Today’s NEWS FEED

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

EARTH : เสน่ห์เหลือร้าย “ขจรพงศ์ คำดี”

7,857

 

 

 

 

 

 

***แผนธุรกิจของ  EARTH ปีหน้า***

                 บริษัทฯ มี Mission  เผื่อไว้แล้ว 5  ปี  เริ่มตั้งแต่ปี 2555  คือเราจะต้องมี 5 ปี ให้ครบ 5  เหมือง  แล้วก็ต้องขยายตลาดรีเทล ให้ครบ 5 ประเทศ  ขณะนี้เราก็กำลังเดินไปตามแผน  เรื่องดีลเหมืองที่พม่าจบแล้ว ส่วนที่อินโดนีเซียปีนี้ก็คาดว่าจะเข้าบอร์ดได้   ซึ่งเราได้ดีลเผื่อไว้เรียบร้อยแล้วด้วยที่อินโดนีเซีย  ฝั่งรีเทลตอนนี้ที่เมืองไทยบริษัทขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แล้ว  แล้วก็เตรียมที่จะบุกที่เขมรกับจีนด้วย   แต่ภายใน 5 ปีนี้เราจะให้ครบ 5 ประเทศ  นี่ก็คือในส่วนของ  Misson ที่วางไว้

                สำหรับเฉพาะปี 2557   บริษัทฯ วางแผนว่าจะ Growth ในส่วนของปริมาณขายถ่านหินที่ 11  ล้านตัน จากปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ 8 ล้านตัน  แต่ตัวเลขที่เป็นทางการว่า 11  ล้านตันจะโตเป็นเม็ดเงินเท่าไหร่ เดี่ยวเดือนธันวาคมคาดว่าจะเสร็จ  ซึ่งพอเราทำแผนเสร็จแล้วจะค่อยแจ้งให้ทราบว่าผลประกอบการของเราจะเติบโตเป็นกี่ล้านบาท  

                ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ตั้งทีมศึกษาทำโรงไฟฟ้า เบื้องต้นอาจจะเป็นพลังงานจากถ่านหิน  แล้วก็พลังงานขยะ   ซึ่งเราได้เปิดบริษัทลูก ชื่อ  บริษัท เอิร์ธ พาวเวอร์ แพลนท์ส จำกัด  ขณะที่เราเริ่มศึกษาที่ลาว เขมร และที่อินโดนีเซีย ซึ่งเราออกสตาร์ทไป 2 ตัวแล้วที่คือลาวแล้วก็เขมร ล่าสุดผมพึ่งเดินทางกลับจากเขมร

 

                " 11  ล้านตันที่เราจะ Growth ปีหน้า ส่วนหลังจาก5  ปีไป  EARTH  จะต้องสร้างความมั่นคงเรื่องดีมานด์ ส่วนหนึ่งจะนำมาใช้เอง นั่นคือการที่เราจะมีโรงไฟฟ้าเป็นของเราเอง หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในการถือหุ้นโรงไฟฟ้า ขณะนี้เราตั้งบริษัทฯ ลูกแล้ว  ชื่อ  บริษัท เอิร์ธ พาวเวอร์ แพลนท์ส จำกัด  แล้วก็เริ่มทำการศึกษา แต่งตั้งทีมงานตอนนี้ก็ศึกษาที่เขมรกับลาวก่อน ผมก็เดินทางไปๆ มาๆ  ซึ่งตอนนี้ก็มีทีมงานเราอยู่ที่นั่น" นาย ขจรพงศ์ กล่าว

 

***จะได้เห็นโรงไฟฟ้าของ  EARTH  เมื่อไหร่***

 

