Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: PTG ปักหมุดรายได้ปี65 โต15% สัดส่วน Non-oill พุ่งแตะ 20%

3,780

 

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (3 กุมภาพันธ์ 2565)------PTG ตั้งเป้ารายได้รวมปี65 โต15% - ยอดขายน้ำมันดิบ โต 8-10% จากปีก่อน หลังธุรกิจน้ำมันโต ด้านสัดส่วน Non-oill เพิ่มขึ้น พร้อมวางงบลงทุนราว 4,000-4,500 ลบ. ขยายสถานีน้ำมัน-ธุรกิจNon-oill เล็งลงทุนรฟฟ.RBF ขณะที่เตรียมยืนไฟลิ่ง ธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์ ช่วงQ2/65 นำเงินต่อยอดธุรกิจปลายน้ำ-ใช้เป็นทุนหมุนเวียน

 

นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)PTG เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดว่าภาพรวมผลประกอบการในปี2565 จะมีรายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% หลังธุรกิจน้ำมันเติบโตต่อเรื่อง พร้อมมีสัดส่วน Non-oill เพิ่มขึ้นแตะที่ระดับ 20% จากปีก่อนอยู่ที่10% ซึ่งเป็นไปตามการขยายสาขาและเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆวางขาย พร้อมคาดยอดขายน้ำมันดิบจะเติบโตราว 8-10% จากปีก่อน

ปัจจุบัน บริษัทฯมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่เป็นการแตกไลน์ธุรกิจออกจากธุรกิจน้ำมัน มีทั้ง น้ำมันพืช, มินิมาร์ท กาแฟ แก๊สหุงต้มLPG เป็นต้น โดยมีกำลังการผลิตน้ำมันพืช ภายใต้แบรนด์ “มีสุข” จำนวน 200,000 ลิตร/วัน ทำการวางจำหน่ายราว 2ล้านขวด/เดือน คาดทั้งปีจะมีรายได้จากน้ำมันพืชโต2หลัก โดยในปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้าที่จะมีสาขากาแฟพันธุ์ไทย เพิ่มขึ้นเป็น 600 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 200 สาขา เพื่อพยายามปรับเปลี่ยนสัดส่วนรายได้ให้ไปเป็น Non-Oil มากขึ้น

ด้านออโตแบคส์ ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมดราว 26 สาขา ซึ่งในปีนี้จะเพิ่มอีก 30สาขา หากแล้วเสร็จจะทำให้ปีนี้บริษัทมีสาขาออโตแบคส์รวมเป็น 56 สาขารวมถึงมุ่งมั่นผลักดันให้แก๊สหุงต้มLPG ปรับตัวขึ้นมาเป็นอันดับ3 จากปัจจุบันมีสัดส่วน Market Share อยู่ที่อันดับ6

พร้อมกันนี้ บริษัทฯได้วางงบลงทุนปี65 ราว 4,000-4,500 แบ่งเป็นใช้เงินราว 1,500-2,000ล้านบาท สำหรับการขยายสถานีน้ำมันเพิ่ม ซึ่งได้ปรับลดการเปิดสาขาปั้มน้ำมันใหม่ลง เป็น 80-120 สาขาในปีนี้ มุ่งเน้นขนาดสาขา Type C(เล็ก) จากขนาดA (ใหญ่) ซึ่งจะเลือกขยายไปในโลเคชั่นที่ดี ติดถนนใหญ่ เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ Non-oil เข้าไปวางขายตามสาขาต่างๆมากขึ้น โดยปีนี้จะเริ่มขยายสาขากลับเข้ามาใกล้ๆเมืองกรุงเทพฯ และปรับสาขาให้มีความทันสมัย สอดรับตามเทรนด์ปัจจุบัน

นอกจากนี้ ใช้เงินลงทุนราว 1,500 ล้านบาท สำหรับธุรกิจNon-Oil เช่น ออโตแบ้ค แก๊สLPG น้ำมันพืช กาแฟ มินิมาร์ท เป็นต้น และอีก500-1,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานสะอาด โดยปัจจุบันกำลังให้ความสนใจกับธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะ RBF พื้นที่เขตหาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดใหม่ๆ ที่ทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการรอการประกาศเงื่อนไขและขั้นตอนของการรับซื้อจากภาครัฐ หากมีความชัดเจนก็พร้อมเข้าลงทุนในทันที โดยเบื้องต้นจะเป็นการก่อสร้างบนพื้นที่ใหม่ (Greenfill) ขนาดกำลังการผลิต 6 เมกะวัตต์

ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์ความงามที่มาจากน้ำมันปาล์ม ซึ่งได้มีการผลิตและออกวางจำหน่ายบ้างแล้ว ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เซรั่ม สบู่เหลว โดยถือว่ากำลังอยู่ในช่วงของทดลองตลาด และมีการศึกษาผลิตภัณฑ์อื่นๆเพิ่มเติมเพื่อนำไปต่อยอดเอาน้ำมันปาล์มมาแปรรูป

สำหรับภาพรวมผลงานน้ำมันดิบในช่วงไตรมาสที่4/64 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่1/64 พบว่าค่าการตลาดในไตรมาส1/64 ทำได้ดีกว่าในไตรมาส4 เป็นผลมาจากกลยุทธ์การดำเนินงานและการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายควบคู่กับค่าการตลาดปกติ จึงทำให้ค่าการตลาดรวมขยับเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าค่าการตลาดทั้งปี65 อยู่ที่ 1.7-1.8บ./ลิตร

