Today’s NEWS FEED

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

EARTH : เสน่ห์เหลือร้าย “ขจรพงศ์ คำดี”

6,807

 

 

 

 

 

 

***แผนธุรกิจของ  EARTH ปีหน้า***

                 บริษัทฯ มี Mission  เผื่อไว้แล้ว 5  ปี  เริ่มตั้งแต่ปี 2555  คือเราจะต้องมี 5 ปี ให้ครบ 5  เหมือง  แล้วก็ต้องขยายตลาดรีเทล ให้ครบ 5 ประเทศ  ขณะนี้เราก็กำลังเดินไปตามแผน  เรื่องดีลเหมืองที่พม่าจบแล้ว ส่วนที่อินโดนีเซียปีนี้ก็คาดว่าจะเข้าบอร์ดได้   ซึ่งเราได้ดีลเผื่อไว้เรียบร้อยแล้วด้วยที่อินโดนีเซีย  ฝั่งรีเทลตอนนี้ที่เมืองไทยบริษัทขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แล้ว  แล้วก็เตรียมที่จะบุกที่เขมรกับจีนด้วย   แต่ภายใน 5 ปีนี้เราจะให้ครบ 5 ประเทศ  นี่ก็คือในส่วนของ  Misson ที่วางไว้

                สำหรับเฉพาะปี 2557   บริษัทฯ วางแผนว่าจะ Growth ในส่วนของปริมาณขายถ่านหินที่ 11  ล้านตัน จากปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ 8 ล้านตัน  แต่ตัวเลขที่เป็นทางการว่า 11  ล้านตันจะโตเป็นเม็ดเงินเท่าไหร่ เดี่ยวเดือนธันวาคมคาดว่าจะเสร็จ  ซึ่งพอเราทำแผนเสร็จแล้วจะค่อยแจ้งให้ทราบว่าผลประกอบการของเราจะเติบโตเป็นกี่ล้านบาท  

                ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ตั้งทีมศึกษาทำโรงไฟฟ้า เบื้องต้นอาจจะเป็นพลังงานจากถ่านหิน  แล้วก็พลังงานขยะ   ซึ่งเราได้เปิดบริษัทลูก ชื่อ  บริษัท เอิร์ธ พาวเวอร์ แพลนท์ส จำกัด  ขณะที่เราเริ่มศึกษาที่ลาว เขมร และที่อินโดนีเซีย ซึ่งเราออกสตาร์ทไป 2 ตัวแล้วที่คือลาวแล้วก็เขมร ล่าสุดผมพึ่งเดินทางกลับจากเขมร

 

                " 11  ล้านตันที่เราจะ Growth ปีหน้า ส่วนหลังจาก5  ปีไป  EARTH  จะต้องสร้างความมั่นคงเรื่องดีมานด์ ส่วนหนึ่งจะนำมาใช้เอง นั่นคือการที่เราจะมีโรงไฟฟ้าเป็นของเราเอง หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในการถือหุ้นโรงไฟฟ้า ขณะนี้เราตั้งบริษัทฯ ลูกแล้ว  ชื่อ  บริษัท เอิร์ธ พาวเวอร์ แพลนท์ส จำกัด  แล้วก็เริ่มทำการศึกษา แต่งตั้งทีมงานตอนนี้ก็ศึกษาที่เขมรกับลาวก่อน ผมก็เดินทางไปๆ มาๆ  ซึ่งตอนนี้ก็มีทีมงานเราอยู่ที่นั่น" นาย ขจรพงศ์ กล่าว

 

***จะได้เห็นโรงไฟฟ้าของ  EARTH  เมื่อไหร่***

 

                โรงไฟฟ้าที่เราศึกษาคิดว่าปีหน้าก็น่าจะเสร็จ พอเสร็จก็จะพิจารณาว่าระหว่างลาว เขมร และอินโดนีเซีย เราจะเริ่ม Apply ไลเซ่นที่ไหนก่อน ตอนนี้เราก็ต้องไปคุยกับทางรัฐบาลโดยที่เขมรตอนนี้ก็เริ่มๆ คุยแล้ว ผมก็เพิ่งไปพบท่านรัฐมนตรี เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ตรงนี้บริษัทฯ ไดเข้าไปคุยมาเรียบร้อยแล้ว

 

 

***โครงสร้างโรงไฟฟ้าของ  EARTH  เป็นอย่างไร และจะส่งผลต่อโครงสร้างรายได้ให้บริษัทฯ  อย่างชัดเจนเมื่อไหร่***

 