                โรงไฟฟ้าที่เราศึกษาคิดว่าปีหน้าก็น่าจะเสร็จ พอเสร็จก็จะพิจารณาว่าระหว่างลาว เขมร และอินโดนีเซีย เราจะเริ่ม Apply ไลเซ่นที่ไหนก่อน ตอนนี้เราก็ต้องไปคุยกับทางรัฐบาลโดยที่เขมรตอนนี้ก็เริ่มๆ คุยแล้ว ผมก็เพิ่งไปพบท่านรัฐมนตรี เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ตรงนี้บริษัทฯ ไดเข้าไปคุยมาเรียบร้อยแล้ว

 

 

***โครงสร้างโรงไฟฟ้าของ  EARTH  เป็นอย่างไร และจะส่งผลต่อโครงสร้างรายได้ให้บริษัทฯ  อย่างชัดเจนเมื่อไหร่***

 

                สัดส่วนก็คือหลังจากที่โรงไฟฟ้าขึ้น บริษัทฯ คาดว่าในช่วง 5  ปีจะมีเรือง Suply ก็คือเน้นไปที่หาเหมืองแล้วก็ขายไปที่เอ็นยูสเซอร์ ,    ผู้ประกอบการรายใหญ่  (wholesale)     แล้วก็ขายรีเทลให้ครบ  5  ประเทศ พอหลังจากครบ 5  ปีแล้วเรื่อง Suply  บริษัทฯ มีความแน่นอนแล้ว เราก็จะมาบริหารในเรื่องของดีมานด์ ก็คืออยากจะขายถ่านหินจากเหมืองของ  EARTH  ประมาณครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งจะขายให้กับโรงไฟฟ้าในกลุ่มที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ ซึ่งตรงนี้  EARTH  ยังสัดส่วนการถือหุ้น  100%  อยู่อีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นการคอนโซล มาจากโรงไฟฟ้าซึ่งโรงไฟฟ้านี้ EARTH  คงไม่ได้ถือหุ้น 100%  โดยจะแบ่งสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 3  ส่วน  คือ EARTH  2.พันธมิตรที่เป็นท้องถิ่น 3. คือเจ้าของเทคโนโลยี ซึ่งบริษัทฯ อาจจะเลือกพันธมิตรที่เป็นลูกค้าของบริษัทฯ อยู่แล้วในจีน ดังนั้นบริษัท เอิร์ธ พาวเวอร์ แพลนท์ส จำกัด  เราอาจจะถือหุ้นเกินครึ่ง แต่อาจจะเป็นหุ้นใหญ่

 

                ตรงนี้เราก็ได้แจ้งให้นักลงทุนต่างประเทศทราบหมดแล้ว ว่าบริษัทฯ จะมีเหมืองที่มีปริมาณสำรองที่ละ  40  ล้านตัน เพราะว่ากำลังการผลิตของเราจะขุดได้ราว  4   ล้านตันต่อไป ฉะนั้น  10 ปีก็จะหมด แต่ถ้าเราอยากจะให้ขุดให้หมดภายใน 10  ปี   เพราะว่าจากความเห็นของที่ปรึกษาทางกฎหมายบอกว่าบริษัทฯ เราสามารถถือหุ้นเราได้  100%  แต่พอครบ  10  ปีจะถือได้ไม่เกิน  49%  ซึ่งถ้าเราสามารถ ซึ่งเรื่องคอนโทรลโหวตก็จะมีปัญหา เป็นจุดที่เราต้องป้องกันความเสี่ยง ขณะที่ถ้าบริษัทฯ ทำได้ครบ  5  ปี  เมื่อไหร่ เอา 40  ล้านตันคูณห้า ก็จะอยู่ที่ประมาณ  200 ล้านตัน  ถ้าคิดที่ราคาถ่านหินปัจจุบันต้นทุนหน้าเหมืองอยู่ที่ 1  พันบาท   200  ล้านตันก็คือมูลค่า Stock ถ่านหินที่อยู่ในดินของบริษัทฯ ประมาณ  2  แสนล้านบาท

 

***ปัจจุบัน  STOCK  ถ่านหินถ้ารวมเหมืองทุกเหมืองมีอยู่เท่าไหร่***

 

