มาถึงจุดเปลี่ยนในยุคทีวีดิจิตอล ค่ายทีวีหลายค่ายทั้งเก่าและใหม่ต่างต้องเตรียมรับมือ งัดกลยุทธ์ไม้เด็ดมาดึงดูดใจท่านผู้ชมเพื่อเรียกเรทติ้งรายการกันอย่างไม่ ขาดสาย นาทีนี้ถ้าไม่พูดถึงผู้บริหารคนดังอย่าง "ปัญญา นิรันดร์กุล" หรือเสี่ยตา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอนเตอร์เทนมเนท์ จำกัด (มหาชน) (WORK)คงไม่ได้ ล่าสุดเตรียมผุดรายการ พร้อมละครซิทคอมชุดใหม่ลงจอเวิร์คพอยท์ทีวี หวังเรียกเรทติ้งผู้ชมให้ดีได้ต่อเนื่อง... ส่วนด้านผลประกอบการยังตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท หลังบริษัทปรับเพิ่มค่าโฆษณา แถมโรงละครย่านสยามสแควใกล้เปิดตัวให้บริการแล้วเร็วๆนี้ งานนี้เสี่ยตา ปัญญา ลงทุนไปไม่น้อยจนทำให้กำไรสุทธิของบริษัทในปี 2557 หดตัวเหลือเพียง 2 หลัก แต่เจ้าตัวยังมั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่สดใส กำไรสุทธิน่าจะกลับมาใกล้เคียงปี 2556 ได้ งานนี้เสี่ยตาจะมีแผนการดำเนินงานอย่างไร ขอเชิญทุกท่านอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้เลยค่ะ.... ---จบ--- By: :มินตรา แก้วภูบาล/ ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์
Q : การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ WORK
ในช่วงกลางปีก่อน(2557) เราได้มีช่องเป็นของตัวเอง คือ ช่องดิจิตอลทีวี ชื่อช่อง...เวิร์คพอยท์ทีวี ช่อง 1 เราดำเนินงานด้านสื่อมาเรื่อย ๆจนมาถึงช่วงสิ้นปี 57 จากผลสำรวจทำให้เรารู้ว่าช่องของเราได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ติดอันดับนะครับ จนกระทั่งบัดนี้ ทุกคนก็เห็นหมดแล้วว่าเราเข้ามาอยู่ในลำดับที่ 3 ต่อจากช่อง 7 และช่อง 3 ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะเราก็มีกำลังใจมากขึ้น มีโรงงานเป็นของตัวเอง 90% และเป็นอีกโฉมหนึ่งของเรา
Q : มองตลาดทีวีดิจิตอลเป็นอย่างไร
อันดับแรกเราต้องหันมามองตัวเองครับ เราก็มีความรู้ความสามารถอยู่แล้ว ช่องอื่นๆก็เหมือนกัน มีอะไรที่แตกต่างกัน แต่แฟนๆจะเป็นผู้ตัดสินว่าสุดท้ายจะชอบใครมากน้อยกว่ากัน เรามึความหลากหลาย...
Q : ความท้าทายในปีนี้มีอะไรบ้าง
ความละเอียดละออของรายการต่างๆ ที่ทำไป...สุดท้ายแล้วยังไม่ครบสถานีนะ ทำไปแล้วประมาณ 80% ส่วนปีนี้ที่จะทำต่อ เราน่าจะครบ100% ได้ และอาจจะมีการพัฒนาบางรายการที่อาจจะเรทติ้งไม่ดี ปีนี้เราก็นำรายการจากช่อง 5 และ 9 ออกมาหมดแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดีนะครับ แต่เขาอาจจะมีกระบวนการบริหารที่เปลี่ยนแปลง เพราะมีความไม่แน่นอน ซึ่งเราก็ต้องการความแน่นอน เพราะเราเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เราต้องสร้างความแน่นอนให้กับผู้ลงทุน แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะการแข่งขันยังสูง แต่สุดท้ายแล้ว...เราควบคุมอะไรไม่ได้ เพราะคนที่ควบคุมจะเป็นท่านผู้ชมว่าจะเลือกดูใคร
Q : กลยุทธ์ในการยึดฐานผู้บริโภค
พูดถึงประสบการณ์ ที่ทำมา เรายึดทางนี้เป็นหลัก ยึดความเป็นครีเอทีฟ ยึดเรื่องวัฒนธรรม ศิลปะ เข้ามาผนวกกัน และออกเป็นรายการต่างๆ พร้อมกับใช้ความสามารถเรามีอยู่...เราทำ เราขายพิธีกร ขายรายการ ตามแผนการดำเนินงานเที่เคยประกาศไป ปีนี้เรามีพิธีกรกว่า 58 คน ที่จะยืนและบริการในเรื่องราวของรายการ ในขณะที่เราก็เริ่มผลิตละครออกมาด้วย แต่เราไม่คิดจะไปแข่งขันกับช่องฟรีทีวี เช่น ช่อง 3-7 ซึ่งเปรียบเสมือนครูบาอาจารย์ ยกไว้บนหิ้ง ไม่ท้า ไม่ทาย เราขออยู่ตรงนี้ เราพอใจแล้ว...
