Today’s NEWS FEED

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

สัมภาษณ์พิเศษ : TPCH ผงาด 8 ม.ค. 2558

3,577

Q : กระแสตอบรับช่วงเสนอขายหุ้นเป็นอย่าไงไรบ้าง

    ต้องขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้การตอบรับหุ้นไอพีโอ TPCH อย่างอบอุ่น จองซื้อหุ้นหมดเกลี้ยงทั้งจำนวน และเชื่อว่าภายหลังจากที่บริษัทได้เข้าระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลัก ทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) แล้ว จะยิ่งทำให้ชื่อเสียงของ TPCH เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้นด้วยและที่สำคัญยังจะส่งผลให้ฐานทุนของบริษัทมี ความแข็งแกร่ง มีความพร้อมที่จะลงทุนและขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนอีกด้วย
    หมดเลยครับ ได้รับการตอบรับอย่างดี มีคนจะมาขอหุ้นแต่ไม่มีแล้ว ซึ่งช่วงเวลาจำหน่ายหุ้นของเรามันตรงกับที่คาดว่าต้นปีสถานการณ์ตลาดฯจะดี ขึ้นแล้วและก็มีเรื่องซื้อไฟฟ้ารูป แบบใหม่เป็น Feed in Tariff (FiT) ทามมิ้งนี้น่าจะโอเค



Q : ขณะนี้พีอีของบริษัทสูงมากอนาคตจะเป็นอย่างไร และหลังเข้าตลาดฯแล้วกำลังการผลิตจะเป็นเท่าไหร่ 

    อนาคตพีอีลดลงมาก ขณะนี้ที่พีอีสูงเนี่ยยังไม่สะท้อนเรื่อง  Feed in Tariff (FiT) ตัวใหม่ ซึ่งมันดีกับเราค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้น 150 เท่าเนี่ยมันมีแค่ 10 เมกะวัตต์ แต่เราขึ้นโครงการต่างๆได้แน่นอน  ปี 58 เนี่ยเราขึ้น อีก 30 เมกะวัตต์รวมเป็น 40 เมกะวัตต์ พอพึง60 เราคาดว่าจะเป็น100 เมกะวัตต์ กำลังการผลิตเราขึ้นจาก 10 เป็น 100  สำหรับโครงการที่เราจะขึ้นทั้งหมดปี 60 เรามี PPA เรียนร้อยแล้วยกเว้นที่ปัตตานีเรากำลังขออยู่ พูดง่ายๆใน 100 เมกะวัตต์ 60 เมกะวัตต์เราถือใบอนุญาติไว้แล้ว  ที่เหลือก็เป็นปัตตานี  ปัตตานีมีเรามีโอกาสได้สูง เพราะตรงนั้นมีผู้ประกอบการไม่กี่รายที่เข้าไปเพราะห่วงเรื่องความปลอดภัย บริษัทแม่ เราไทยโพลิคอน ก่อสร้างอยู่แถว3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เราก็เลยเรียกว่า ชำนาญในพื้นที่ และเข้าในในพื้นที่ 


Q :  เงินที่ได้จาก  IPO ในครั้งนี้จะนำไปขยายกิจการส่วนไหนบ้าง

     เงินที่ได้จาก IPO ในครั้งนี้สุทธิประมาณ 1,111 ล้านบาท โดยที่ประมาณ 750 ล้านบาท จะนำไปใช้ก่อสร้างและดำเนินการโครงการในอนาคตของบริษัทได้เพิ่มอีก 6 โรงไฟฟ้าตามแผนงาน 100 เมกะวัตต์ใน 3 ปี ซึ่งขณะนี้โรงไฟฟ้า 3 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าที่มหาชัย ที่แม่วงก์ และที่ทุ่งสัง มีความคืบหน้าในด้านการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรไปมากแล้ว โดยคาดว่าจะก่อสร้างเสร็จและขายไฟฟ้าได้ในปี 2558 ตามแผนงานที่วางไว้ นอกจากนี้โรงไฟฟ้าที่สตูลและที่พัทลุง ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง. 4) เป็นที่เรียบร้อยแล้วในเดือนนี้ จึงมีความพร้อมที่จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ทันที จะส่งผลให้กลุ่มบริษัทเริ่มมีรายได้เพิ่มจาก 2 โรงไฟฟ้านี้ในปี 2559 ได้ค่อนข้างแน่นอน  ทั้งนี้ ในส่วนของโรงไฟฟ้าที่ปัตตานีปัจจุบันอยู่ในระหว่างขั้นตอนการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อม (EIA)
       สำหรับเงินที่เหลืออีกกว่า 300 ล้านบาท บริษัทจะสำรองเป็นทุนหมุนเวียนที่จะสามารถนำไปทำโครงการโรงไฟฟ้าเพิ่มหรือ ซื้อโรงไฟฟ้าซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นได้อีกและจะสามารถเพิ่มโอกาสของ การที่กลุ่มบริษัทจะมีกำลังการผลิตได้ 150 เมกะวัตต์ ภายใน 5 ปี ตามแผนงานที่วางไว้


