ผู้ประกอบการอสังหาฯ หวังปีนี้สดใส หลังปีก่อนเผชิญมรสุมหลากหลาย ปีนี้แม่ทัพใหญ่ "อดิศร ธนนันท์นาราพูล" กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (LH) ประกาศปี 58 รายได้รวมเติบโต 12% อยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท-ตั้งเป้ายอดขายแตะ 3.4 หมื่นลบ.โต 8% จากปีก่อน เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ 17 โครงการ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยวางงบลงทุน1.2 หมื่นล้านบาท ใช้ซื้อที่ดิน 8 พันล้านบาท และงบด้านการพัฒนาหรือซื้ออสังหาฯ เพื่อการให้เช่าอีก 4 พันล้านบาท พร้อมคาดหวังจีดีพีปีนี้โต 3-4 % หวังการลงทุนของภาครัฐและเอกชนสนับสนุน แถมทิ้งท้ายด้วยว่างบปี 57 สุดแจ่ม กำไรมีลุ้นทำสถิติสูงสุด ตามยอดขาย ยอดโอนที่เพิ่มขึ้น .....ในปีนี้ก็เชื่อว่ากำไรสุทธิทำนิวไฮต่อ แม้ไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายกอง REIT ซึ่งตามหลักการแล้วการนำสินทรัพย์ขายเข้ากอง REIT จะไม่นำมาคิดรวมกำไรจากการดำเนินงานเพราะถือว่าเป็นกำไรพิเศษและไม่ได้เกิด ขึ้นทุกๆ ปี ...............เชิญติดตามอ่าน
Q :ฉาพภาพผลการดำเนินงานในปี 2558
ปี 2558 เรามั่นใจว่ากำไรสุทธิจะทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามเป้าหมายยอดขายและยอดโอนโครงการที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนของบริษัทฯ มีการปรับตัวลดลงจากการบริหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการปรับขึ้นราคาขายโครงการ
Q : อัตรากำไรสุทธิปี 58 จะเป็นอย่างไร
ปีนี้อัตรากำไรสุทธิจะสามารถรักษาระดับอยู่ที่กว่า 20% ปีที่แล้วเราก็ 20 % กว่า เราสามารถจัดการบริหารต้นทุนได้ดีต่อเนื่อง
Q : ตั้งเป้ารายได้-ยอดขายในปี 58 อย่างไร
ในปี 58 เราก็คาดว่ารายได้รวมเติบโต 12% อยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นยอดโอน 2.8 หมื่นล้านบาท และรายได้จากค่าเช่า ประมาณ 2 พันล้านบาท เป็นรายได้จากค่าเช่า 6% และยอดขาย 94% เดิมเนี่ยสัดส่วนรายได้ค่าเช่า เรา 10% แต่พอขายเทอมินอลเข้ากอง REITไปค่าเช่าก็ลดลง ส่วนยอดขาย เราคาดว่าจะทำได้ 3.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากปี2557 ที่มียอดขายรวม 3.15 หมื่นล้านบาท โดยสัดส่วนยอดขาย 58จำแนกตามประเภทดังนี้ สัดส่วนบ้านเดี่ยว 65% ,ทาวเฮ้าส์ 5% และ คอนโดมิเนียม 30% โดยเป็นสัดส่วนใน กทม.และปริมณฑล 85% ส่วนสัดส่วนต่างจังหวัด 15%
Q : มองภาพรวมอุตสาหรรมอสังหาริมทรัพย์ปี58 เป็นอย่างไรบ้าง
อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ปี 58 เราคาดว่าจะโตเป็นเลขหลักเดียว แต่โตมากกว่ากว่าจีดีพีที่เราคาดโต 3-4% จากการลงทุนของภาครัฐที่จะมาช่วยขับเคลื่อน รวมทั้งภาคเอกชนด้วย กำลังซื้อก็จะกลับมา มันเป็นรอบหมุนเป็นลูกโซ่ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็หยุดไปนานพอสมควร แต่อาจจะมีความกังวลเรื่องของภาษีที่ดินอยู่มันไปกระทบต่อการตัดสินใจของผู้ ที่ถือครองที่ดิน คาดว่าจะมีข้อสรุปแก้ไขอย่างชัดเจนเพราะมีผลต่ออุตสาหกรรมอสังหาฯด้วย
Q : เรามีBlacklog เท่าไหร่
ณ สิ้นปี 2557 เรามี Blacklog อยู่ราว 2 หมื่นล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปี 58 ราว 5พันล้านบาท ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้ในปีถัดไป
Q : แผนการเปิดโครงการปี 58 เป็นอย่างไร
ปี 58 บริษัทฯ เราเปิดโครงการใหม่ 17 โครงการ มูลค่ารวมทั้งหมด 3.7 หมื่นล้านบาท แบ่งแยกเป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 12 โครงการ และต่างจังหวัด 5 โครงการ โดยจำแนกเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 12 โครงการ ,โครงการทาวเฮ้าส์ 2 โครงการ และ คอนโดมิเนียม 3 โครงการ รวมจำนวนโครงการทั้งหมดของ LH ที่จะดำเนินการทั้งสิ้นในปี 2558 จะเป็นทั้งสิ้น84 โครงการ ซึ่งโครงใหม่ที่จะเปิดในปีนี้ 17 โครงการมีที่ดินรองรับไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งช่วงเวลาของการเปิดโครงการใหม่จะอยู่ในไตรมาส 1-3 จะเปิดไตรมาสละ 2 โครงการ และในไตรมาส 4 จะเปิด 11 โครงการ
