Hotnews : WHA คว้า GESAC เช่าโรงงาน-ซื้อที่ดิน ในนิคมฯ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (23 สิงหาคม 2562) บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ในเครือดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ผู้ให้บริการโซลูชั่นครบวงจรด้านโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและไฟฟ้า และดิจิทัล แพลตฟอร์มชั้นนำของไทย ได้ลงนามในสัญญาสองฉบับร่วมกับบริษัท โกลเดน อีเกร็ต ซีเมนต์ คาร์ไบด์ (ไทยแลนด์) จำกัด ในเครือบริษัท เซียะเหมิน โกลเดน อีเกร็ต สเปเชียล อัลลอย จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในประเทศจีน โดยสัญญาทั้งสองฉบับที่ได้ลงนามในวันนี้ ประกอบด้วย สัญญาซื้อขายที่ดินจำนวน 56 ไร่ และสัญญาเช่าโรงงานสำเร็จรูป พื้นที่ 4,700 ตารางเมตร เป็นระยะเวลา 3 ปี ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 โดย GESAC จะใช้โรงงานสำเร็จรูปดังกล่าวเพื่อเริ่มกระบวนการผลิตในระหว่างการก่อสร้างโรงงาน

 

GESAC จะใช้งบในการลงทุนราว 2,500 ล้านบาท (81.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับการดำเนินงานในประเทศไทยในระยะเวลา 3-4 ปี ข้างหน้า ทั้งนี้บริษัท GESAC ก่อตั้งขึ้นในปี 2532 เป็นบริษัทในเครือบริษัท เซียะเหมิน ทังสเตน กรุ๊ป ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจสัญชาติจีน และเป็นที่รู้จักในฐานะบริษัทชั้นนำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายผงทังสเตน ซีเมนต์คาร์ไบด์ และเครื่องมือสำหรับงานตัดประเภทต่างๆ นอกจากการครองตำแหน่งผู้จัดหาและผู้ส่งออกผงทังสเตนและทังสเตนคาร์ไบด์รายใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว GESAC ยังเป็นผู้ผลิตซีเมนต์คาร์ไบด์คุณภาพสูงและเครื่องมือตัดที่ได้มาตรฐานอุตสาหรรมอีกหลากหลายประเภทอีกด้วย

 

 

 

“การลงนามในสัญญาพร้อมกันถึงสองฉบับในวันนี้เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ในการนำเสนอโซลูชั่นที่ครบวงจรให้แก่นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ” นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าว และเสริมว่า “การเช่าโรงงานสำเร็จรูป (RBF) ด้วยในครั้งนี้จะช่วยให้ GESAC สามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ทันที ในระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ในนิคมฯ ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป”

 

 

“ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสต้อนรับ GESAC เข้าสู่นิคมฯ ของดับบลิวเอชเอ” มร. เดวิด นาร์โดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและการลงทุนต่างประเทศ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าว “นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 มีสิ่งอำนวยความสะดวก และบริการระดับเวิลด์คลาส ตลอดจนระบบโครงสร้างพื้นฐานอันยอดเยี่ยม และทำเลที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ล้วนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่ทำให้นิคมฯ แห่งนี้เป็นตัวเลือกที่พรั่งพร้อม ให้กับ GESAC ในการดำเนินธุรกิจประเทศไทย” มร. เดวิด กล่าวเพิ่มเติม

 

 

 

 

“การประกาศความร่วมมือกับดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปของเราในวันนี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจของ GESAC ในระดับสากล” มร. เจียง เทา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โกลเดน อีเกร็ต ซีเมนต์ คาร์ไบด์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าว “ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ ถือเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการบริหารจัดการและดำเนินงานด้านนิคมอุตสาหกรรม พร้อมการบริการและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าที่ยอดเยี่ยม รวมถึงความพร้อมของระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดีเยี่ยม ผนวกรวมกับระบบสาธารณูปโภคและพลังงานระดับพรีเมี่ยมของดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 นับว่าเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทตัดสินใจเลือกเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานผลิตสินค้าในประเทศไทย เพราะโรงงานแห่งนี้จะตั้งอยู่ใจกลางระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่การดำเนินธุรกิจของเรา”

 

 

นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรีและระยอง ครอบคลุมพื้นที่ขนาด 8,003 ไร่ (3,201 เอเคอร์หรือ 1,280 เฮกตาร์) โดยนิคมฯ แห่งนี้อยู่ห่างจากท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังและ ศรีราชาเพียง 30 กิโลเมตร สามารถเดินทางโดยใช้ทางหลวงหมายเลข 3574 นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 เริ่มดำเนินงานและให้บริการแก่ลูกค้าตั้งแต่ปี2549 ปัจจุบันมีนักลงทุนรวม 103 ราย และมีคู่สัญญา 164 ฉบับรวมมูลค่าการลงทุนกว่า 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นิคมฯ แห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งเหมาะกับการดำเนินการ หรือ รองรับกล่มอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ กลุ่มยานยนต์ โลหะภัณฑ์ พลาสติกและโพลีเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ บรรจุภัณฑ์และสินค้าอุปโภค อุปกรณ์ก่อสร้าง โลจิสติกส์และอื่นๆ