                ตอนนี้ปริมาณสำรองเหมืองที่บริษัทฯ มีอยู่ในปัจจุบันจะเหลือไม่ถึง  4  ล้านตันปีหน้าก็จะหมด ส่วนเหมืองที่ประเทศพม่า  40  ล้านตันบริษัทฯ ยังขุดไม่เยอะก็ถือว่ายังอยู่ครบ และเหมืองที่อินโดนีเซียที่เราจะเข้าบอร์ดฯ เร็วๆ  นี้อีก  40  ล้านตัน  รวมแล้วก็ประมาณ  80  ล้านตัน ซึ่ง  80  ล้านตันถ้าบริษัทฯ ขายเท่ากับปีปัจจุบันที่ปีละ  8   ล้านตัน  ก็จะขายได้ 10  ปีสบาย แต่ผมคิดว่าบริษัทฯ จะต้อง  Growth  ต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงต้องหา Suply  เพิ่ม ซึ่ง Paek  สุดอยากจะขายให้ได้ปีละ  20  ล้านตัน  จาก 5  เหมือง เหมืองละ  4  ล้านตัน  พอถึงปีที่ 5  ปีโครงสร้างการรับรู้รายได้ของบริษัทฯ  จากวันนี้ถึงปีที่  5  ส่วนหนึ่งมาจากเหมืองของ EARTH  อีกส่วนหนึ่งมาจากการเทรดดิ้งแต่พอครบ 5  ปีในปี  2560 ขึ้นไป   ปริมาณถ่านหิน  20  ล้านตันจะออกจากเหมืองเรา 100%  เราก็จะเปลี่ยนการรับรู้รายได้จากเหมืองเท่าไหร่ และเทรดดิ้งเท่าไหร่ เป็นขายเท่าไหร่ และใช้เองเท่าไหร่ ใช้เองก็คือโรงไฟฟ้าในเครือของเรา ซึ่งจะช่วยเพิ่มการรับรู้รายได้ประมาณ  50 %  เพราะฉะนั้น เรื่อง  Suply  ของเราที่ 20%  ครึ่งหนึ่งจะรับรู้รายได้จากการขายให้รัฐบาล อีก  20%  ก็จะวิ่งไปตามกลไกตลาด

 

                " เราวาง Misson  ไว้  5  ปี แต่  ปริมาณสำรอง (Reserve)   ต้องยืนอยู่ได้ 10  ปี  เพราะว่าการที่เราไปพบนักลงทุนเราจะอธิบายให้เขาฟัง เรื่องการถือหุ้นให้ถือในระยะยาว สบายใจได้ว่าธุรกิจ  EARTH  มีปริมาณเพียงพอไปถึง  10  ปี  มีการรับรู้รายได้ที่แน่นนอน แล้วราคาถ่านหินวิ่งขึ้น วันนี้ถ้าบริษัทฯ ซื้อในราคาต้นทุนขนาดนี้ ก็จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ดีขึ้น"   นายขจรพงศ์  กล่าว

 

 

***ประเมินราคาถ่านหินปีหน้าจะอยู่ที่เท่าไหร่ ***

 

                ตอนนี้ EARTH  ขายถ่านหินทั้ง  3  คุณภาพราคาเฉลี่ยของทั้ง  3  คุณภาพอยู่ที่ประมาณ  60-65  เหรียญ/ตันปีหน้าคาดว่าจะขยับไปที่  70-80  เหรียญต่อตัน  คิดว่าปรับขึ้นประมาณ  10  เหรียญต่อตัน ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ราคาถ่านต่ำสุดก็สังเกตจากผลประกอบการไตรมาสนี้  ธุรกิจถ่านหินทุกบริษัทฯก็ชะลอเหมือนกันหมด  ใครบริหารจัดการOverhead  ได้ดีกว่าผลประกอบการก็จะออกมาดูดี แต่ถ้าต้นทุนทุกบริษัทฯ ใกล้เคียงกันราคาขายก็จะลดลงหมดฉะนั้นต้องดูที่Overhead

