Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : HMPRO ฝ่าโควิด!โค้ง 3 โกยกำไร 1.4 พันลบ. ดีกว่าโบรกฯ คาด

2,242

HotNews : HMPRO ฝ่าโควิด! โค้ง 3 โกยกำไร 1.4 พันลบ. ดีกว่าโบรกฯ คาด

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (27 ตุลาคม 2563) HMPRO เผย Q3/63 กำไร 1,400.52 ลบ. วูบ 5.51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เหตุรับผลกระทบกำลังซื้อน้อยลง ฉุดยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจโฮมโปรลดลง ขณะที่งวด 9 เดือนแรก มีรายได้รวมและกำไรสุทธิ 45,740.09 ล้านบาท และ 3,609.72 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 9.41% และ 18.49% หลังปิดสาขาในไทยและมาเลเซียในช่วงไตรมาสสอง และไตรมาสสามเป็นช่วง LowSeason ของธุรกิจค้าปลีก ด้าน 2 โบรกเกอร์ ลงความเห็น กำไร Q3/63 HMPRO ออกมาดีกว่าคาด

 

 

 

 

 

 

นางสาววรรณี จันทามงคล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ – กลุ่มบัญชีและการเงิน บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) HMPRO เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 3 ปี 2563เท่ากับ 1,400.52 ล้านบาท ลดลง 81.73 ล้านบาท หรือ 5.51% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักดังนี้

 

1. รายได้รวม จำนวน 16,019.49 ล้านบาท ลดลง 355.98 ล้านบาท หรือ 2.17% ซึ่งประกอบไปด้วย

 


- รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า ซึ่งเป็นรายได้ที่ประกอบไปด้วยรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 15,064.31 ล้านบาท ลดลง 268.83ล้านบาท หรือ 1.75% ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจโฮมโปรที่ลดลง โดยได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่น้อยลง สำหรับธุรกิจเมกา โฮม มียอดขายสาขาเดิมลดลงเล็กน้อย ส่วนธุรกิจโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซียมียอดขายสาขาเดิมเติบโต อย่างไรก็ตามรายได้จากการให้บริการลูกค้า (Home Service) และรายได้จากการขายผ่านช่องทางออนไลน์ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

- รายได้ค่าเช่า จำนวน 487.21 ล้านบาท ลดลง 65.76 ล้านบาท หรือ 11.89% เป็นผลมาจากการลดค่าเช่าในพื้นที่สาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจให้แก่ผู้เช่าบางราย


- รายได้อื่น จำนวน 467.97 ล้านบาท ลดลง 21.40 ล้านบาท หรือ 4.37% โดยเป็นผลมาจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยรับ

 

 

2. กำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าและการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 3,885.13 ล้านบาทลดลง 77.93 ล้านบาท หรือ 1.97% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายลดลงเล็กน้อยจาก 25.85% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 25.79% โดยเกิดจากการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนยอดขายกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของธุรกิจโฮมโปร เช่น สินค้ากลุ่มเครื่องปรับอากาศตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัว เป็นต้น แม้ว่าธุรกิจเมกา โฮมและโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซียจะมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

 


3. ต้นทุนค่าเช่าและค่าบริการ จำนวน 135.80 ล้านบาท ลดลง 24.41 ล้านบาท หรือ 15.24% ปัจจัยหลักของการลดลงเป็นผลจากการลดลงของค่าสาธารณูปโภค ค่าเสื่อมราคา ค่าซ่อมแซม ค่าใช้จ่ายการจัดจ้างงานจากภายนอก (Outsource) ของธุรกิจบริหารพื้นที่ให้เช่า

 

 

4. ค่าใช้จ่ายในการขาย จัดจำหน่าย และบริหารจำนวน 2,892.87 ล้านบาท ลดลง 22.43 ล้านบาท หรือ0.77% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายมีการปรับเพิ่มขึ้นจาก 19.01% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 19.20% จากยอดขายที่ลดลง ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายที่เป็นตัวเงินจะลดลงก็ตาม โดยปัจจัยหลักมาจากการลดลงของค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต ค่าเช่าผันแปร ค่าสาธารณูปโภค ค่าซ่อมแซม และค่าใช้จ่ายการจัดจ้างงานจากภายนอก (Outsource) อย่างไรก็ตาม ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นเนื่องจากการปรับปรุงรายการตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 16เรื่องสัญญาเช่า

 


5. ค่าใช้จ่ายทางการเงินจำนวน 110.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิ 10.26 ล้านบาท หรือ 10.28% จากผลกระทบของดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงรายการตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่16 เรื่องสัญญาเช่า ในขณะที่ดอกเบี้ยจ่ายจากหนี้สินทางการเงิน (Interest Bearing Debt)ลดลงจากการชำระหนี้ของหุ้นกู้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2562และไตรมาสที่ 2 ปี 2563

 


6. ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ จำนวน 301.11 ล้านบาท ลดลง 46.77 ล้านบาท หรือ 13.44% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากกำไรก่อนหักภาษีที่ลดลง

 

 

 

 

 


ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรก บริษัทฯ มีรายได้รวมและกำไรสุทธิเป็นจำนวน 45,740.09 ล้านบาท และ 3,609.72 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 9.41% และ 18.49% ตามลำดับ ทั้งนี้ผลกำไรดำเนินงานที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีปัจจัยหลักมาจากการปิดสาขาที่ประเทศไทยและมาเลเซียในช่วงไตรมาสที่สอง และไตรมาสสามถือเป็นช่วง LowSeason ของธุรกิจค้าปลีก เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน สำหรับกำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากยอดขายกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ยังคงมีการเติบโต โดยกลุ่มสินค้าดังกล่าวมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำ เช่น กลุ่มเครื่องปรับอากาศตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัว เป็นต้น

 

 

 

บริษัทฯ ได้มีกลยุทธ์เพื่อมุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงาน การควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาผลการดำเนินงานควบคู่กับมาตรการรักษาสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานและลูกค้าเช่น การปรับตัวเพื่อรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป (New Normal) การปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบOmni Channel ซึ่งยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัทฯ ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทฯ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขาย อาทิ การจัดงาน HomePro Expo ครั้งที่31 ในเดือนกรกฎาคม กิจกรรมฉลองโฮมโปรครบรอบ 24 ปี กิจกรรม Double Day อาทิ วันที่ 9เดือน 9เป็นต้น

 

 


สำหรับการเติบโตของบริษัทย่อยในไตรมาส 3 ภาพรวมของธุรกิจเมกา โฮม มีการเติบโตจากสาขาใหม่ที่เปิดเมื่อปีที่แล้วแม้ยอดขายสาขาเดิมลดลงเล็กน้อย ส่วนธุรกิจโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซียหลังกลับมาเปิดดำเนินการมียอดขายที่เติบโต โดยได้แรงหนุนจากมาตรการช่วยเหลือทางการเงินต่างๆของรัฐบาลให้แก่ผู้บริโภค และความต้องการที่ถูกอั้นไว้(Pent Up Demand)

 

 


ทั้งนี้ภาพการดำเนินงานภาพรวมของบริษัทย่อยยังคงมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นจากการปรับปรุงอัตราการทำกำไรขั้นต้น และการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ ยังไม่ได้มีการขยายสาขาใหม่ในไตรมาส 3 ปี 2563 โดยบริษัทฯ มีสาขาโฮมโปร 84 สาขา โฮมโปรเอส 9สาขา เมกา โฮม 14 สาขา และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย 6 สาขา

 

 

 

 

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า HMPRO รายงานกำไรสุทธิเท่ากับ 1,401 ล้านบาท ดีกว่าที่เราคาดเล็กน้อย 5.2% จากรายได้ค่าเช่าฟื้นตัวขึ้นได้ดีกว่าที่คาด กำไรสุทธิฟื้นตัวขึ้น 49% QoQ จากฐานต่ำในช่วงล็อกดาวน์ แต่กำไรลดลง 6% YoY จาก SSSG ติดลบประมาณ 3.5% (เทียบกับ -17% ใน 2Q63 และ -1.7% ใน 3Q62) จากการที่ผู้บริโภคมีใช้จ่ายแบบระมัดระวังมากขึ้นตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่สาขามาเลเซียมี SSSG เป็นบวกเกิน 10% และเมกาโฮม SSSG ติดลบประมาณ 2% แม้ว่ามีการทำโปรโมชั่นและเครื่องใช้ไฟฟ้าขายดีซึ่งทำให้สัดส่วน House brand ลดลง แต่อัตรากำไรขั้นต้นของ HMPRO ยังทรงตัว YoY ที่ 25.8% เนื่องจากการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

 


คาดว่ายอดขายจะเร่งตัวดีขึ้นใน 4Q63 โดยได้อานิสงส์จากมาตรการ ช้อปดีมีคืน เช่นเดียวกับมาตรการ ช้อปช่วยชาติ ที่เคยจัดในช่วง 4Q60 ซึ่งทำให้ SSSG +3.1% ประกอบกับไตรมาส 4 เป็นไฮซีซั่น และมีการจัดงาน Home Pro Expo อีกทั้งจำนวนสาขาโฮมโปรเพิ่มขึ้น 2 สาขา YoY เรายังประเมินว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้า House brand ทำให้ผลประกอบการ 4Q63 มีกำไรสูงสุดของปี

 

 


ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวดียิ่งขึ้นในปีหน้าเมื่อเทียบกับฐานต่ำในปีนี้ รวมทั้งคาดว่า HMPRO จะกลับมาขยายสาขามากขึ้น และยังคงกลยุทธ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน การเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง หุ้นซื้อขายที่ PE 28 เท่า เทียบกับ PER เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 34 เท่า แนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมาย (DCF) 16 บาทความเสี่ยง การระบาดของโควิด-19 รอบ 2 เศรษฐกิจหดตัว

 

 

 

 

 


บล.เคทีบี (ประเทศไทย) คงคำแนะนำ ถือ HMPRO ราคาเป้าหมายที่ 16.50 บาท อิง 2021E PER ที่ 34x (+1SD above 5-yr. average PER) HMPRO รายงานกำไรสุทธิ 3Q20 ที่ 1.4 พันล้านบาท (-5.5% YoY, +49% QoQ) สูงกว่าตลาดคาด 7% เพราะรายได้ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้รับผลกระทบจากโควิด-19

