Today’s NEWS FEED

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

สัมภาษณ์พิเศษ : WORK ยุคทีวีดิจิตอล มองปีนี้สดใส-กำไรงาม

2,582


             มาถึงจุดเปลี่ยนในยุคทีวีดิจิตอล ค่ายทีวีหลายค่ายทั้งเก่าและใหม่ต่างต้องเตรียมรับมือ งัดกลยุทธ์ไม้เด็ดมาดึงดูดใจท่านผู้ชมเพื่อเรียกเรทติ้งรายการกันอย่างไม่ ขาดสาย นาทีนี้ถ้าไม่พูดถึงผู้บริหารคนดังอย่าง "ปัญญา นิรันดร์กุล" หรือเสี่ยตา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอนเตอร์เทนมเนท์ จำกัด (มหาชน)  (WORK)คงไม่ได้ ล่าสุดเตรียมผุดรายการ พร้อมละครซิทคอมชุดใหม่ลงจอเวิร์คพอยท์ทีวี หวังเรียกเรทติ้งผู้ชมให้ดีได้ต่อเนื่อง... ส่วนด้านผลประกอบการยังตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท หลังบริษัทปรับเพิ่มค่าโฆษณา แถมโรงละครย่านสยามสแควใกล้เปิดตัวให้บริการแล้วเร็วๆนี้ งานนี้เสี่ยตา ปัญญา ลงทุนไปไม่น้อยจนทำให้กำไรสุทธิของบริษัทในปี 2557 หดตัวเหลือเพียง 2 หลัก แต่เจ้าตัวยังมั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่สดใส กำไรสุทธิน่าจะกลับมาใกล้เคียงปี 2556 ได้ งานนี้เสี่ยตาจะมีแผนการดำเนินงานอย่างไร ขอเชิญทุกท่านอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้เลยค่ะ....



Q : การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ WORK

     ในช่วงกลางปีก่อน(2557) เราได้มีช่องเป็นของตัวเอง คือ ช่องดิจิตอลทีวี ชื่อช่อง...เวิร์คพอยท์ทีวี ช่อง 1 เราดำเนินงานด้านสื่อมาเรื่อย ๆจนมาถึงช่วงสิ้นปี 57 จากผลสำรวจทำให้เรารู้ว่าช่องของเราได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ติดอันดับนะครับ จนกระทั่งบัดนี้ ทุกคนก็เห็นหมดแล้วว่าเราเข้ามาอยู่ในลำดับที่ 3 ต่อจากช่อง 7 และช่อง 3 ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะเราก็มีกำลังใจมากขึ้น มีโรงงานเป็นของตัวเอง 90% และเป็นอีกโฉมหนึ่งของเรา


Q : มองตลาดทีวีดิจิตอลเป็นอย่างไร

     อันดับแรกเราต้องหันมามองตัวเองครับ เราก็มีความรู้ความสามารถอยู่แล้ว ช่องอื่นๆก็เหมือนกัน มีอะไรที่แตกต่างกัน แต่แฟนๆจะเป็นผู้ตัดสินว่าสุดท้ายจะชอบใครมากน้อยกว่ากัน เรามึความหลากหลาย...


Q : ความท้าทายในปีนี้มีอะไรบ้าง


      ความละเอียดละออของรายการต่างๆ ที่ทำไป...สุดท้ายแล้วยังไม่ครบสถานีนะ ทำไปแล้วประมาณ 80% ส่วนปีนี้ที่จะทำต่อ เราน่าจะครบ100% ได้ และอาจจะมีการพัฒนาบางรายการที่อาจจะเรทติ้งไม่ดี ปีนี้เราก็นำรายการจากช่อง 5 และ 9 ออกมาหมดแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดีนะครับ แต่เขาอาจจะมีกระบวนการบริหารที่เปลี่ยนแปลง เพราะมีความไม่แน่นอน ซึ่งเราก็ต้องการความแน่นอน เพราะเราเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เราต้องสร้างความแน่นอนให้กับผู้ลงทุน แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะการแข่งขันยังสูง แต่สุดท้ายแล้ว...เราควบคุมอะไรไม่ได้ เพราะคนที่ควบคุมจะเป็นท่านผู้ชมว่าจะเลือกดูใคร


Q : กลยุทธ์ในการยึดฐานผู้บริโภค

     พูดถึงประสบการณ์ ที่ทำมา เรายึดทางนี้เป็นหลัก ยึดความเป็นครีเอทีฟ ยึดเรื่องวัฒนธรรม ศิลปะ เข้ามาผนวกกัน และออกเป็นรายการต่างๆ พร้อมกับใช้ความสามารถเรามีอยู่...เราทำ เราขายพิธีกร ขายรายการ ตามแผนการดำเนินงานเที่เคยประกาศไป ปีนี้เรามีพิธีกรกว่า 58 คน ที่จะยืนและบริการในเรื่องราวของรายการ ในขณะที่เราก็เริ่มผลิตละครออกมาด้วย แต่เราไม่คิดจะไปแข่งขันกับช่องฟรีทีวี เช่น ช่อง 3-7 ซึ่งเปรียบเสมือนครูบาอาจารย์ ยกไว้บนหิ้ง ไม่ท้า ไม่ทาย เราขออยู่ตรงนี้ เราพอใจแล้ว...