ด้านบริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จำกัด บริษัทลูกของPTG ซึ่งทำธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์ นั้นคาดว่าจะทำการยื่นไฟลิ่งได้ในช่วงไตรมาส 2/65 หากเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ก็คาดว่าจะสามารถนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Spin-Off) ได้ภายในปี 65 ซึ่งเงินระดมทุนที่ได้จะไปต่อยอดด้านธุรกิจปลายน้ำและส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท

ปัจจุบัน “พีทีที กรีน คอมเพล็กซ์” มีทุนจดทะเบียน 1,600 ล้านบาท โดยPTG ถือหุ้นในสัดส่วน 40% ส่วนที่เหลือถือหุ้นโดยพาร์ทเนอร์ มีรายได้เฉลี่ยราว 4-5พันลบ./ปี มีการใช้กำลังการผลิตปาล์ม ไบโอดีเซลอยู่ที่ 60-70% ซึ่งลดลงตามความต้องการของผู้บริโภค และสัดส่วนกำลังการผลิตน้ำมันพืช100% โดยในอนาคตอาจทำการขยายและสร้างผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในส่วนของปาล์ม คอมเพลกซ์ ต่อไป

 


บล.ทิสโก้ เชียร์ซื้อ PTG
มูลค่าเหมาะสม 18.50 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่าคาดผ่านไตรมาสและปีที่แย่สุดไปแล้วยังคงแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสม 18.50 บาท สำหรับ PTG จาก 1) คาดผ่านไตรมาสและปีที่แย่ไปแล้วจากผ่านช่วงที่ค่าการตลาดอ่อนตัวสุดไปแล้วใน 4Q21 2) เริ่มปี 2022F ด้วยแนวโน้มที่ดีโดยปริมาณขายน้ำมันที่กลับมาเติบโต และค่าการตลาดน้ำมันที่ปรับตัวดีขึ้น QoQ มาที่ราว 1.70 บาทต่อลิตร 3) เราคาดปี 2022F บริษัทจะสามารถเติบโตได้ได้ตามดีมานด์การใช้น้ำมัน, Non-oil มีแนวโน้มที่ดีขึ้นโดยกาแฟพันธุ์ไทยเริ่มทำกำไรใน 2-3 เดือนที่ผ่านมา ในขณะที่ Autobac เริ่มเป็นบวกแล้วเช่นกัน สำหรับ Maxmart คาดเป็นกำไรใน 4Q22F และธุรกิจ Non-oil ที่คาดสัดส่วนกำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นมาที่ 15% ในปี 2022F


คาด PTG จะรายงานกำไรสุทธิ 4Q21F ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้มาที่ 54 ล้านบาท (-92% YoY, -15% QoQ) แม้เราคาดปริมาณขายน้ำมันอยู่ที่ 1,283 ล้านลิตร (-1.7% YoY, +16% QoQ) แต่ด้วยค่าการตลาดน้ำมันที่อ่อนตัวอย่างมากใน ต.ค. – พ.ย. ที่มาอยู่ระดับต่ำกว่า 1.50 บาท และเริ่มฟื้นตัวมาที่ 1.50-1.60 บาท ทำให้เราคาดค่าการตลาดจะอยู่ที่ 1.50 บาทต่อลิตรซึ่งเป็นระดับต่ำเมื่อเทียบกับ 1.88 บาทต่อลิตรใน 3Q21 และ 1.94 บาทต่อลิตรใน 4Q20 นอกจากนี้ เราคาดส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุน 47 ล้านบาท (37% QoQ, -71% YoY) สำหรับปี 2021F เราคาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,146 ล้านบาท ลดลง -40% YoY เนื่องจาก 1) คาดปริมาณขายน้ำมันที่ทรงตัว YoY ที่ 5,015 ล้านลิตร จากผลกระทบจากการล็อกดาวน์ที่นานกว่า 2 เดือน 2) คาดค่าการตลาดน้ำมันที่ลดลงมาอยู่ที่ 1.79 บาทต่อลิตรเทียบกับ 1.89 บาทต่อลิตรในปี 2020 จากการควบคุมราคาน้ำมันดีเซลหลังราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวอย่างรวดเร็วในช่วงปลายปี

 

ค่าการตลาดในเดือนมกราคมของ PTG มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอยู่ที่ประมาณ 1.70 บาทต่อลิตร เทียบกับปลายปีที่แล้วที่ 1.50-1.60 บาทต่อลิตร จากบริษัทมีการปรับขึ้นราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุน (ปัจจุบันราคาขายน้ำมันดีเซลของ PTG อยู่ที่ 30.44 บาทต่อลิตร) นอกจากนี้ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ระหว่างการทบวนมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรที่จะสิ้นสุดเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งเรามองว่าหากยกเลิกเพดานดังกล่าวและคาดราคาน้ำมันโลกจะปรับตัวลดลงจากปัจจัยด้านฤดูกาลและการเพิ่มการผลิต จะเป็นผลดีต่อค่าการตลาดในไตรมาส 2 เป็นต้นไป สำหรับปี 2022F โดยเราประเมินค่าการตลาดน้ำมันที่ 1.80 บาทต่อลิตร และเราปรับประมาณการเล็กน้อยคาดกำไรสุทธิของ PTG จะเติบโต 35% YoY มาที่ 1,547 ล้านบาท


ยังคงแนะนำ “ซื้อ” จากปรับประมาณการมูลค่าที่เหมาะสมใหม่อยู่ที่ 18.50 บาท (จาก 18.60 บาท) อิงจาก PER 20 เท่าปี 2022F โดยปัจจุบัน PEG ซื้อขายอยู่ที่ PER 16 เท่าปี 2022F ปัจจัยเสี่ยงมาจาก 1) ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องกดดันต่อราคาขายปลีกน้ำมันและค่าการตลาดน้ำมัน 2) ธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์ที่ไม่เป็นไปตามคาด

 

 

----จบ----

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้