใช้พัฒนาระบบและแอพพิเคชั่นแพลตฟอร์มใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้ได้ทำการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ทุกกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

ทั้งนี้ในปัจจุบันบริษัทฯได้รับไลเซนส์มาแล้วทั้งหมด 4 ใบ จากทางธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งหมดจะอยู่ภายใต้บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส หรือ Max Card ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับ อี มันนี่ ( E-Money ) และ กระเป๋าเงินดิจิทัล (E-Wallet) โดยเฉพาะ

ในส่วนของการยื่นเรื่องขอใบอนุญาตประกอบการเป็นนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker)ในประเทศไทย กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการปรึกษาหารือและเตรียมเอกสารเพื่อรอยื่นขอใบอนุญาตกับทาง ก.ล.ต.

ด้านแพลตฟอร์มแอพพลิเคชั่นที่ทางผู้ใช้งานจะใช้เทรดนั้น สำหรับตัวผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯนั้นได้ทำการพัฒนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว หากได้ใบอนุญาตจากก.ล.ต. แล้วจึงจะสามารถดำเนินกิจกรรมซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ขณะที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯจะมีความแตกต่างจากการแลกเปลี่ยนเงินของสินทรัพย์ดิจิทัล

สำหรับการเป็นนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล จะทำให้บริษัทฯสามารถจัดซื้อ จัดหา สินทรัพย์ดิจิทัลที่ลูกค้าอยากได้จากทุกหนแห่งมาเสนอราคาให้ลูกค้าได้ โดยจะมีการเปรียบเทียบราคาสินทรัพย์ดิจิทัลให้กับลูกค้าผ่านแอพพิเคชั่น MAXBIT พร้อมนำเสนอราคาที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ณ ตอนที่ลูกค้าซื้อกับแพลตฟอร์มบริษัทฯ

"การเข้ามาลงทุนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในครั้งนี้ ทางกลุ่ม PTG มองการเติบโตในตลาดไม่ต่ำกว่าอันดับ 2 แน่นอน และจะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ในอนาคตในที่สุด ซึ่งคงต้องจับตามองกันต่อไป สุดท้ายแล้วหากเราประสบความสำเร็จ สิ่งที่เราพัฒนาขึ้นมานั้น เชื่อว่าจะเปลี่ยนวงการสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยได้จริงๆ รวมถึงจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่กลุ่ม PTG จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มจากธุรกิจ Non-oil อย่างยั่งยืนต่อไป" นายปกเขตร กล่าว

 

 

NER จ่อปิดดีลลูกค้าล้อยางอินเดียรายใหญ่
มั่นใจรายได้ตามเป้า 28,000 ล้านบาท

 

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆและกลุ่มผู้ค้าคนกลางทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์สงครามรัสเชีย ยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวสูงขึ้น ส่วนความคืบหน้าการเจรจาลูกค้าอินเดีย ล่าสุดทางลูกค้าเดินทางมาตรวจเยี่ยมโรงงานเพื่อพิจารณาคุณภาพและตรวจสอบสินค้า และได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีเยี่ยม

 

ด้านเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวม คาดรายได้ตามเป้าที่ 28,000 ล้านบาท ส่วนปริมาณการขายคาดว่าจะสามารถทำยอดขายยางพาราอยู่ที่ 500,000 ตัน จากกำลังการผลิตทั้งหมด 510,000 ตัน โดยสัดส่วนของยอดขายในปี 2565 บริษัทยังวางนโยบายการจำหน่ายสินค้าในประเทศและต่างประเทศเป็น 65:35 เพื่อหลีกเลี่ยงอัตราค่าระวางเรือที่ปรับเปลี่ยนในทิศทางที่สูงขึ้น โดยมองว่าความต้องการใช้ยางพาราในอุตสาหกรรมยังดีต่อเนื่อง หากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ก็จะทำให้มีการคมนาคม ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางอากาศ และทางเรือสูงมากขึ้น ส่งผลดีต่อความต้องการใช้ธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น

 

ทั้งนี้บริษัทขอเชิญชวนผู้ถือวอร์แรนต์ (NER-W1) ให้แจ้งการใช้สิทธิแปลงสภาพครั้งสุดท้าย ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2565 โดยมีระยะเวลาการแจ้งความจำนงในการใช้สิทธิครั้งสุดท้ายระหว่างวันที่ 11 – 25 พฤษภาคม 2565 ณ สถานที่ติดต่อในการใช้สิทธิคือ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) ณ อาคารเซ็นทรัลซิตี้บางนา ชั้น 28 กรุงเทพฯ ทั้งนี้ ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทได้ 1 หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 1.80 บาทต่อหุ้น

 

สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงินเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจเพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตและยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น จากนโยบายของบริษัทที่เดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และช่วยเสริมให้บริษัทมีฐานเงินทุนที่เข้มแข็งขึ้น สำหรับการขยายการดำเนินงานในอนาคต

 


---จบ---

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ลุ้น กันต่อ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็น นักลงทุนยังคงชะลอลงทุน หลังมีข่าว อิสราเอล จะตอบโต้อิหร่าน ......

ขายทำรอบ By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง เห็นวานนี้ ต่างชาติทิ้งหนักเกือบ 6.4 พันล้านบาท แต่รายย่อยซื้อสุทธิ 6.8 พันล้านบาท ท่ามกลางความ..

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้