Q : ปีนี้จะมีคอนเทนต์อะไรเพิ่มเข้ามาหรือไม่


     ก็...จะมีคอนเทนต์ดีๆเข้ามาอีกเยอะนะครับ กลางมกราคมนี้จะเห็นโฉมใหม่จากรายการที่เรียกกลับคืนมาจากช่อง 5 และ 9 ส่วนกลางเดือนกุมภาพันธ์ก็จะมีรายการที่คิดขึ้นมาใหม่ เช่น ซิทคอมใหม่ รายการใหม่....เยอะมากครับ


Q : สัดส่วนของรายการตอนนี้เป็นอย่างไร

     จะเป็นรายการสัก 80% ส่วนที่เหลือจะเป็นละครเริ่มทำออกมาแล้ว หลัง 2 ทุ่มครึ่ง ตอนละ 1 ชั่วโมง จะฉายวันจันทร์ถึงศุกร์ครับ


Q : ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้อย่างไร


     ปีนี้เราตั้งเป้าไว้มากกว่า 2,000 ล้านบาท คือ ปีนี้เรามีการปรับเพิ่มขึ้นของโฆษณา ตรงนี้ก็จะเข้ามาช่วยให้รายได้เพิ่มขึ้นได้ครับ ตั้งแต่ต้นปีเริ่มมีการปรับเพิ่มขึ้นมาแล้ว นอกจากตัวรายได้จากช่องเวิร์คพอยท์ เรายังมีงานอีเวนต์ คอนเสิร์ต โรงละคร  แต่รวมๆแล้วเราไม่ได้มองเม็ดเงินเป็นตัวหลัก สุดท้าย...ถ้าเรามีงาน เงินก็จะตามเข้ามาได้เอง
     อนึ่งปี 2556 บริษัทมีรายได้ยู่ที่ 2,185.93 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีแรกปี 2557 มีรายอยู่ที่ 1,758.79 ล้านบาท


Q : จุดแข็ง จุดขายของบริษัทคืออะไร


     วาไรตี้...ครีเอทีฟวาไรตี้ครับ


Q : มองภาพบริษัทต่อไปจะเป็นอย่างไร


     ปีหน้า...ก็ชัดแล้ว ส่วน 3-5 ปีก็มหาศาล....เราก็คงทำตามความถนัดเรา เราคงไม่ประมาท ดำเนินงานไปเรื่อยๆ


Q : สัดส่วนรายได้มาจากส่วนไหนบ้าง

     เวิร์คพอยท์ทีวี อีเวนต์ คอนเสิร์ต แล้วปีนี้ก็มีโรงละครที่คาดน่าจะให้บริการได้ภายในต้นปี ประมาณเดือนมีนาคมหรือเมษายนนี้ ปีนี้มองว่าจะเป็นแห่งรายได้นะครับ มีรายรับเข้ามาหลายขา...


Q : หากเปิดโรงละครแล้ว จะช่วยให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นหรือไม่

     น่าจะเป็นจุดช่วยนะครับ โชคดีที่มีสปอนเซอร์มารับไปแล้ว เราปิดเรื่องทุนไปหมดแล้ว... ด้วย


Q : กำไรสุทธิในปี 2557 ปรับตัวลดลงเหลือ 2 หลักจากปี 2556 เพราะอะไร


     เพราะเราไปใช้ในเรื่อวค่าประมูลทีวีดิจิตอล แต่เราเริ่มเห็นแล้ว...ปีนี้น่าจะดี แต่ปีก่อนเรามีลงทุนค่าประมูล ค่าเช่าสัญญาณ และค่าสต๊อก คอนเทนต์ที่มาจากต่างประเทศ ทำให้เราต้องใช้เงินจำนวนมากครับ


Q : คอนเทนต์ต่างประเทศตอนนี้มีมากน้อยแค่ไหน

     สามารถรองรับได้ถึง 3 ปีครับ เราไม่เน้นแล้วคอนเทนต์ทั่วไป หัวใจ...ของตลาดมันไม่ใหม่ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น คือผู้ชมเปิดช่องไหนก็เจอ ฉะนั้นเราคงต้องมีคอนเทนต์ใหม่ๆเข้ามา รับรองถูกตาผู้ชมแน่นอนครับ