Q : ปีนี้จะมีคอนเทนต์อะไรเพิ่มเข้ามาหรือไม่
ก็...จะมีคอนเทนต์ดีๆเข้ามาอีกเยอะนะครับ กลางมกราคมนี้จะเห็นโฉมใหม่จากรายการที่เรียกกลับคืนมาจากช่อง 5 และ 9 ส่วนกลางเดือนกุมภาพันธ์ก็จะมีรายการที่คิดขึ้นมาใหม่ เช่น ซิทคอมใหม่ รายการใหม่....เยอะมากครับ
Q : สัดส่วนของรายการตอนนี้เป็นอย่างไร
จะเป็นรายการสัก 80% ส่วนที่เหลือจะเป็นละครเริ่มทำออกมาแล้ว หลัง 2 ทุ่มครึ่ง ตอนละ 1 ชั่วโมง จะฉายวันจันทร์ถึงศุกร์ครับ
Q : ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้อย่างไร
ปีนี้เราตั้งเป้าไว้มากกว่า 2,000 ล้านบาท คือ ปีนี้เรามีการปรับเพิ่มขึ้นของโฆษณา ตรงนี้ก็จะเข้ามาช่วยให้รายได้เพิ่มขึ้นได้ครับ ตั้งแต่ต้นปีเริ่มมีการปรับเพิ่มขึ้นมาแล้ว นอกจากตัวรายได้จากช่องเวิร์คพอยท์ เรายังมีงานอีเวนต์ คอนเสิร์ต โรงละคร แต่รวมๆแล้วเราไม่ได้มองเม็ดเงินเป็นตัวหลัก สุดท้าย...ถ้าเรามีงาน เงินก็จะตามเข้ามาได้เอง
อนึ่งปี 2556 บริษัทมีรายได้ยู่ที่ 2,185.93 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีแรกปี 2557 มีรายอยู่ที่ 1,758.79 ล้านบาท
Q : จุดแข็ง จุดขายของบริษัทคืออะไร
วาไรตี้...ครีเอทีฟวาไรตี้ครับ
Q : มองภาพบริษัทต่อไปจะเป็นอย่างไร
ปีหน้า...ก็ชัดแล้ว ส่วน 3-5 ปีก็มหาศาล....เราก็คงทำตามความถนัดเรา เราคงไม่ประมาท ดำเนินงานไปเรื่อยๆ
Q : สัดส่วนรายได้มาจากส่วนไหนบ้าง
เวิร์คพอยท์ทีวี อีเวนต์ คอนเสิร์ต แล้วปีนี้ก็มีโรงละครที่คาดน่าจะให้บริการได้ภายในต้นปี ประมาณเดือนมีนาคมหรือเมษายนนี้ ปีนี้มองว่าจะเป็นแห่งรายได้นะครับ มีรายรับเข้ามาหลายขา...