                สัดส่วนก็คือหลังจากที่โรงไฟฟ้าขึ้น บริษัทฯ คาดว่าในช่วง 5  ปีจะมีเรือง Suply ก็คือเน้นไปที่หาเหมืองแล้วก็ขายไปที่เอ็นยูสเซอร์ ,    ผู้ประกอบการรายใหญ่  (wholesale)     แล้วก็ขายรีเทลให้ครบ  5  ประเทศ พอหลังจากครบ 5  ปีแล้วเรื่อง Suply  บริษัทฯ มีความแน่นอนแล้ว เราก็จะมาบริหารในเรื่องของดีมานด์ ก็คืออยากจะขายถ่านหินจากเหมืองของ  EARTH  ประมาณครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งจะขายให้กับโรงไฟฟ้าในกลุ่มที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ ซึ่งตรงนี้  EARTH  ยังสัดส่วนการถือหุ้น  100%  อยู่อีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นการคอนโซล มาจากโรงไฟฟ้าซึ่งโรงไฟฟ้านี้ EARTH  คงไม่ได้ถือหุ้น 100%  โดยจะแบ่งสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 3  ส่วน  คือ EARTH  2.พันธมิตรที่เป็นท้องถิ่น 3. คือเจ้าของเทคโนโลยี ซึ่งบริษัทฯ อาจจะเลือกพันธมิตรที่เป็นลูกค้าของบริษัทฯ อยู่แล้วในจีน ดังนั้นบริษัท เอิร์ธ พาวเวอร์ แพลนท์ส จำกัด  เราอาจจะถือหุ้นเกินครึ่ง แต่อาจจะเป็นหุ้นใหญ่

 

                ตรงนี้เราก็ได้แจ้งให้นักลงทุนต่างประเทศทราบหมดแล้ว ว่าบริษัทฯ จะมีเหมืองที่มีปริมาณสำรองที่ละ  40  ล้านตัน เพราะว่ากำลังการผลิตของเราจะขุดได้ราว  4   ล้านตันต่อไป ฉะนั้น  10 ปีก็จะหมด แต่ถ้าเราอยากจะให้ขุดให้หมดภายใน 10  ปี   เพราะว่าจากความเห็นของที่ปรึกษาทางกฎหมายบอกว่าบริษัทฯ เราสามารถถือหุ้นเราได้  100%  แต่พอครบ  10  ปีจะถือได้ไม่เกิน  49%  ซึ่งถ้าเราสามารถ ซึ่งเรื่องคอนโทรลโหวตก็จะมีปัญหา เป็นจุดที่เราต้องป้องกันความเสี่ยง ขณะที่ถ้าบริษัทฯ ทำได้ครบ  5  ปี  เมื่อไหร่ เอา 40  ล้านตันคูณห้า ก็จะอยู่ที่ประมาณ  200 ล้านตัน  ถ้าคิดที่ราคาถ่านหินปัจจุบันต้นทุนหน้าเหมืองอยู่ที่ 1  พันบาท   200  ล้านตันก็คือมูลค่า Stock ถ่านหินที่อยู่ในดินของบริษัทฯ ประมาณ  2  แสนล้านบาท

 

***ปัจจุบัน  STOCK  ถ่านหินถ้ารวมเหมืองทุกเหมืองมีอยู่เท่าไหร่***

 

                ตอนนี้ปริมาณสำรองเหมืองที่บริษัทฯ มีอยู่ในปัจจุบันจะเหลือไม่ถึง  4  ล้านตันปีหน้าก็จะหมด ส่วนเหมืองที่ประเทศพม่า  40  ล้านตันบริษัทฯ ยังขุดไม่เยอะก็ถือว่ายังอยู่ครบ และเหมืองที่อินโดนีเซียที่เราจะเข้าบอร์ดฯ เร็วๆ  นี้อีก  40  ล้านตัน  รวมแล้วก็ประมาณ  80  ล้านตัน ซึ่ง  80  ล้านตันถ้าบริษัทฯ ขายเท่ากับปีปัจจุบันที่ปีละ  8   ล้านตัน  ก็จะขายได้ 10  ปีสบาย แต่ผมคิดว่าบริษัทฯ จะต้อง  Growth  ต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงต้องหา Suply  เพิ่ม ซึ่ง Paek  สุดอยากจะขายให้ได้ปีละ  20  ล้านตัน  จาก 5  เหมือง เหมืองละ  4  ล้านตัน  พอถึงปีที่ 5  ปีโครงสร้างการรับรู้รายได้ของบริษัทฯ  จากวันนี้ถึงปีที่  5  ส่วนหนึ่งมาจากเหมืองของ EARTH  อีกส่วนหนึ่งมาจากการเทรดดิ้งแต่พอครบ 5  ปีในปี  2560 ขึ้นไป   ปริมาณถ่านหิน  20  ล้านตันจะออกจากเหมืองเรา 100%  เราก็จะเปลี่ยนการรับรู้รายได้จากเหมืองเท่าไหร่ และเทรดดิ้งเท่าไหร่ เป็นขายเท่าไหร่ และใช้เองเท่าไหร่ ใช้เองก็คือโรงไฟฟ้าในเครือของเรา ซึ่งจะช่วยเพิ่มการรับรู้รายได้ประมาณ  50 %  เพราะฉะนั้น เรื่อง  Suply  ของเราที่ 20%  ครึ่งหนึ่งจะรับรู้รายได้จากการขายให้รัฐบาล อีก  20%  ก็จะวิ่งไปตามกลไกตลาด

