Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : PTG ปีหมูทอง ปั้นรายได้นิวไฮ 1.4-1.5 แสนลบ.

6,442

HotNews : PTG ปีหมูทองปั้นรายได้นิวไฮ 1.4-1.5 แสนลบ.

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (16 มกราคม 2562) PTG ตั้งเป้ารายได้ปี 62 ทำนิวไฮ แตะ1.4-1.5 แสนลบ. -ปริมาณขายน้ำมันโต 18-20% รุกขายสถานีบริการน้ำมัน-Non oil ต่อเนื่อง วางงบลงทุนปีนี้ที่ 3.5 พันลบ. รองรับขยายสาขาบริการน้ำมัน 180-200 สาขา -ขยายNon-oil 150 สาขา คาดปี 62 เพิ่มสมาชิก Max card อีก 2 ล้านสมาชิก หวังสิ้นปีแตะ 12 ล้านสมาชิก

 

 

 

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) PTG เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดรายได้ปี 2562 จะแตะระดับ 1.4-1.5 แสนล้านบาทซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ของบริษัทฯ เป็นผลจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจ Non-oil ขณะที่ในส่วนของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันปี2562 คาดว่าจะเติบโต 18-20% หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 1,000 ล้านลิตร จากปีก่อนคาดว่ามีปริมาณจำหน่ายน้ำมันอยู่ที่ 4,000 ล้านลิตร พร้อมทั้งตั้งเป้าขยายสมาชิกบัตร PT Max Card เพิ่มอีก 2 ล้านสมาชิก ให้เพิ่มเป็น 12 ล้านสมาชิกในสิ้นปี2562 จากปีก่อนอยู่ที่ 10 ล้านสมาชิก

 

สำหรับปีนี้ (2562) บริษัทฯ วางงบลงทุนไว้ที่ 3,500 ล้านบาท เพื่อรองรับการเปิดสาขาใหม่ของสถานีบริการน้ำมันและแก๊สแอลพีจี ประมาณ 2,500 ล้านบาท และขยายธุรกิจ Non-oil รวมการขยายธุรกิจใหม่อีก 500 ล้านบาท โดยแผนการเปิดสาขาถานีบริการน้ำมันและแก๊สแอลพีจี มีแผนเปิดประมาณ 180-200 สาขา ส่วนธุรกิจNon-oil จะขยายเพิ่มประมาณ 150 สาขา ทั้งร้านสะดวกซื้อ Max Mart, ร้านกาแฟพันธุ์ไทย, ร้านคอฟฟี่ เวิลด์, ร้านข้าวแกงครัวบ้านจิตร,ร้านซ่อมบำรุงสำหรับรถบรรทุก Pro Truck และสำหรับรถยนต์ Autobacs ทั้งนี้การขยายสาขาบริษัทฯ จะเน้นพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากดีมานด์สูง โดยพื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีอัตราการบริโภคน้ำมันกว่า 32% ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ สามารถขยายสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้มากกว่า 30 เขตแล้ว โดยคาดว่าภายในปีหน้า ( 2563) จะสามารถขยายได้ครบ 50 เขต

 

 

 

 

นายพิทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มค่าการตลาดปีนี้ เริ่มมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยปัจจุบันค่าการตลาดอยู่ที่ประมาณ 1.80 บาท จากก่อนหน้าที่ค่าการตลาดปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทฯ ต้องติดตามราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมทั้งอัตราแลกเปลี่ยนด้วยว่าเคลื่อนไหวอย่างไร เพราะมีผลต่อผลประกอบการ ซึ่งในปีที่ผ่านมา ยอมรับว่าที่กำไรของบริษัทฯ ลดต่ำลงไปเหลือ 1 ล้านบาทในไตรมาส3/61 มองว่าเป็นระดับที่ต่ำสุดแล้ว และเชื่อว่าไม่น่าจะเห็นกำไรลดต่ำกว่านี้แล้ว โดยภาพรวมทั้งปี2561 คาดว่ารายได้จะสามาถทะลุ 1 แสนล้านบาทได้



พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจ ใหม่อย่างต่อเนื่อง ตามแผนขยายธุรกิจ Non-oil โดยเป็นธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน ทั้งธุรกิจเอทานอล ,LPG ครัวเรือน รวมทั้งศึกษาอีก 2-3 ธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการเติบโต ส่วนโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องจักรเพื่อผลิตไบโอดีเซลได้เต็มที่ 100% ในปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 60% โดยประเมินว่าโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ จะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 7 ปีนับจากปี 2562