 

 

***งบรวมในไตรมาส3/56  EARTH  มีกำไรลดลง แต่งบเดี่ยวดีขึ้น ***

 

                งบเดี่ยวโตขึ้นเพราะว่าในประเทศบริษัทฯ ขายรีเทล ในประเทศทำให้ตัวกำไรที่มีมูลค่าสูงอยู่ในงบเดี่ยว แต่เวลางบรวมบริษัทฯ  ขาย  wholesale  ต่างประเทศด้วย บริษัทฯ จะใช้บริษัทฯ ลูกที่มีสัญญาเดิมอยู่เวลางบรวมบริษัทฯ จะเอามาทั้งหมด งบรวมกำไรจึงลดลง  ขณะที่ราคาถ่านหินต่างประเทศจะตกแรงกว่า   9  เดือนกำไรเราลง แต่ก็ลงในสภาวะที่บริษัทฯ รับได้ เพราะรู้ว่าราคาถ่านหินจะลงบริษัทฯ ก็ได้มีการควบคุมเรื่องค่าใช้จ่ายการผลิต  ( Overhead)   ตั้งแต่รู้ว่าราคาถ่านหินมีแนวโน้มจะลง ตั้งแต่มีเรื่องของ  ก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน  (Shale Gas)   และ จีนพยายามปรับลดราคา  ขณะที่อินโดนีเซีย พยายามปรับขึ้นภาษี  บริษัทฯ ก็หันไปลดเรื่อง  Overhead  เพราะว่าปีนี้บริษัทฯ ไม่ได้มีการลงทุนอะไร

 

 

***ปีหน้าจะมีงบประมาณการลงทุนหรือไม่****

 

                ปีหน้างบประมาณการลงทุนของบริษัทฯ ก็คือลง Infrastructure ของเหมือง ที่อินโดนีเซียเท่านั้น  เพราะว่าเหมืองที่พม่าบริษัทฯ ใช้วิธีการจ้างงานในรูปแบบของการจ้างเหมา  (Outsource)   ที่อินโดนีเซียเหมืองปัจจุบันก็Outsource  เหมืองใหม่บริษัทฯ จะมีการลง Infrastructure บางส่วนและ Outsource   อีกบางส่วน  โดย Outsource มองว่าเริ่มต้น  70 %  แล้วจะลงเอง  30%   จากนั้นจะค่อยๆ เพิ่ม เพราะ Outsource ข้อดีคือเร็ว และไม่ต้องลงเงินสด ส่วนข้อเสียคือต้นทุนจะสูงกว่าลง Fixed Assets  (สินทรัพย์ที่มีตัวตนและมีอายุการใช้งานเกิน 1 ปี) ก็จะถูกกว่า แต่ในช่วงที่ถ่านหินลงเหมือนช่วงที่ผ่านมาของเราก็ไม่ต้องจ่าย แต่ต้องมีเรื่องค่าเสื่อมราคา แต่บริษัทฯ จะไม่ต้องดูแลตรงนั้น 

 

***เหมืองที่อินโดฯ  ปริมาณ  40  ล้านตันที่ล่าช้าเพราะอะไร ***

 

                เพราะการเจาะสำรวจปริมาณคุณภาพถ่านหิน  ประกอบกับปีนี้ฝนตกหนักในรอบ  5  ปีทำให้การเข้าไปสำรวจไม่ต่อเนื่อง  และบริษัทที่เราไปดีลด้วยเขามีเหมืองหลายแปลงเราก็พยามไปเจาะหลายๆ แปลง เพื่อเลือกแปลงที่จะทำให้บริษัทฯ เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งใกล้เคียงกับปริมาณที่อยากได้คือ30-40 ล้านตัน  เพราถ้ามีจำนวนมากกว่านี้จะต้องมีการแบ่งโฉนดซึ่งเป็นเรื่องที่วุ่นวาย ถ้าน้อยไปก็จะไม่คุ้มค้าและเราพยามเลือกแปลงที่ใกล้แม่น้ำและใกล้ทะเล เพราะสะดวกต่อการขนส่ง