 

                " เราวาง Misson  ไว้  5  ปี แต่  ปริมาณสำรอง (Reserve)   ต้องยืนอยู่ได้ 10  ปี  เพราะว่าการที่เราไปพบนักลงทุนเราจะอธิบายให้เขาฟัง เรื่องการถือหุ้นให้ถือในระยะยาว สบายใจได้ว่าธุรกิจ  EARTH  มีปริมาณเพียงพอไปถึง  10  ปี  มีการรับรู้รายได้ที่แน่นนอน แล้วราคาถ่านหินวิ่งขึ้น วันนี้ถ้าบริษัทฯ ซื้อในราคาต้นทุนขนาดนี้ ก็จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ดีขึ้น"   นายขจรพงศ์  กล่าว

 

 

***ประเมินราคาถ่านหินปีหน้าจะอยู่ที่เท่าไหร่ ***

 

                ตอนนี้ EARTH  ขายถ่านหินทั้ง  3  คุณภาพราคาเฉลี่ยของทั้ง  3  คุณภาพอยู่ที่ประมาณ  60-65  เหรียญ/ตันปีหน้าคาดว่าจะขยับไปที่  70-80  เหรียญต่อตัน  คิดว่าปรับขึ้นประมาณ  10  เหรียญต่อตัน ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ราคาถ่านต่ำสุดก็สังเกตจากผลประกอบการไตรมาสนี้  ธุรกิจถ่านหินทุกบริษัทฯก็ชะลอเหมือนกันหมด  ใครบริหารจัดการOverhead  ได้ดีกว่าผลประกอบการก็จะออกมาดูดี แต่ถ้าต้นทุนทุกบริษัทฯ ใกล้เคียงกันราคาขายก็จะลดลงหมดฉะนั้นต้องดูที่Overhead

 

 

***งบรวมในไตรมาส3/56  EARTH  มีกำไรลดลง แต่งบเดี่ยวดีขึ้น ***

 

                งบเดี่ยวโตขึ้นเพราะว่าในประเทศบริษัทฯ ขายรีเทล ในประเทศทำให้ตัวกำไรที่มีมูลค่าสูงอยู่ในงบเดี่ยว แต่เวลางบรวมบริษัทฯ  ขาย  wholesale  ต่างประเทศด้วย บริษัทฯ จะใช้บริษัทฯ ลูกที่มีสัญญาเดิมอยู่เวลางบรวมบริษัทฯ จะเอามาทั้งหมด งบรวมกำไรจึงลดลง  ขณะที่ราคาถ่านหินต่างประเทศจะตกแรงกว่า   9  เดือนกำไรเราลง แต่ก็ลงในสภาวะที่บริษัทฯ รับได้ เพราะรู้ว่าราคาถ่านหินจะลงบริษัทฯ ก็ได้มีการควบคุมเรื่องค่าใช้จ่ายการผลิต  ( Overhead)   ตั้งแต่รู้ว่าราคาถ่านหินมีแนวโน้มจะลง ตั้งแต่มีเรื่องของ  ก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน  (Shale Gas)   และ จีนพยายามปรับลดราคา  ขณะที่อินโดนีเซีย พยายามปรับขึ้นภาษี  บริษัทฯ ก็หันไปลดเรื่อง  Overhead  เพราะว่าปีนี้บริษัทฯ ไม่ได้มีการลงทุนอะไร

 

 

***ปีหน้าจะมีงบประมาณการลงทุนหรือไม่****

 