สำหรับสัดส่วนกำไรขั้นต้นที่มาจากธุรกิจ Non-oil คาดว่าจะขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ (2562) คาดอยู่ที่ระดับ 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 10% นายพิทักษ์ กล่าวถึงกระแสการหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในอนาคตว่า กระแสการใช้รถยนต์ไฟฟ้าถือว่ามาเร็ว แต่ไม่แรง เนื่องจากราคาขายรถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูงประมาณ 2 ล้านบาท ดังนั้นการใช้รถยนต์ไฟฟ้า จึงยังมีสัดส่วนที่ไม่มากนัก และประชาชนที่ใช้น่าจะกระจุกตัวอยู่ที่ระดับบน โดยบริษัทฯ ไม่กังวลต่อเรื่องดังกล่าวว่าจะมีผลต่อธุรกิจน้ำมัน

 

 

 

 

 

กูรู คาดไตรมาส 4/61 PTG กลับมาเติบโต

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า คาด 4Q18F บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) PTG จะกลับมาเติบโต QoQ แต่ยังคงอ่อนตัว YoY จากค่าการตลาดที่ปรับตัวดีขึ้น QoQ และในปี 2561 คาดกำไรอยู่ที่ 629 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2015 จากค่าการตลาดที่ยังคงอ่อนตัวเมื่อเทียบ YoY สำหรับปี 2019-20F เราคาดจากฐานที่ต่ำในปีนี้จะเห็นการเติบโตระดับ 18-23% ได้โดยเฉพาะในปี 2020F จากการเริ่มเก็บเกี่ยวกำไรจากการลงทุนในธุรกิจ non-oiI ในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้น เรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาได้สะท้อนแนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนตัวไปแล้ว เรายังคงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 10 บาท



คาดไตรมาส 4 กลับมาเติบโตหลังจากอ่อนตัวในไตรมาส 3 เราคาด 4Q18F PTG จะกลับมาเติบโต QoQ จากฐานที่ต่ำเพียง 2 ล้านบาทใน 3Q18 แต่เมื่อเทียบ YoY ยังคงลดลงจากค่าการตลาดในปี 2017 อยู่ในระดับสูงกว่าปีนี้ สำหรับแนวโน้มค่าการตลาดใน 4Q18F เราเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน จากค่าการตลาดที่ปรับขึ้นมาอยู่ที่เฉลี่ย 2 บาทต่อลิตรสำหรับทั้งน้ำมันดีเซลและโดยรวม ซึ่งสูงกว่าไตรมาสก่อนที่อยู่ที่เพียง 1.61 บาทต่อลิตรเท่านั้น สำหรับธุรกิจ non-oiI ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น 3% และ 10% ตามลำดับ เราคาดจะเห็นสัดส่วนกำไรขั้นต้นเพิ่มมาอยู่ที่ 10% ในปีนี้ ตามการขยายสาขาของธุรกิจ Non-oiI ร้านกาแฟพันธุ์ไทย ตั้งเป้าขยายสาขาเป็น 180 สาขาในปีนี้ และคาดจะถึงจุดคุ้มทุนได้ในปีหน้า , ร้าน CoffeeWorId ปัจจุบันมี 85 สาขาซึ่งถึงจุดคุ้มทุนแล้วในปีนี้ สำหรับธุรกิจอื่นๆ ทั้ง Max Mart, Pro Truck, Autobac จะทยอยถึงจุดคุ้มทุนในอีก 1-2 ปีข้างหน้า



จากการปรับประมาณการผลประกอบการ ราคาเป้าหมายใหม่ของเราอยู่ที่ 10 บาท อิงจากวิธี DCF (Rf 2.3%, RPM 8.7%, TerminaI Growth 1%) ซึ่งเทียบเท่ากับ PER 22.3x ปี 2019F หรือ -0.5 sD ของค่าเฉลี่ยในอดีต ปัจจุบัน PTG ซื้อขายอยู่ที่ PER 23x ปี 2018F และ PER 19.7x ปี 2019F ซึ่งอยู่ในระดับ -0.5 sD เรามองว่าราคาหุ้นปรับตัวลงมาสะท้อนการหดตัวของกำไรในปีนี้แล้ว และคาดจะกลับมาเติบโตระดับ 19% ในปี 2019F จากการเริ่มเก็บเกี่ยวจากการลงทุนในธุรกิจ Non-oil ดังนั้น เรายังคงแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ PTG ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ 1) ค่าการตลาดที่อ่อนตัวกว่าที่เราคาดไว้ 2) ปริมาณขายน้ำมันที่ต่ำกว่าคาด และความล่าช้าของธุรกิจ non-oil 

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้