 

 

***ความคืบหน้าโรงไฟฟ้าที่พม่า ขนาด  600  MW ***

                ที่พม่าบริษัทฯ ไม่ได้มีโครงการที่จะขึ้นโรงไฟฟ้า แต่เรามีโครงการที่จะ Suply  ถ่านหินทั้งหมดที่จะขึ้นในพม่า ตรงนี้ก็เป็นขบวนการที่กลุ่มซัมซุงจากเกาหลีที่ขอไลเซ่นในพม่า ผมคิอว่าปีหน้าไลเซ่นน่าจะจบพบจบก็จะต้องก่อสร้างโรงไฟฟ้าไม่เกิน 3 ปี  หลังจากนั้นเขาจะให้บริษัทฯ ส่งถ่านหิน แต่ตอนนี้บริษัทฯ ยังไม่ได้เข้าไปดีล เพราะว่ายังไม่ดันเรื่องไล่เซ่น  ผมคิดว่าบริษัทฯ มีโอกาสได้เปรียบอยู่แล้ว โรงไฟฟ้าในทวาย ตรงนี้ผมคิดว่าเป็นโอกาสของ  EARTH    เราก็รอให้เขาจบไลเซ่นก่อน  

 

***หลังจากเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นแฟรงค์เฟิร์ตเป็นอย่างไรบ้าง***

               

                ล่าสุดผมไปเมื่อวันที่ 29 ก.ย. -3  ต.ค. 56ที่ผ่านมา  ก็มีนักลงทุนสนใจ แล้วสังเกตว่านักลงทุนเขาจะมาซื้อที่กระดานในเมืองไทยมากกว่า  สังเกตจากวอลุ่มแล้วผมก็ไปเช็คดูในรายละเอียดจะมาจากทางฝั่งยุโรปเยอะ เขาเทรดที่แฟรงค์เฟิร์ตน้อย แต่วอลุ่มมาเกิดที่เมืองไทย อันนี้เป็นเพราะเขาอาจจะมีตัวแทนอยู่เมืองไทย ฮ่องกง  เพราะว่าเขาลงฝั่งนอกประเทศ  และก็อาจจะซื้อมาทาง  NVDR   ซึ่งน่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ   ซึ่งกองทุนที่ติดต่อเข้ามาที่อยากจะขอซื้อจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งเคยมีการเจรจาอยู่ครั้งหนึ่ง แต่ช่วงนั้นมีเรื่อง QE   แล้วหุ้น EARTH  ก็ลง เลยชะลอตรงนี้ไว้ก่อน ตอนนี้บริษัทฯ ก็ได้ เล่าถึงโปรเจกต์ของบริษัทฯ  ว่าเหมืองก็ดีลไกล้จบแล้ว  โรงไฟฟ้าเราก็เริ่มออกสตารท์แล้ว  แล้วที่อินโดฯ เข้าให้ความสำคัญมากจากการที่บริษัทฯ เราจะพยายามไม่ขนถ่านออกจากเหมือง  จะเอาโรงไฟฟ้าไปตั้งไว้ตรงปากเหมือง แล้วก็ขุดและเผาตรงนั้นเลย ไฟก็ขายให้กับรัฐบาล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษากับทางที่ปรึกษาเรา  ตรงนี้ถ้าศึกษาเสร็จแล้ว ก็จะ Apply  ไลเซ่น ก็น่าจะใช้เวลาสักปี 58 ก็น่าจะเห็น ตรงนี้บริษัทฯ มีพันธมิตรท้องถิ่นเข้ามาช่วยทีมที่ปรึกษาเราด้วย