                ปีหน้างบประมาณการลงทุนของบริษัทฯ ก็คือลง Infrastructure ของเหมือง ที่อินโดนีเซียเท่านั้น  เพราะว่าเหมืองที่พม่าบริษัทฯ ใช้วิธีการจ้างงานในรูปแบบของการจ้างเหมา  (Outsource)   ที่อินโดนีเซียเหมืองปัจจุบันก็Outsource  เหมืองใหม่บริษัทฯ จะมีการลง Infrastructure บางส่วนและ Outsource   อีกบางส่วน  โดย Outsource มองว่าเริ่มต้น  70 %  แล้วจะลงเอง  30%   จากนั้นจะค่อยๆ เพิ่ม เพราะ Outsource ข้อดีคือเร็ว และไม่ต้องลงเงินสด ส่วนข้อเสียคือต้นทุนจะสูงกว่าลง Fixed Assets  (สินทรัพย์ที่มีตัวตนและมีอายุการใช้งานเกิน 1 ปี) ก็จะถูกกว่า แต่ในช่วงที่ถ่านหินลงเหมือนช่วงที่ผ่านมาของเราก็ไม่ต้องจ่าย แต่ต้องมีเรื่องค่าเสื่อมราคา แต่บริษัทฯ จะไม่ต้องดูแลตรงนั้น 

 

***เหมืองที่อินโดฯ  ปริมาณ  40  ล้านตันที่ล่าช้าเพราะอะไร ***

 

                เพราะการเจาะสำรวจปริมาณคุณภาพถ่านหิน  ประกอบกับปีนี้ฝนตกหนักในรอบ  5  ปีทำให้การเข้าไปสำรวจไม่ต่อเนื่อง  และบริษัทที่เราไปดีลด้วยเขามีเหมืองหลายแปลงเราก็พยามไปเจาะหลายๆ แปลง เพื่อเลือกแปลงที่จะทำให้บริษัทฯ เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งใกล้เคียงกับปริมาณที่อยากได้คือ30-40 ล้านตัน  เพราถ้ามีจำนวนมากกว่านี้จะต้องมีการแบ่งโฉนดซึ่งเป็นเรื่องที่วุ่นวาย ถ้าน้อยไปก็จะไม่คุ้มค้าและเราพยามเลือกแปลงที่ใกล้แม่น้ำและใกล้ทะเล เพราะสะดวกต่อการขนส่ง

 

 

***ความคืบหน้าโรงไฟฟ้าที่พม่า ขนาด  600  MW ***

                ที่พม่าบริษัทฯ ไม่ได้มีโครงการที่จะขึ้นโรงไฟฟ้า แต่เรามีโครงการที่จะ Suply  ถ่านหินทั้งหมดที่จะขึ้นในพม่า ตรงนี้ก็เป็นขบวนการที่กลุ่มซัมซุงจากเกาหลีที่ขอไลเซ่นในพม่า ผมคิอว่าปีหน้าไลเซ่นน่าจะจบพบจบก็จะต้องก่อสร้างโรงไฟฟ้าไม่เกิน 3 ปี  หลังจากนั้นเขาจะให้บริษัทฯ ส่งถ่านหิน แต่ตอนนี้บริษัทฯ ยังไม่ได้เข้าไปดีล เพราะว่ายังไม่ดันเรื่องไล่เซ่น  ผมคิดว่าบริษัทฯ มีโอกาสได้เปรียบอยู่แล้ว โรงไฟฟ้าในทวาย ตรงนี้ผมคิดว่าเป็นโอกาสของ  EARTH    เราก็รอให้เขาจบไลเซ่นก่อน  

 

***หลังจากเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นแฟรงค์เฟิร์ตเป็นอย่างไรบ้าง***

               

                ล่าสุดผมไปเมื่อวันที่ 29 ก.ย. -3  ต.ค. 56ที่ผ่านมา  ก็มีนักลงทุนสนใจ แล้วสังเกตว่านักลงทุนเขาจะมาซื้อที่กระดานในเมืองไทยมากกว่า  สังเกตจากวอลุ่มแล้วผมก็ไปเช็คดูในรายละเอียดจะมาจากทางฝั่งยุโรปเยอะ เขาเทรดที่แฟรงค์เฟิร์ตน้อย แต่วอลุ่มมาเกิดที่เมืองไทย อันนี้เป็นเพราะเขาอาจจะมีตัวแทนอยู่เมืองไทย ฮ่องกง  เพราะว่าเขาลงฝั่งนอกประเทศ  และก็อาจจะซื้อมาทาง  NVDR   ซึ่งน่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ   ซึ่งกองทุนที่ติดต่อเข้ามาที่อยากจะขอซื้อจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งเคยมีการเจรจาอยู่ครั้งหนึ่ง แต่ช่วงนั้นมีเรื่อง QE   แล้วหุ้น EARTH  ก็ลง เลยชะลอตรงนี้ไว้ก่อน ตอนนี้บริษัทฯ ก็ได้ เล่าถึงโปรเจกต์ของบริษัทฯ  ว่าเหมืองก็ดีลไกล้จบแล้ว  โรงไฟฟ้าเราก็เริ่มออกสตารท์แล้ว  แล้วที่อินโดฯ เข้าให้ความสำคัญมากจากการที่บริษัทฯ เราจะพยายามไม่ขนถ่านออกจากเหมือง  จะเอาโรงไฟฟ้าไปตั้งไว้ตรงปากเหมือง แล้วก็ขุดและเผาตรงนั้นเลย ไฟก็ขายให้กับรัฐบาล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษากับทางที่ปรึกษาเรา  ตรงนี้ถ้าศึกษาเสร็จแล้ว ก็จะ Apply  ไลเซ่น ก็น่าจะใช้เวลาสักปี 58 ก็น่าจะเห็น ตรงนี้บริษัทฯ มีพันธมิตรท้องถิ่นเข้ามาช่วยทีมที่ปรึกษาเราด้วย