Q : หากเรามี กำลังการผลิต 100 เมกะวัต์  เราจะมีรายได้ต่อปีประมาณเท่าไหร่

    ดูง่าย ตอนนี้เรามี 10 เมกะวัตต์  รายได้ของเราก็จะอยู่ที่ 220-250 ล้าน ก็เอา 100 คูณ เข้าไป และอัตรากำลังสุทธิก็มากขึ้น  และเราก็มีการตั้งเป้าไว้ ภายใน3-5 ปี เราจะมีกำลังการผลิต 150 เมกะวัตต์ อีก 50 เมะกะวัตต์ เราก็สำรวจอยู่ เราทำอะไรเราเน้นความชำนาญคงยังไม่ได้สนใจพลังงานอื่น  และการที่กำลังการผลิตเราเพิ่มขึ้นก็จะช่วยลด พีอีลงเรื่อยๆจากปัจจุบัน 159 เท่า  จริงๆต้องขอบคุณ EA ที่ตอนนั้นเค้าปูพื้นไว้  พีอีเค้าก็ 200 เท่าแต่พอโครงการเค้ามาจริง พีอีก็ลดลง คนเวลาซื้อพลังงานทางเลือกเนี่ยเค้าซื้ออนาคต เพราะเป็นธุรกิจที่มั่นคงมีสัญญาณระยะยาวอยู่แล้ว

Q : 1 โปรเจคเราใช้เวลาสร้างเท่าไหร่ใช้เงินลงทุนเท่าไหร่
  
  1โปรเจค ใช้ 14-16 เดือน ใช้เงินลงทุน 70 ล้านบาท ต่อ 1 เมกะวัตต์  เทคโนโลยีก็เอามาจากยุโรปและญี่ปุ่นที่เราไปดูงานมา

Q  :  ธุรกิจของบริษัทเป็นพลังงานชีวมวลหมดเลยไหม
     ทั้งหมดเป็นชีวมวล เราจะเป็นกลุ่มโรงไฟฟ้าชีวมวลกลุ่มแรกที่เข้าตลาด และเราก็เป็นบริษัทแรกที่ใช้เกณฑ์ Renewable  ที่ทางตลาดฯมีออกมา  งั้นขอปูพื้นฐานก่อนจุดเด่นของตัวชีวมวลเนี่ยเมื่อเปรียบเทียบกับพลังงานทาง เลือกประเภทอื่น แต่ละประเภทก็จะมีจุดแข็งของตัวเอง ส่วนจุดแข็งของพลังงานชีวมวลเนี่ยถ้าเรามองเปรียบเทียบดูแล้วเนี่ยกำลังการ ผลิตของใน 1 ปี ค่อนข้างสูง  สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 24 ชั่วโมง ถ้าเทียบกับพลังงานแสงอาทิตผลิตได้เพียง 6 ชั่วโมง  ถือเป็น1ใน4 เท่าของเราที่เราผลิตได้เลย 

Q :  การเปลี่ยนมาเป็นระบบ Feed in Tariff (FiT) ดีกว่า ระบบAdder ยังไง
    ทำให้เรามีอัตรากำไรสุทธิมากขึ้น ปัจจุบันอยู่ราว 30 % รวมไปถึงการคิดราคาหุ้นของเราเนี่ยยังไม่รู้เลยว่าจะมีภาครัฐเข้ามาสนับสนุน ได้ปรับซื้อไฟฟ้ารูป แบบใหม่เป็น Feed in Tariff (FiT) ที่ได้ประกาศเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา  ซึ่งที่บริษัทฯมีการกำหนดราคาหุ้นไปแล้วคือวันที่ 11 ธ.ค.  ก็เป็นผลดีต่อนักลงทุน   และตัวระบบ Feed in Tariff (FiT) ส่งผลดีต่อเรามาก คืออัตราค่าไฟเพิ่มขึ้น  ทางภาครัฐเองเค้าในระเบียบที่กำหนดออกมาเขาจะให้คนที่มีความพร้อมสมมุติมี การยื่นเข้าไปเขาก็จะเปิดประมูล และให้คนที่มีศักยภาพจึงจะสามารถประมูลได้ทำให้ภาครัฐสามารถควบคุมได้ซึ่ง ที่ผ่านมาเนี่ยมันมีคนขอ PPA แต่ไม่ขึ้น เพราะฉะนั้นการที่กหนดแบบนี้ส่งผลดีต่อเรามาก และเราก็อยู่ตรงที่เค้าจะสนับสนุนด้วยตรงภาคใต้พูดเล่นๆ เหมือนร่างมาให้เราโดยเฉพาะ  