Q : หากเปิดโรงละครแล้ว จะช่วยให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นหรือไม่
น่าจะเป็นจุดช่วยนะครับ โชคดีที่มีสปอนเซอร์มารับไปแล้ว เราปิดเรื่องทุนไปหมดแล้ว... ด้วย
Q : กำไรสุทธิในปี 2557 ปรับตัวลดลงเหลือ 2 หลักจากปี 2556 เพราะอะไร
เพราะเราไปใช้ในเรื่อวค่าประมูลทีวีดิจิตอล แต่เราเริ่มเห็นแล้ว...ปีนี้น่าจะดี แต่ปีก่อนเรามีลงทุนค่าประมูล ค่าเช่าสัญญาณ และค่าสต๊อก คอนเทนต์ที่มาจากต่างประเทศ ทำให้เราต้องใช้เงินจำนวนมากครับ
Q : คอนเทนต์ต่างประเทศตอนนี้มีมากน้อยแค่ไหน
สามารถรองรับได้ถึง 3 ปีครับ เราไม่เน้นแล้วคอนเทนต์ทั่วไป หัวใจ...ของตลาดมันไม่ใหม่ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น คือผู้ชมเปิดช่องไหนก็เจอ ฉะนั้นเราคงต้องมีคอนเทนต์ใหม่ๆเข้ามา รับรองถูกตาผู้ชมแน่นอนครับ
Q : เรทค่าโฆษณาปรับขึ้นไปเท่าไร
ตอนนี้มันเป็นระบบถัวเฉลี่ยนะครับ บางรายการก็ 200,000 บาท บางรายการก็ 40,000-50,000 บาท ก็ขึ้นมาประมาณ 4-5 เท่าได้นะ โดยเริ่มขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี และอยู่ที่ว่าเอนเจนซี่เขายอมรับได้หรือไม่? แต่ที่เราขึ้นมาเขาก็โอเคนะครับ
Q : มองแนวโน้มการแข่งขันทีวีดิจิตอลจะเป็นอย่างไร
ผมว่า...แนวโน้มการแข่งขันก็จะสูงขึ้น งบประมาณก็น่าจะเพิ่มมากขึ้นด้วย จากการอยู่ในอุตสาหกรรมคาด 80,000 ล้านบาท น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 100,000 ล้านบาทได้ แต่ตอนนี้ดิจิตอลเป็นที่ยอมรับ ตอนนี้แต่ละบริษัทใครจะหยิบได้มากได้น้อยก็เป็นโอกาส รวมถึงบริษัทเราด้วย น่าจะเป็นปีที่ดี...ครับ
Q : ตอนนี้พอใจกับช่องของบริษัทแล้วหรือยัง
มันเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะครับ ปีแรกเราเห็นผลเลย พอครึ่งปีหลังปี 57 เราเห็นภาพชัดเจน เราไปได้เรื่อยๆ แสดงว่าในต่อไปเรายังมีช่องทางที่จะไปได้อีก ไม่ว่า ชิงช้าสวรรค์ไมค์ทองคำ เรทติ้งจะขึ้นไปถึง 5 แล้ว... ในขณะที่ช่องดิจิตอลอื่นๆยังเป็น ศูนย์กว่าๆเอง คนเริ่มติดช่องแล้ว ถือว่าเป็นโอกาสที่จะพัฒนาต่อไปครับ ช
Q : ในปีนี้เป็นปีแห่งรายรับ มองว่ากำไรสุทธิจะกลับไปเทียบเท่าปี 2556 ที่ทำได้ 256 ล้านบาทได้หรือไม่
เราพยายามอยู่ครับ แต่ต้องมองระยะยาว เผื่อเรามีโอกาสในการลงทุน เราก็อาจจะลงทุน ปีนี้...น่าจะสดใส โอกาสมันสูงที่จะได้นะ จากการเพิ่มราคาค่าโฆษณา...
อนึ่งปี 2556 บริษัทมรกำไรสุทธิยู่ที่ 256.78 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีแรก ของปี 2557 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 38.53 ล้านบาท
Q : เป้าหมายระยะยาวคืออะไร
3-5 ปีเราคงรักษาสภาพ การเป็นช่องโทรทัศน์ลำดับที่ 3 ให้ดีที่สุด พัฒนาปรับปรุง ชีวิตเราพึ่งเริ่มต้นในปีที่ 2
Q : สตูดิโอจะมีการขยายเพิ่มเติมอีกหรือไม่
เราจะขยายเพิ่มอีก รวมทั้งสิ้นเป็น 15 สตูดิโอ จากปัจจุบันเรามีอยู่แล้ว 9 สตูดิโอ เรามีโรงงๅานผลิตได้อย่างเต็มที่ ถ่ายทำ เตรียมงาน ตัดต่อ อยู่ในสติดูโอเพื่อรองรับงานของเรา ส่วนเงินลงทุนเราลงทุนไปหมดแล้ว เฉลี่ยสตูดิโอละ 100 ล้านบาท และช่วยลดต้นทุน มันตัดค่าใช้จ่ายไปได้ 20-30 ปี
Q : ฝากทิ้งท้าย
ไม่มีใครไม่อยากมีกำไร ทุกคนอยากมีหมด ยิ่งกำไรเยอะก็ยิ่งดี เพราะเราอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เราก็ต้องการให้นักลงทุนมีกำไร แต่เราก็ต้องมองระยะยาวๆ แต่ก็คิดว่าปีนี้จะเป็นปีที่สดใส...
แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....
FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น
ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น
NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68