สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (30 มกราคม 2562)

 

WHA ตั้งเป้า 5 ปี (61-65) รายได้โตเฉลี่ยปีละ 15% - EBITDA Margin โตไม่ต่ำกว่า 50% วางงบลงทุนรวมราว 4.5 หมื่นลบ. แย้มมีแผนยื่นเข้าซื้อหุ้นธุรกิจน้ำประปาในเวียดนาม หลังรัฐเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน ภายในครึ่งปีแรก 62 แย้มอยู่ระหว่างศึกษาเข้าลงทุนใน SPP1 คาดสรุปรายละเอียดปลาย ม.ค.-ต้น ก.พ. นี้  เผยปี 62 เตรียมออกหุ้นกู้ 2 ครั้ง มูลค่ารวม 7 พันลบ. หวังลดต้นทุนทางการเงินเหลือ 3.5% จากปีก่อน 3.9%

 

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้า 5 ปี (2561-2565) รายได้จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 15% พร้อมคาดกำไรก่อน ดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% ตามการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจโลจิสติกส์, ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ,ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน และธุรกิจดิจิตอลแพลตฟอร์ม พร้อมกันนี้บริษัทฯได้มีการวางงบลงทุนภายใน 5 ปีไว้ประมาณ 45,000 ล้านบาท

 

สำหรับในปี 2562 บริษัทฯคาดว่ารายได้มีแนวโน้มเติบโต 70% จากปี 2561 และ EBITDA Margin จะเติบโตโดดเด่นด้วยแผนงานต่างๆ ที่ได้ ดำเนินการมาและโครงการต่างๆ ในอนาคตที่มีอยู่ โดยคาดว่ารายได้และส่วนแบ่งกำไรจะเติบโต เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ด้วยอัตราผลกำไร โตไม่ต่ำกว่า 30% โดยสักส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจโลจิสติกส์ 50% ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม 29% ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน 19% และธุรกิจดิจิตอลแพลตฟอร์ม 1% ซึ่งทั้งหมดนี้รายได้จะมาจากการขาย ประมาณ 71% และจะมาจากรายได้ประจำ 29%

 

พร้อมกันนี้บริษัทฯมีแผนที่จะเข้าร่วมลงทุนธุรกิจน้ำประปาในประเทศเวียดนาม หลังจากที่รัฐบาลเวียดนามได้มีการเปิดกว้างให้เอกชนสามารถเข้าร่วมลงทุนได้ โดยเบื้องต้นบริษัทฯคาดว่าจะเข้าไปถือหุ้นไม่ถึง 50% ก่อน ซึ่งคาดว่าไม่เกินครึ่งแรกของปี 2562 อีกทั้งบริษัทฯยังมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV แต่ในปัจจุบันยังคงให้ความสำคัญกับในประเทศไทยและเวียดนามเป็นหลัก เนื่องจากมองเห็นโอกาสในการเติบโตที่ยังมีอยู่มาก

 

 

 

ขณะเดียวกันบริษัทฯอยู่ระหว่างศึกษาที่จะเข้าร่วมลงทุนในบริษัท โกลว์ เอสพีพี 1 จำกัด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างจะจัดทำข้อมูล โดยเบื้องต้นคาดจะได้ข้อสรุปในช่วงปลายเดือนมกราคม ถึง ต้นเดือนกุมภาพันธ์ นี้

นางสาวจรีพร กล่าวเพิ่มเติมว่าในส่วนของธุรกิจโลจิสติกส์ บริษัทฯ เตรียมขยายธุรกิจโลจิสติกส์อีก 200,000 ตร.ม. โดยเพิ่มจำนวนพื้นที่ในครอบครองและภายใต้การบริหารจัดการของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป รวมทั้งสิ้น 2,500,000 ตร.ม. และขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT อีก 5,750 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์จะเน้นไปที่การแสวงหาความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทและผู้นำในอุตสาหกรรม เพื่อสร้างมูลค่าจากนโยบายของภาครัฐ โดยเน้นไปที่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ การบินและอากาศยาน ควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าที่สูงยิ่งขึ้นโดยอาศัยการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะและนวัตกรรมเข้ามาช่วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายพื้นที่ภายใต้การครอบครองและบริหารจัดการที่มีอยู่จำนวน 2,300,000 ตร.ม. เป็น 2,500,000 ตร.ม. และยังมีโครงการที่เตรียมดำเนินการก่อสร้างในปี 2562 ได้แก่ โครงการดับบลิวเอชเอ อี-คอมเมิร์ซพาร์ค จังหวัดฉะเชิงเทรา โครงการดับบลิวเอชเอ-เจดี อี-คอมเมิร์ซ เซ็นเตอร์ และโครงการดับบลิวเอชเอ เมกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง 2 นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ยังมองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อขยายการลงทุนไปยังกลุ่มประเทศ CLMV โดยเน้นไปที่ประเทศอินโดนีเซียและเวียดนามเป็นหลัก พร้อมเดินหน้าตั้งเป้าขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT 5,750 ล้านบาทผ่านกอง REIT ของบริษัทมูลค่า 34,300 ล้านบาท