 

 

**WHA คงเป้ารายได้ปี 62 โต 70% หลังตุน Backlog กว่า 1 พันไร่ คาดรับรู้ H2/62 อีก 50-60%**

 

 

 

 

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA เปิดเผยว่า บริษัทฯคงเป้าหมายรายได้ปี 2562 เติบโต 70% จากปี 2561 ที่มีรายได้อยู่ที่11,622.20 ล้านบาท ขณะที่บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายยอดขายที่ดินไว้ที่ 1,600 ไร่ โดยแบ่งเป็นยอดขายที่ดินในประเทศ 1,400 ไร่ และที่ดินในประเทศเวียดนาม 200 ไร่ โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมามียอดขายที่ดินแล้วประมาณ 300 ไร่

 

 

“ในช่วงที่ผ่านมามีบริษัทฯ จีนเข้ามาเยี่ยมชมนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทฯของเราเป็นจำนวนมาก โดยมีจำนวนกว่า 10 บริษัทฯต่อสัปดาห์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักลงทุนในประเทศจีน ซึ่งมีการพูดคุยเจรจากันอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถทำตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอน” นางสาวจรีพร

 

 

ทั้งนี้บริษัทฯ มี Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 1,100 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้จาก Backlog ในช่วงครึ่งปีหลังประมาณ 600-700 ไร่ ขณะที่บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการเจรจาขายที่ดินอีกกว่า 1,000 ไร่ โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการปรับราคาที่ดินเพิ่มประมาณ 8-10% เนื่องจากมีกลุ่มนักลงทุนเข้ามาลงทุนในพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มากขึ้น รวมถึงการสนับสนุนจากรัฐบาลที่ต้องการผลักดัน EEC ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุนใน EEC มากขึ้นสำหรับการลงทุนปีนี้ บริษัทฯ ได้วางงบลงทุนจำนวน 10,000 ล้านบาท ตามแผนการลงทุน โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทฯ มีการใช้เงินลงทุนไปแล้วประมาณ 5,000 ล้านบาท และส่วนที่เหลืออีก 5,000 ล้านบาท บริษัทฯ จะใช้ในการซื้อที่ดินเพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลัง

 

 

 

 

ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์เปิดเผยว่า เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" และราคาเป้าหมาย 5.60 บาท อิง 2020E PBV ที่ 2.7x (+1.5SD above 5-yr average PBV) เรามีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยจากงานประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ (21 ส.ค.) โดยผู้บริหารมั่นใจในผลการดำเนินงาน 2H19E จะยังขยายตัวต่อจาก

 

1) ส่วนแบ่งรายได้ในธุรกิจน้ำเวียดนามที่เพิ่มขึ้นสูง จากการเปิด COD โครงการ SDWTP phase 1B ใน 4Q19E และโอกาสในการขยายธุรกิจจากความต้องการน้ำประปาที่เพิ่มขึ้น,

2) RBF/RBW เริ่มกลับมาดีขึ้น occupancy rate และอัตราค่าเช่าได้ปรับตัวสูงขึ้น, 

3) ยอด presale ที่จะเพิ่มขึ้นเป็นปกติใน 2H19E ทั้งนี้เชื่อว่าส่วนแบ่งจากธุรกิจน้ำในเวียดนามจะเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด

 

 

และสามารถชดเชยรายได้จากการขายทรัพย์ HREIT ที่เลื่อนการรับรู้เป็น 1Q20E ได้ เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2019E ที่ 3.35 พันล้านบาท (+18%) โดยยังไม่รวมผลจากการขาย e-commerce park ให้แก่ Alibaba phase I ราคาหุ้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น และ outperform SET 11% ในช่วง 3 เดือน สะท้อนยอด presale ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ภายหลังการจัดตั้งรัฐบาล และปัญหา trade war ที่หนุนให้เกิดความต้องการลงทุนของนักลงทุนในจีน และไต้หวัน นอกจากนี้เรามองว่า WHA ยังมีความน่าสนใจจากผลการดำเนินงานใน 2H19E ที่จะเพิ่มขึ้น และต่อเนื่องไปในปี 2020E จากโอกาสในการขยายธุรกิจน้ำในเวียดนามเพิ่มขึ้น

 

 