Q : ปี58 เรามีการวางงบลงทุนอย่างไรบ้าง
สำหรับ ปี58 เราเตรียมงบลงทุนประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาทสูงกว่าปีก่อนที่วางไว้ ประมาณ 5 พันล้านบาท ซึ่งงบในปีนี้ส่วนใหญ่เราใช้ในการซื้อที่ดิน 8 พันล้านบาท และงบด้านการพัฒนาหรือซื้ออสังหาฯ เพื่อการให้เช่าอีก 4 พันล้านบาท
Q : แผนการดำเนินการปี 58 เราจะมีการระดมทุนอะไรบ้าง
ส่วนของการระดมทุนปีนี้เราจะมีการตั้งกองREIT ตอนนี้เราพิจารณาอยู่ 3โครงการ คือ แกรนด์เซ็นเตอร์ พ้อยท์ เทอมินอล 21, แกรนด์เซ็นเตอร์พ้อยท์ เพลินจิตและ แกรนด์เซ็นเตอร์พ้อยท์ ราชดำริ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาการเลือกโครงการ ใดโครงการ1 หรือ 2 โดย3โครงการนี้มูลค่ารวมกันมากกว่า หมื่นล้านบาท
Q :แผนออกหุ้นกู้ในปีนี้
การออกหุ้นกู้ในปีนี้มูลค่า 10,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปรีไฟแนนซ์ที่จะหมดอายุเดิมที่ 8,000 ล้านบาท และที่เหลือจะใช้เป็นเงินหมุนเวียนในบริษัทฯ คาดว่าจะมีการแบ่งการออกเป็น 2 ช่วง ในครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลัง โดยประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยจะต่ำกว่าหุ้นกู้ชุดเดิมที่ออกไปที่มีอัตรา ดอกเบี้ย 3.5% เป็นไปตามนโยบายดอกเบี้ยของประเทศที่ยังอยู่ในช่วงขาลง และมั่นใจว่าจะไม่มีการปรับขึ้นภายในปีนี้อย่างแน่นอน โดยจะทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ ในปีนี้ลดลงจากปัจจุบันที่อยู่ระดับประมาณ 3.8% ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรสุทธิดีขึ้น
Q : ด้านต่างประเทศเราจะมีโครงการไหนไหมต้องพัฒนา
ต่างประเทศเอง เราจะมีการไปซื้ออพาร์ทในซานฟรานซิสโก ช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งใช้เงินลงทุนราว 2พันล้านบาท เรามีอพาร์ทเม้นอยู่แล้วแล้ว 2 โครงการซื้อไว้ตอนปี 55และ56 เราก็เห็นศักยภาพดี และเราคาดว่าอพาร์ทเม้นแห่งที่ 3 จะทำรายได้ให้เรามากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี ส่วน2 แห่งแรกนั้นรายได้ไม่มาก
Q : สุดท้ายผลประกอบการปี 57 จะเป็นอย่างไรบ้าง
เราคาดกำไรสุทธิในปี 57 ทำสถิติสูงสุด (New High) แม้ว่าจะไม่รวมกำไรที่ได้จากการขายกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เทอมินอล 21 มูลค่า 6.05 พันล้านบาท ที่มีบันทึกเป็นกำไรพิเศษในไตรมาส 4/57 อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท โดยในปีนี้ก็เชื่อว่ากำไรสุทธิจะทำนิวไฮต่อเนื่อง แม้ไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายกอง REIT เพิ่มเข้ามาก็ตาม ซึ่งตามหลักการแล้วการนำสินทรัพย์ขายเข้ากอง REIT จะไม่นำมาคิดรวมกำไรจากการดำเนินงานอยู่แล้ว เพราะถือว่าเป็นกำไรพิเศษและไม่ได้เกิดขึ้นทุกๆ ปี
ขณะที่คาดอัตรากำไรขั้นต้นปี57เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 36% จากปี 56 ที่ 35% จากการเติบโตของยอดขายที่เพิ่มขึ้น และการปรับราคาขายโครงการเพิ่มขึ้นมากกว่าต้นทุน 2-3% โดยในปีนี้แนวโน้มต้นทุนการก่อสร้างถือว่ามีการเพิ่มขึ้นไม่มากนักเมื่อ เทียบกับปีก่อน ทำให้ราคาขายของโครงการที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้นสามารถครอบคลุมต้นทุนได้
---จบ---
by : เกศรินทร์ สำแดงภัย/ ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์
แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....
FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น
ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น
NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68