 

ส่วนกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแห่งในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้มีนิคมฯ ที่ดำเนินการแล้วรวม 11 แห่ง โดย 10 แห่งตั้งอยู่ในประเทศไทย (ในจำนวนนี้ นิคมฯ 9 แห่งได้รับการรับรองให้เป็นพื้นที่เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)) และอีกหนึ่งแห่งในประเทศเวียดนาม ปัจจุบัน ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ มีที่ดินรวมทั้งสิ้น 68,500 ไร่ ซึ่งในปีนี้ บริษัทเตรียมที่จะพัฒนาที่ดินจำนวน 2,650 ไร่ ทำให้มีที่ดินที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานและที่ดินส่วนที่กำลังพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็น 43,150 ไร่ และตั้งเป้าขายที่ดิน 1,600 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ (S-curve) ทั้ง 12 กลุ่ม

 

ด้านกลุ่มธุรกิจบริการสาธารณูปโภคและพลังงาน ตั้งเป้าการผลิต และจำหน่ายน้ำที่ 120 ล้านลบ.ม. เล็งผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตามสัดส่วนการถือหุ้น 570 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงเชิงพาณิชย์ และพลังงานทดแทน พร้อมเสริมโซลูชั่นระบบน้ำและพลังงานใหม่ๆ แก่ลูกค้า โดยธุรกิจสาธารณูปโภคด้านน้ำ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) WHAUP เตรียมขยายบริการด้านการผลิตน้ำออกไปยังนิคมฯ อื่นๆ ทั้งในไทยและเวียดนาม รวมถึงเสริมบริการต่างๆ อาทิ การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ การผลิตน้ำด้วยระบบรีเวอร์สออสโมสิส และน้ำอุตสาหกรรมปราศจากแร่ธาตุ นอกจากนี้ ยังมีการคิดค้นนวัตกรรมและการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (IoT) มาใช้สำหรับสมาร์ทวอเตอร์โซลูชั่น เฟสแรก ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) ด้วย

 

 

ด้านธุรกิจพลังงาน WHAUP ยังคงเดินตามเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการด้านพลังงานที่ครบวงจรแก่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะเน้นที่พลังงานทางเลือกเป็นหลัก โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ในไทยและเวียดนาม ในด้านโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิง ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จะยังคงเดินหน้าผนึกกำลังความร่วมมือกับ พันธมิตรในระยะยาว ได้แก่ กัลฟ์ โกลว์ และบี กริม นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับมิตซุยและโตเกียวแก๊สในด้านธุรกิจการจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติที่จะเข้ามาเสริมเป็นบริการใหม่สำหรับลูกค้าของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป รวมถึงเป็นแหล่งรายได้ให้กับบริษัทฯ ทั้งนี้ เทคโนโลยีและแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นใหม่ๆ ที่ยังอยู่ภายใต้การศึกษา เช่น สมาร์ทกริด ระบบการจัดเก็บพลังงาน โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซและโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ

 

ส่วนกลุ่มธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม เร่งปรับโฉมทุกนิคมอุตสาหกรรมในเครือให้เป็นดิจิทัลเต็มรูปแบบในปี 2562 ปัจจุบัน บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท จำกัด มีดาต้าเซนเตอร์ทั้งหมด 4 แห่ง ซึ่งในที่นี้รวมถึงการเข้าร่วมทุนกับทางซุปเปอร์แนป ที่เป็นดาต้าเซนเตอร์ระดับเทียร์ 4 แห่งเดียวในเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมออสเตรเลีย) ด้วย