ผู้บริหารมั่นใจผลการดำเนินงานใน 2H19E ที่จะเพิ่มขึ้นสูง เรามีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยจากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ (21 ส.ค.) โดยผู้บริหารยังมั่นใจในผลการดำเนินงาน 2H19E ที่จะขยายตัวขึ้น จาก 1) ธุรกิจน้ำโครงการ SDWTP ที่ WHAUP ได้ร่วมทุน 30% กับ local partner จะ COD phase 1B เพิ่มขึ้นใน 4Q19E จากเดิม COD เพียง phase 1A ใน 1Q19 ทำให้กำลังการผลิตรวมในเวียดนามเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 109.5 ล้านลบ.ม./ปี ซึ่งใกล้เคียงกับกำลังการผลิตในไทยของบริษัทปี 2019E ที่ 120.0 ล้านลบ.ม./ปี และมองว่าปริมาณการใช้น้ำจะสูงขึ้นต่อเนื่อง จากปรับเปลี่ยนระบบการใช้น้ำบาดาลเป็นน้ำประปาของเวียดนาม, 2) รายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้น จาก RBF/RBW ที่ occupancy rate ปรับตัวดีขึ้นภายหลังที่มี EEC สนับสนุน และบริษัทได้ทยอยปรับอัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้น 3-5%

 

 

 

 

ทั้งนี้บริษัทเริ่มกลับมามีงบลงทุนใน RBF/RBW เพิ่มขึ้นจากที่ได้ชะลอการลงทุนตั้งแต่ปี 2015 ที่มี occupancy rate ค่อนข้างต่ำกว่า 50%, 3) บริษัทมีแผนที่จะปรับเปลี่ยนเพิ่มทรัพย์ที่ขายเข้ากอง HREIT จึงเลื่อนการรับรู้รายได้จาก 4Q19E เป็น 1Q20E ในขณะที่บริษัทจะยังขายทรัพย์เข้ากอง WHART ใน 4Q19E และ 4) คาดยอด presale ที่ดินจะเพิ่มขึ้นใน 2H19E โดยบริษัทยังคงเป้า presale ปี 2019E ที่ 1.6 พันไร่ จากปัจจัยฤดูกาล, ปัญหา Trade war ที่ทำให้นักลงทุนจีน และไต้หวันเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทเริ่มมีความกังวลต่อยอดโอนที่ดินในปี 2019E ที่อาจจะต่ำจากการจัดตั้งรัฐบาล และการขออนุมัติ BOI ที่ล่าช้า

 

คงกำไรสุทธิปี 2019E และคาด 2H19E จะเพิ่มขึ้นสูงเป็นปกติ เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2019E ที่ 3.35 พันล้านบาท (+18%) โดยยังไม่รวมผลจากการขายให้แก่ Alibaba phase I พื้นที่ 1.3 แสนตร.ม. มูลค่าประมาณ 3.0 พันล้านบาท ที่เราเชื่อว่าบริษัทจะสามารถโอนในช่วงเดือน ก.ย. - พ.ย. (เป็นช่วงระยะเวลาระหว่างการประกาศ e-commerce park ในเดือน ส.ค. และวันที่จะมีการปรับเปลี่ยนราคาขายของ Alibaba เป็นราคาตลาดใหม่) ทั้งนี้คาดกำไรสุทธิ 2H19E จะขยายตัว +4% YoY และ +30% HoH

 

 

 

จากยอดโอนที่ดินที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ 4Q19E ภายหลังที่การขออนุมัติ BOI กลับมาดีขึ้น และการขายทรัพย์เข้ากอง WHART นอกจากนี้เราเชื่อว่าส่วนแบ่งจากธุรกิจน้ำในเวียดนามจะเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด และสามารถชดเชยรายได้จากการขายทรัพย์ HREIT ที่เลื่อนการรับรู้เป็น 1Q20E ได้ ทั้งนี้มองว่าในอนาคตบริษัทจะปรับเปลี่ยนการรับรู้รายได้จากการขายทรัพย์ HREIT อยู่ในช่วงไตรมาส 1 จากเดิมที่รับรู้ในไตรมาส 4 เราจึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2020E ที่ 3.96 พันล้านบาท (+18%)

 

 

ราคาเป้าหมาย 5.60 บาท อิง 2020E PBV 2.7x (+1.5 SD above 5-yr average PBV) จากผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นคิดเป็น 2018-20E Core EPS CAGR ที่ 18.3% และมองว่า WHA ยังมี Key catalyst จากฐานลูกค้าที่อยู่ระหว่างการเจรจาที่สูง และเชื่อว่าสามารถบันทึกเป็น presale ในปี 2019E ได้ใกล้เคียงกับที่เราคาด 1.4 พันไร่ รวมทั้งโอกาสในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ

 

 

โดยเฉพาะธุรกิจน้ำในเวียดนามที่ทางภาครัฐได้เริ่มปรับเปลี่ยนเป็นการใช้น้ำประปา และโอกาสที่จะขยายธุรกิจสู่ภาคใต้เวียดนามที่มีความต้องการใช้น้ำที่สูงกว่าภาคเหนือที่บริษัทลงทุนในปัจจุบัน นอกจากนี้ธุรกิจ logistic ยังมี BTS ที่กำลังพัฒนามากกว่า 1.9 แสนตร.ม. เพื่อรองรับความต้องการ e-commerce ที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ เช่น JD, Alibaba

 

 

WHA