Q : เรทค่าโฆษณาปรับขึ้นไปเท่าไร

     ตอนนี้มันเป็นระบบถัวเฉลี่ยนะครับ บางรายการก็ 200,000 บาท บางรายการก็ 40,000-50,000 บาท ก็ขึ้นมาประมาณ 4-5 เท่าได้นะ โดยเริ่มขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี และอยู่ที่ว่าเอนเจนซี่เขายอมรับได้หรือไม่? แต่ที่เราขึ้นมาเขาก็โอเคนะครับ


Q : มองแนวโน้มการแข่งขันทีวีดิจิตอลจะเป็นอย่างไร

     ผมว่า...แนวโน้มการแข่งขันก็จะสูงขึ้น งบประมาณก็น่าจะเพิ่มมากขึ้นด้วย จากการอยู่ในอุตสาหกรรมคาด 80,000 ล้านบาท น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 100,000 ล้านบาทได้ แต่ตอนนี้ดิจิตอลเป็นที่ยอมรับ ตอนนี้แต่ละบริษัทใครจะหยิบได้มากได้น้อยก็เป็นโอกาส รวมถึงบริษัทเราด้วย น่าจะเป็นปีที่ดี...ครับ


Q : ตอนนี้พอใจกับช่องของบริษัทแล้วหรือยัง

     มันเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะครับ ปีแรกเราเห็นผลเลย พอครึ่งปีหลังปี 57 เราเห็นภาพชัดเจน เราไปได้เรื่อยๆ แสดงว่าในต่อไปเรายังมีช่องทางที่จะไปได้อีก ไม่ว่า ชิงช้าสวรรค์ไมค์ทองคำ เรทติ้งจะขึ้นไปถึง 5 แล้ว... ในขณะที่ช่องดิจิตอลอื่นๆยังเป็น ศูนย์กว่าๆเอง คนเริ่มติดช่องแล้ว ถือว่าเป็นโอกาสที่จะพัฒนาต่อไปครับ ช


Q : ในปีนี้เป็นปีแห่งรายรับ มองว่ากำไรสุทธิจะกลับไปเทียบเท่าปี 2556 ที่ทำได้ 256 ล้านบาทได้หรือไม่

     เราพยายามอยู่ครับ แต่ต้องมองระยะยาว เผื่อเรามีโอกาสในการลงทุน เราก็อาจจะลงทุน ปีนี้...น่าจะสดใส โอกาสมันสูงที่จะได้นะ จากการเพิ่มราคาค่าโฆษณา...
     อนึ่งปี 2556 บริษัทมรกำไรสุทธิยู่ที่ 256.78 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีแรก ของปี 2557 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 38.53 ล้านบาท


Q : เป้าหมายระยะยาวคืออะไร


     3-5 ปีเราคงรักษาสภาพ การเป็นช่องโทรทัศน์ลำดับที่ 3 ให้ดีที่สุด พัฒนาปรับปรุง ชีวิตเราพึ่งเริ่มต้นในปีที่ 2


Q : สตูดิโอจะมีการขยายเพิ่มเติมอีกหรือไม่


     เราจะขยายเพิ่มอีก รวมทั้งสิ้นเป็น 15 สตูดิโอ จากปัจจุบันเรามีอยู่แล้ว 9 สตูดิโอ เรามีโรงงๅานผลิตได้อย่างเต็มที่ ถ่ายทำ เตรียมงาน ตัดต่อ อยู่ในสติดูโอเพื่อรองรับงานของเรา ส่วนเงินลงทุนเราลงทุนไปหมดแล้ว เฉลี่ยสตูดิโอละ 100 ล้านบาท และช่วยลดต้นทุน มันตัดค่าใช้จ่ายไปได้ 20-30 ปี

    
Q : ฝากทิ้งท้าย


     ไม่มีใครไม่อยากมีกำไร ทุกคนอยากมีหมด ยิ่งกำไรเยอะก็ยิ่งดี เพราะเราอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เราก็ต้องการให้นักลงทุนมีกำไร แต่เราก็ต้องมองระยะยาวๆ แต่ก็คิดว่าปีนี้จะเป็นปีที่สดใส...



---จบ---


By:  :มินตรา แก้วภูบาล/ ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์

บทความล่าสุด

ต่างชาติ ลุยซื้อหุ้นไทย By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เห็นนักลงทุนต่างชาติ กลับมาซื้อหุ้นไทย วานนี้ จัดไป เกือบ 3,600 ล้านบาท ส่วนในประเทศ พร้อมใจขายอย่าง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้