 

นอกจากนี้ ยังให้บริการเทคโนโลยีไฟเบอร์ออพติก (FTTx) ใน 5 นิคมอุตสาหกรรมของกลุ่มดับบลิวเอชเอ ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท มีเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้าและการบริการให้ครอบคลุมทุกนิคมอุตสาหกรรมภายในสิ้นปีนี้ รวมไปถึงการเพิ่มการใช้งานเทคโนโลยีอัจฉริยะต่างๆ ในศูนย์กระจายสินค้า นิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจต่าง ๆ ในเครืออีกด้วย

 

“เราเชื่อมั่นว่าในปี 2562 นี้ เราจะสามารถสร้างผลประกอบการที่โดดเด่นด้วยแผนงานต่าง ๆ ที่เราได้ดำเนินการมาและโครงการต่าง ๆ ในอนาคตที่เรามีอยู่ โดยคาดว่ารายได้และส่วนแบ่งกำไรจะเติบโตเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ด้วยอัตราผลกำไรของ EBITDA อยู่ในสถานะแข็งแกร่งมากกว่าร้อยละ 30 ส่วนงบดุลคาดว่าจะยังคงแข็งแกร่ง ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อทุน (Interest bearing debt-to-equity) ต่ำกว่า 1.1 เท่า ปัจจุบัน ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปได้พัฒนาเติบโตอย่างยิ่งใหญ่มาจนถึงระดับที่เราสามารถมองไปยังอนาคตได้อย่างภาคภูมิใจและมั่นใจ เรายังมีความแข็งแกร่ง และศักยภาพที่จะหาโซลูชั่นในแต่ละธุรกิจเพื่อผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตก้าวไกลมากยิ่งขึ้น ไปพร้อม ๆ กับลูกค้าของเรา พันธมิตรทางธุรกิจ และบุคลากรของเราด้วย” นางสาวจรีพร กล่าวสรุป

 

ขณะที่ปี 2562 บริษัทฯเตรียมที่จะออก และเสนอขายหุ้นกู้จำนวน 2 ครั้ง โดยครั้ง ภายในเดือนพฤษภาคม และครั้งที่สอง ในช่วงไม่เกินเดือนกันยายน ซึ่งมีวงเงินรวมกันกว่า 7,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปรีไฟแนนซ์ ลดต้นทุนทางการเงิน และยืดระยะเวลาชำระเงินกู้โดยคาดว่าในปีนี้หลังออกหุ้นกู้จะทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯเหลือเพียง 3.5% จากปลายปี 2561 อยู่ที่ 3.9%

 

กูรูหุ้น แนะซื้อ WHA เป้า 5.05 บาท/หุ้น

บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า การจองซื้อที่ดินในไตรมาส 4/61 ของ WHA เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีอยู่ที่ 700 ไร่ (เพิ่มขึ้น 269% YoY และ 1,111% QoQ) เราคาดว่าจะรายงานยอด backlog ณ สิ้นเดือนธ.ค. อยู่ที่ 610 ไร่ (สูงขึ้นจาก 105 ไร่ณ สิ้นเดือนก.ย.) เราประมาณการว่าการโอนที่ดินของ WHA ในไตรมาส 4/61 จะอยู่ที่ 200 ไร่ (เมื่อเปรียบเทียบกับ 335 ไร่ ในไตรมาส 4/60 และ 250 ไร่ในไตรมาส 3/61) เนื่องจากยอดจองซื้อที่อ่อนแอในช่วง 9 เดือนของปี 2561 รายได้การให้เช่าคลังสินค้าและโรงงานน่าจะลดลง QoQ และ YoY (การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ในไตรมาส 4/60 -1/61 และ ไตรมาส 4/61) พื้นที่ให้เช่าใหม่อยู่ที่ 40,000 ตร.ม. ในไตรมาส 4/61 (เมื่อเทียบกับอยู่ที่เพียง 6,000 ตร.ม.ในไตรมาส 3/61) ยอดขายของธุรกิจสาธารณูปโภคด้านน้ำคาดว่าทรงตัว QoQ (แต่เพิ่มขึ้น 3-4% YoY)