Q : การคิดค่าไฟ ระบบใหม่กับเก่าเป็นอย่างไร
    คิดรูปแบบเดิมที่มี Adder ราว 3.2-3.4 บาท แต่การคำนวนรูปแบบ FiT จะมีราคารับซื้ออยู่ที่เฉลี่ย 4.2 บาท แต่ก็ต้องดูว่าเราจะปรับเป็นระบบใหม่ได้ทั้งหมดหรือเปล่า 

Q : เชื้อเพลิงที่ใช้ในการทำชีวมวลเป็นอะไรบ้าง

    คือทางใต้ เป็น ไม้..... ไม้ยางและก็ปาล์ม  ถ้าภาคกลางของเราจะเป็นมะพร้าว  ทางนครสวรรค์ก็จะเป็นแกลบ  คือทางใต้ที่เราบุกเพราะมีเชื่อเพลิงเยอะมาก

Q : การเข้าตลาดฯ เนี่ย ราคาคูณกับจำนวนหุ้นแล้ว มาร์เกตแคปเราใหญ่กว่าตัวแม่อีก ดูไม่ผิดปกติหรอ
    ก็ไม่นะก็กลายเป็นว่าเหมือนว่าธุรกิจแม่เองถ้ามองถาพว่าแม่ไปลงเงินเท่าไหร่ ถึงได้ ยิ่งลูกโตแม่ก็ได้อานิสงค์ อาจต้องมาดูละว่าราคาแม่ถูกไปไหน(หัวเราะ)

Q : ผลประกอบการที่ผ่านมา


    ผลประกอบการที่ผ่านมา ณ สิ้นปี 2556 มีรายได้รวมอยู่ที่ 196.67 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 23.93 ล้านบาท และในปี 2557 รอบ 9 เดือนที่ผ่านมาปรากฏว่าสามารถสร้างรายได้รวมถึง 193.10 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิมากถึง 40.14 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ากำไรสุทธิของปี 2556 ตลอดทั้งปี


Q:เปิดมุมมองฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH)

        นางสาวอนงค์ ยุวะหงษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) เปิดเผยว่า การเปิดให้ประชาชนจองซื้อหุ้นไอพีโอของ TPCH เป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 89,450,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็น 22.36% ของทุนชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายครั้งนี้ ในราคา 12.75 บาทต่อหุ้น ปรากฏว่านักลงทุนให้ความสนใจหุ้น TPCH อย่างล้นหลามเกินกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรและจองซื้อหมดทั้งจำนวนที่เสนอขาย โดย TPCH จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ในวันที่ 8 มกราคม 2558 เป็นหุ้นตัวแรกของปี


Q: กระแสการตอบรับช่วงเสนอขายหุ้นเป็นอย่างไรบ้าง

               นักลงทุนให้การตอบรับหุ้น TPCH อย่างอบอุ่นและน่าประทับใจ โดยมีความต้องการจองซื้อหุ้นไอพีโอเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจที่นักลงทุนมีต่อหุ้น TPCH เพราะเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีเยี่ยม ฐานะทางการเงินมีความแข็งแกร่ง มีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพ เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง พร้อมที่จะลุยงานอย่างเต็มศักยภาพ และเชื่อว่าเมื่อหุ้น TPCH เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ วันที่ 8 มกราคม ปีหน้า จะได้รับการตอบรับที่ดี ซื้อขายอย่างคึกคักและไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวังเช่นกัน

Q:ธุรกิจน่าสนใจตรงไหนบ้าง


                TPCH ดำเนินผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิตแล้ว 9.9 เมกกะวัตต์ จากโครงการโรงไฟฟ้าช้างแรก ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 73.12 โดยบริษัทคาดว่าทั้งปี 2557 โครงการโรงไฟฟ้าช้างแรกจะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าจำนวนประมาณ 70-75 ล้านหน่วย มีรายได้จากการขายไฟฟ้าเป็นไปตามเป้าหมายที่ประมาณ 240-260 ล้านบาท และในอนาคตอันใกล้นี้คือภายในปี 2560 กลุ่มบริษัทมีแผนงานเพิ่มกำลังการผลิตเป็นประมาณ 100 เมกกะวัตต์ หรือ 3 ปี จะมีกำลังการผลิตโตประมาณ 10 เท่า ซึ่งถือเป็นจุดที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะนั่นหมายถึงอัตราการเติบโตที่โดดเด่นและแข็งแกร่ง จึงถือเป็นอีกหลักทรัพย์หนึ่งที่มีปัจจัยพื้นฐานดีที่นักลงทุนให้ความสนใจ อย่างมาก




---จบ---
   


By:เกศรินทร์ สำแดงภัย/ ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์ เรียบเรียง

    

 


บทความล่าสุด

ไต่เส้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองดูหุ้นไทยไต่เส้น แถว 1370 +/- แบบพยาบามฝ่าด่าน 1380 จุด โดยเช้านี้ พี่ DELTA..

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้