 

 

ค่อนข้างมากทำให้ตลาดคาดรายได้อยู่ที่ประมาณ 1.45 หมื่นล้านบาท 8% YoY แต่บริษัทสามารถทำรายได้มากกว่าที่คาดที่ 1.51 ล้านบาท ลดลงเพียง -2% YoY จากการฟื้นตัวกลับมาที่ค่อนข้างเร็วของ pent-up demand โดยกำไร 9M20 คิดเป็น 72% ของทั้งปี เราคาดว่ากำลังซื้อมีโอกาสฟื้นตัวดีขึ้นในในช่วงที่เหลือของปี จากการคลาย lock downและจากมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ เราคงกำไรสุทธิทั้งปี 2020E อยู่ที่ 5.0 พันล้านบาท (-19% YoY)

 

 

ราคาหุ้นค่อนข้างทรงตัว +0.2% ใน 1 เดือนที่ผ่านมา โดยมี key catalyst คือ การที่กลุ่มห้างฯกลับมาเปิดให้บริการ สถานการณ์ COVID-19 ในประเทศผ่านพ้นจุด peak และมีแนวโน้มดีขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงคือ โอกาสในการกลับมาระบาดอีกครั้งของ COVID-19 หากการเปิดห้างฯไม่มีการควบคุมความปลอดภัยที่ดีพอ ทั้งนี้การฟื้นตัวค่อนข้างใช้เวลา เราคงแนะนำ ถือ โดยเราอาจจะมีการปรับประมาณการและคำแนะนำขึ้นหลังการประชุมนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 


กำไรสุทธิ 3Q20 ดีกว่าตลาดคาดเพราะความต้องการที่ฟื้นตัวขึ้น HMPRO รายงานกำไรสุทธิ 3Q20 ที่ 1.4 พันล้านบาท (-5.5% YoY, +49% QoQ) สูงกว่าตลาดคาด 7% เพราะรายได้ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ค่อนข้างมากทำให้ตลาดคาดรายได้อยู่ที่ประมาณ 1.45 หมื่นล้านบาท 8% YoY แต่บริษัทสามารถทำรายได้มากกว่าที่คาดที่ 1.51 ล้านบาท ลดลงเพียง -2% YoY จากการฟื้นตัวกลับมาที่ค่อนข้างเร็วของ pent-up demand

 

 

ทั้งนี้การลดลง YoY ส่งผลจาก 1) รายได้รวมที่ปรับตัวลดลง -2% YoY จากกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง แม้จะมีรายได้ออนไลน์เข้ามาช่วยแต่ก็ไม่สามารถชดเชยรายได้จากช่องทางออฟไลน์ได้ 2) gross profit margin ลดลงเล็กน้อย YoY เป็นผลจาก product mix ที่เปลี่ยน โดยมีรายได้จากสินค้าที่ gross profit margin น้อยเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, เครื่องทำความเย็น ฯลฯ ขณะที่การเพิ่มขึ้น QoQ เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของการจับจ่ายใช้จ่ายโดยเฉพาะความต้องการสินค้าซ่อมแซมและตกแต่ง รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการปิดเมื่องเพราะภาวะโควิด-19 ในประเทศผ่อนคลายลง

 

 

คงกำไรสุทธิปี 2020E แนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากการคลาย lock down กำไร 9M20 คิดเป็น 72% ของทั้งปี เราคงกำไรสุทธิทั้งปีอยู่ที่ 5.0 พันล้านบาท (-19% YoY) เราคาด SSSG จะอยุ่ที่ -12% YoY ทั้งนี้หากไม่มีเหตุการณ์ที่แย่ลงจาก COVID-19 สินค้าของ Homepro ยังค่อนข้างมีความจำเป็น เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน รวมถึงงานบริการซ่อมและติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องกลับมาดำเนินต่อไปเนื่องจากในช่วงของการระบาดลูกค้ายังไม่สะดวกให้ช่างมาทำการซ่อม และเราคาดว่ากำลังซื้อมีโอกาสฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีจากการคลาย lock down และจากมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐและแนวโน้มดีขึ้นในปีหน้า ทั้งนี้ HMPRO มีแผนขยายสาขา 2 สาขาในช่วงครึ่งหลังของปี เราอาจจะมีการปรับประมาณการและคำแนะนำขึ้นหลังการประชุมนักวิเคราะห์

 

 

Valuation/Catalyst/Risk
ราคาเป้าหมายที่ 16.50 บาท อิง 2021E PER ที่ 34x(+1SD above 5-yr. average PER) โดยมี key catalyst คือ การที่กลุ่มห้างฯกลับมาเปิดให้บริการ สถานการณ์ COVID-19 ผ่านพ้นจุด peak และมีแนวโน้มดีขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงคือ โอกาสในการกลับมาระบาดอีกครั้งของ COVID-19 หากการเปิดห้างฯไม่มีการควบคุมความปลอดภัยที่ดีพอ

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้