 

***นอกจากเหมืองที่กำลังจะเกิดขึ้น จะมีเหมืองใหม่เกิดขึ้นอีกมั้ย***

 

                อย่างที่บอกว่าบริษัทฯ ดีลไว้หมดแล้ว 200 ล้านตัน  เราดีลไว้เรียบร้อยหมด แต่การที่บริษัทฯ จะซื้อทีเดียวก็จะไม่ไหว ขณะที่บริษัทฯ กำลังอยู่ในช่วงการเติบโต ตามที่ผมบอกไปว่าหลังจากเพิ่มทุนรอบนี้แล้วเราไม่อยากเพิ่มทุนอีก เพราะว่าจะมีทั้งวอแรนต์ ผมอยากให้ผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นเราแล้วแฮปปี้  บริษัทฯ จึงพยายามรักษา   Dilution Effect  ไม่ให้เกิดกับผู้ถือหุ้น หรือถ้าจำเป็นก็ต้องให้น้อยที่สุด

 

***แสดงว่าเหมืองใหม่จะไม่ใช้การออกเป็นวอแรนต์ 5  จะใช้เงิดสด***

 

                ก็น่าจะใช้เงินสดและก็เงินกู้คงทั้ง2 ส่วนเพราะเงินกู้ก็ต้องดูเรื่อง  D/E  ถ้าเงินสดก็ต้องดูเรื่องกำไรในแต่ละปีด้วย  ดังนั้นบริษัทฯ  ต้องรักษาทั้ง  D/E  และกำไร ก็เลยค่อยๆ ทำไปทีละปี  เพราะเราไม่อยากให้D/E  สูง 

 

***ตอนนี้ D/E  อยู่ที่เท่าไหร่

 

                D/E  อยู่ที่ 2.07  เท่า ถ้าเทียบกับธุรกิจถ่านหินด้วยกันยกตัวอย่างเช่น  BANPU  อยู่ที่   D/E จะอยู่ที่ประมาณ 2 เท่า  แต่ของเราจะมีความแตกต่างว่า Debt ทั้งหมดที่เกิดขึ้นบริษัทฯ  มี long-term แค่ 20 ล้านบาท ซึ่งเกือบจะหมดแล้ว ประมาณ 6,000  กว่าล้านเป็นหนี้สินหมุนเวียนทั้งหมด การแพคกิ้งเครดิต นำ  LC  ที่ได้จากลูกค้าไปแพ็คเป็นเงินสดมา แล้วก็ไปหมุนเวียนขุดถ่านหิน แล้วก็กลายเป็น Stock  แล้วก็เป็นเงินสดที่หมุนเวียน ดังนั้นหนี้สินทั้งหมดเป็นหนี้สินระยะสั้น D/E  เราถือว่าต่ำมาก 

 

***หมอยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม  เข้ามาถือหุ้น  EARTH   มองยังไง ***

                จริงๆ เราก็ต้อนรับทุกคน นักลงทุนที่มาถือ ถ้ามีโอกาสนั่งคุยกันผมก็จะเล่า Misson ให้ฟังและก็อยากให้ถือในระยะยาว  บริษัทฯ ก็อยากให้ถือและฟังการทำธุรกิจจากเรา

 

***ปีหน้าจะเข้า  SET  100  เลยหรือไม่ ***

                การย้ายจากตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai)   เข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)  ปีหน้าบริษัทฯ คงต้องเป็นหารือกับผู้ใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ก่อน  ซึ่งเท่าที่ผมดู เราอยู่ในเกณฑ์ที่เขาที่เขา SET  100  ได้อยู่แล้ว จริง ๆ บริษัทฯ ก็อยากมีของขวัญปีใหม่ให้ผู้ถือหุ้นนะแต่ขอเข้าไปหารือกันก่อน

 

---จบ---

 

               

 

 

 

 

 

 

 

 

  

 

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้