 

กำไรสำหรับธุรกิจด้านไฟฟาจะปรับตัวสูงขึ้น YoY (โรงไฟฟา SPP 2 โรง ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4/60-4/61 กำลังการผลิต 62.6MWe) แต่ลดลง QoQ (ตามปัจจัยทางฤดูกาล) อย่างไรก็ตามคาดส่วนแบ่งกำไรรวมจะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ หนุนโดยกำไรจากการขายสินทรัพย์ JV (ถือหุ้น 50%) ไปที่ WHART ราว 420 ล้านบาท WHA มีแนวโน้มที่จะบันทึกรายการพิเศษ 2 รายการ - กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากธุรกิจไฟฟา (10 ล้านบาท) และค่าใช้จ่าย 163 ล้านบาท หลังจากศาลฎีกาตัดสินภาษีที่เกี่ยวข้องกับ GhecoOne โดยรวมเราคาดว่า WHA จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/61 ทรงตัว YoY แต่เพิ่มขึ้นอย่างมาก QoQ

 

ปี 2562 ที่สดใส 

ยอดจองที่ดินในปี 2561 อยู่ที่ 933 ไร่ ในประเทศไทย และ 43 ไร่ในประเทศเวียดนาม (ความล่าช้าของขั้นตอนการขอใบอนุญาต, EIA และการเวนคืนที่ดินในประเทศเวียดนาม) อีกทั้งยังมีลูกค้าที่ลงนามสัญญา LOI อีก 256 ไร่ในปี 2561 (บริษัทมั่นใจว่าดีล LOI จะแปลงเป็นยอดจองซื้อได้ทั้งหมดในอนาคต) การโอนที่ดินโดนรวมอยู่ที่เพียง 630 ไร่ในปี 2561 หากไม่รวมพื้นที่จาก LOI Backlog ณ สิ้นปีอยู่ที่ 610 ไร่ ซึ่งน่าจะโอนภายในปีนี้ได้ทั้งหมด ดังนั้นเราเชื่อการโอนในปี 2562 จะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด บริษัทตั้งเปาการจองซื้อที่ดิน 1,400 ไร่ (1,200 ไร่ในประเทศไทยและอีก 200 ไร่ในเวียดนาม) และการโอนที่ดิน 1,200-1,300 ไร่ในปี 2562 สำหรับประเทศไทย บางดีลที่เริ่มเดินหน้ากันมาตั้งแต่ในปี 2561 คาดว่าจะสามารถปิดได้ในปีนี้ สำหรับเวียดนามในปี 2019

 

คาดเป็นปีแห่งการทำการตลาดอย่างเต็มรูปแบบซึ่งปัญหาต่างๆในด้านกฏเกณฑ์ได้คลี่คลายไปแล้ว คลังสินค้าใหม่ที่ให้เช่าและพื้นที่โรงงานคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 250,000 ตร.ม. WHA กล่าวว่าดีลที่ได้คุยกันมาตั้งแต่ปีที่แล้วประมาณ 100,000 ตร.ม. (ลูกค้า eCommerce) ของพื้นที่คลังสินค้าจะถูกปิดในไม่ช้า เฟสที่ 2 ของ Alibaba (60k ตร.ม.) กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา นอกจากนี้ Alibaba มีตัวเลือกสำหรับการซื้อคลังสินค้า (สำหรับเฟสที่ 1) แทนการให้เช่าก่อนที่คลังสินค้าจะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนต.ค.ถึงพ.ย. WHA ตั้งเปาการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ที่ 180,000-190,000 ตร.ม. ในปี 2562

 

คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการคือในวันที่ 24 มีนาคม การเลือกตั้งคาดกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนและแนวโน้มต่อหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ความต่อเนื่องของการดำเนินการโครงการ EEC หลังจากการเลือกตั้งจะเป็นปัจจัยหลักที่จะรักษาความเชื่อมั่นของนักลงทุนและเริ่มต้นดำเนินการโครงการใหม่และการลงทุนต่างๆ ผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมมีแนวโน้มที่จะมียอดขายที่ดินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 5.05 บาท/หุ้น

 

WHA