Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : KTB, SCB, BAY , TMB, TISCO, KKP เฮโล รับธปท. ออกมาตรการ 'มัดหนี้'

2,208

HotNews : KTB, SCB, BAY , TMB, TISCO, KKP เฮโล รับธปท. ออกมาตรการ'มัดหนี้'

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 28 สิงหาคม 2563)  ธปท. เคาะมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยเพิ่มเติมด้วยวิธีการรวมหนี้ โบรกฯ มองเป็นปัจจัยบวกต่อ KTB, SCB, BAY , TMB, TISCO, KKP เหตุมีสัดส่วนลูกหนี้รายย่อยมาก

 

 

นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตามที่ ธปท. มีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 19 (COVID-19) มาอย่างต่อเนื่อง นั้นปัจจุบัน สถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูง ภาคธุรกิจบางส่วนยังไม่สามารถดำเนินกิจการได้ตามปกติ ส่งผลกระทบต่อรายได้ของประชาชนทั่วไป ดังนั้น เพื่อเป็นทางเลือกในการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยเพิ่มเติม ธปท. ได้เห็นร่วมกันกับสถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธีการรวมหนี้ (debt consolidation)

 

 

โดยให้สามารถนำสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นที่อยู่ภายใต้ผู้ให้บริการทางการเงิน หรือบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของผู้ให้บริการทางการเงินเดียวกัน อาทิบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ และสินเชื่อที่เกิดจากการให้เช่าซื้อ มาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ด้วยวิธีการรวมหนี้กับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเพื่อใช้ประโยชน์จากหลักประกัน ซึ่งจะทำให้ผู้ให้บริการทางการเงินสามารถลดอัตราดอกเบี้ยในส่วนของสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นให้เหลือไม่เกินอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate: MRR) และขยายระยะเวลาการชำระหนี้ตามความสามารถของลูกหนี้โดยที่ผู้ให้บริการทางการเงินต้องให้ข้อมูลที่ครบถ้วนเพียงพอต่อการตัดสินใจของลูกหนี้ เช่น ข้อดีข้อเสียของการเข้าร่วมมาตรการ ข้อมูลเปรียบเทียบภาระหนี้เดิมกับภาระหนี้ใหม่ และทางเลือกการปรับปรุงโครงสร้างหนี้รูปแบบอื่นที่ลูกหนี้สามารถทำได้

 

 

 

 

 

 

มาตรการดังกล่าวจะช่วยลดภาระการช าระหนี้โดยที่ลูกหนี้ไม่เสียประวัติข้อมูลเครดิต และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการอื่นใดโดยไม่จำเป็น และยังสามารถใช้วงเงินบัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มีลักษณะหมุนเวียนที่ยังเหลือได้รวมทั้งไม่ต้องจ่ายเบี้ยปรับการช าระหนี้ก่อนกำหนด(prepayment fee) ทั้งนี้ ลูกหนี้สามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการและแสดงข้อมูลว่าได้รับผลกระทบต่อผู้ให้บริการทางการเงินได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563 ถึง 31 ธันวาคม 2564 ธปท. หวังเป็นอย่างยิ่งว่า มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในครั้งนี้จะช่วยบรรเทาภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ในช่วงที่ยากลำบากนี้ได้ ขณะเดียวกันผู้ให้บริการทางการเงินสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสมซึ่งจะช่วยเหลือลูกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

 

 

 


ทั้งนี้ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า ธปท.ออกมาตรการดูแลลูกหนี้บุคคล'มัดหนี้' รายย่อย (หนี้บัตรเครดิต, หนี้ส่วนบุคคล และหนี้เช่าซื้อ) ผูกรวมสินเชื่อบ้านหวังดึงหลักประกันช่วยลดภาระดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้รายย่อย โดยจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากระดับ 16-25% เป็นไม่เกิน 5.5-8.8% เปิดให้ลงทะเบียนเข้าโครงการตั้งแต่ 1 ก.ย.63 – 31ธ.ค.64

 

 


ความเห็นเชิงกลยุทธ์ DBS : มองว่ามาตรการนี้จะช่วยลูกหนี้รายย่อยเฉพาะที่มีสินเชื่อบ้าน แต่ถ้าหากไม่มีสินเชื่อบ้านหรือไม่มีบ้านที่จะนำมาเป็นหลักประกันก็จะไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยลงมากดังข้างต้นได้ ส่วนธนาคารพาณิชย์จะได้ประโยชน์จากการที่มีหลักประกันในการปล่อยสินเชื่อเข้ามาเพิ่ม (จากเดิมสินเชื่อบัตรเครดิต, สินเชื่อรายย่อย จะไม่มีหลักประกัน) และลดความเสี่ยงที่จะเกิด NPL แต่ก็จะได้รับรายได้ดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญากู้ลดลงไป

 

 

 

 

 

 

ด้านสำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า มาตรการช่วยเหลือเฟสที่ 3 เป็นบวกต่อ KTB, SCB, BAY และ TMB ทั้งนี้ BOT ได้ออกมาตรการใหม่ช่วยเหลือผู้กู้ โดยจะยอมให้ธนาคารพาณิชย์สามารถรวมหนี้ของลูกหนี้เพื่อทำการปรับโครงสร้างได้ และทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง

 

 


ภายใต้มาตรการใหม่จะทำให้ลูกหนี้สามารถรวมหนี้อื่นๆ เช่น เช่าซื้อ, บัตรเครดิต และอื่นๆ เข้ามารวมกับสินเชื่อบ้าน โดยใช้บ้านเป็นสินทรัพย์ค้ำประกันได้ โดยสินเชื่อทั้งหมดจะต้องอยู่ภายใต้ธนาคารเดียวกัน, เป็นผู้ได้รับผลกระทบ และต้องไม่ใช่ NPL ในเดือน มี.ค. ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยลดลงมาไม่เกิน MRR (5.75% - 6.725%) และธนาคารห้ามปรับขึ้นดอกเบี้ยบ้าน ซึ่งจะช่วยให้ลูกหนี้ไม่กลายเป็น NPL และธนาคารไม่ต้องตั้งสำรอง

 



---เป็นปัจจัยบวกต่อ KTB, SCB, BAY และ TMB---

 

 

การที่ผู้กู้ต้องใช้สินเชื่อทั้งหมดภายใต้ธนาคารเดียว ทำให้ธนาคารที่มีสินเชื่อบ้านมากสุดได้ประโยชน์มากสุด รองลงมาเป็นธนาคารที่มีสินเชื่อรายย่อยที่ได้ประโยชน์จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น เรามองว่า TMB จะเป็นธนาคารที่มีอุปสงค์มากสุด แต่ด้วยพอร์ตสินเชื่อที่มาจาก TBANK ทำให้เรามองว่า TMB อาจทำได้จริงน้อยกว่าคู่แข่ง เช่น KTB, SCB และ BAY

 

 

 

 



---NIM โดนกดดัน เทียบกับ Credit Cost ที่ลดลง ทำให้โครงการนี้เป็นปัจจัยบวก---

 

 

โดยโครงการนี้เป็นทั้งปัจจัยบวกและลบ โดยในเชิงปัจจัยลบทำให้ NIM ลดลง โดยที่ข้อมูลจาก SCB รายงานว่า ดอกเบี้ยของสินเชื่อไม่มีหลักประกัน, บัตรเครดิต และสินเชื่อรถยนต์อยู่ที่ 19.7%, 16.1% และ 6.0% ตามลำดับ เทียบกับ MRR ที่ 5.995% และทำให้ผลตอบแทนสินเชื่อจะลดลงกว่า 10%
แต่ในเชิงบวก Credit Cost ของ SCB จะลดลงเนื่องจากลูกค้าในกลุ่มหนี้เสียมีราคาขายหนี้ที่ 5 - 10% เท่านั้น และต้องมีการตั้งสำรองกว่า 90 -95% ของ ECL ทำให้การปรับโครงสร้างและการตั้งสำรองลดลงทำให้เรามองว่า แม้โครงการนี้จะกดดัน NIM แต่ทำให้ NPL ลดลงเป็นปัจจัยบวกมากกว่าลบ เราแนะนำให้ "ซื้อ" และเลือก BBL กับ KKP เป็นหุ้นแนะนำ โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 129 บาท และ 56 บาท ตามลำดับ (GGM)

 




ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า มาตรการรวมหนี้ของ ธปท. เป็นบวกเล็กๆ ต่อกลุ่มธนาคาร เพราะช่วยลดโอกาสการตกชั้นเป็น NPLs และช่วยลดภาระการตั้งสำรองต่อกลุ่มธนาคาร โดยมาตรการดังกล่าวมีระยะเวลาเข้าร่วมตั้งแต่ 1 ก.ย.- 31 ธ.ค. 2020 โดยการรวมหนี้รายย่อยอย่างสินเชื่อบัตรเครดิต, สินเชื่อบุคคล, สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อที่อยู่อาศัย เป็นเจ้าหนี้รายเดียว และปรับโครงสร้างหนี้โดยมีการยืดอายุการจ่ายหนี้ รวมถึงคิดอัตราดอกเบี้ยเหลือเพียง MRR rate ซึ่งปัจจุบัน MRR rate ของ 4 แบงก์ใหญ่อยู่ที่ราว 5.75%-6.22%

 

 


ประเมินธนาคารที่ได้ประโยชน์มากสุดคือ KTB, SCB, TMB TISCO และ KKP เพราะมีสัดส่วนลูกหนี้รายย่อยมาก และเป็นลบต่อกลุ่มบริหารหนี้(แนวโน้ม NPL ที่คาดหวังจะมากขึ้นในอนาคตลดระดับลง) และกระทบบัตรเครดิต และสินเชื่อรายย่อยโอกาสในการเติบต่อของสินเชื่อจะชะลอลงและ NIM จะไม่กว้างเท่าเดิม

 


 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

FTI จัดงานประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 ผถห.อนุมัติจ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดงานประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 ผถห.อนุมัติจ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

ได้เวลาซื้อหุ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นหุ้นตก หุ้นร่วง ณ จุด นี้ ด้วยข่าวอิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการโจมตีอิหร่าน.. ขอมองต่าง

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้