 

***นอกจากเหมืองที่กำลังจะเกิดขึ้น จะมีเหมืองใหม่เกิดขึ้นอีกมั้ย***

 

                อย่างที่บอกว่าบริษัทฯ ดีลไว้หมดแล้ว 200 ล้านตัน  เราดีลไว้เรียบร้อยหมด แต่การที่บริษัทฯ จะซื้อทีเดียวก็จะไม่ไหว ขณะที่บริษัทฯ กำลังอยู่ในช่วงการเติบโต ตามที่ผมบอกไปว่าหลังจากเพิ่มทุนรอบนี้แล้วเราไม่อยากเพิ่มทุนอีก เพราะว่าจะมีทั้งวอแรนต์ ผมอยากให้ผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นเราแล้วแฮปปี้  บริษัทฯ จึงพยายามรักษา   Dilution Effect  ไม่ให้เกิดกับผู้ถือหุ้น หรือถ้าจำเป็นก็ต้องให้น้อยที่สุด

 

***แสดงว่าเหมืองใหม่จะไม่ใช้การออกเป็นวอแรนต์ 5  จะใช้เงิดสด***

 

                ก็น่าจะใช้เงินสดและก็เงินกู้คงทั้ง2 ส่วนเพราะเงินกู้ก็ต้องดูเรื่อง  D/E  ถ้าเงินสดก็ต้องดูเรื่องกำไรในแต่ละปีด้วย  ดังนั้นบริษัทฯ  ต้องรักษาทั้ง  D/E  และกำไร ก็เลยค่อยๆ ทำไปทีละปี  เพราะเราไม่อยากให้D/E  สูง 

 

***ตอนนี้ D/E  อยู่ที่เท่าไหร่

 

                D/E  อยู่ที่ 2.07  เท่า ถ้าเทียบกับธุรกิจถ่านหินด้วยกันยกตัวอย่างเช่น  BANPU  อยู่ที่   D/E จะอยู่ที่ประมาณ 2 เท่า  แต่ของเราจะมีความแตกต่างว่า Debt ทั้งหมดที่เกิดขึ้นบริษัทฯ  มี long-term แค่ 20 ล้านบาท ซึ่งเกือบจะหมดแล้ว ประมาณ 6,000  กว่าล้านเป็นหนี้สินหมุนเวียนทั้งหมด การแพคกิ้งเครดิต นำ  LC  ที่ได้จากลูกค้าไปแพ็คเป็นเงินสดมา แล้วก็ไปหมุนเวียนขุดถ่านหิน แล้วก็กลายเป็น Stock  แล้วก็เป็นเงินสดที่หมุนเวียน ดังนั้นหนี้สินทั้งหมดเป็นหนี้สินระยะสั้น D/E  เราถือว่าต่ำมาก 

 

***หมอยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม  เข้ามาถือหุ้น  EARTH   มองยังไง ***

                จริงๆ เราก็ต้อนรับทุกคน นักลงทุนที่มาถือ ถ้ามีโอกาสนั่งคุยกันผมก็จะเล่า Misson ให้ฟังและก็อยากให้ถือในระยะยาว  บริษัทฯ ก็อยากให้ถือและฟังการทำธุรกิจจากเรา

 

***ปีหน้าจะเข้า  SET  100  เลยหรือไม่ ***

                การย้ายจากตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai)   เข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)  ปีหน้าบริษัทฯ คงต้องเป็นหารือกับผู้ใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ก่อน  ซึ่งเท่าที่ผมดู เราอยู่ในเกณฑ์ที่เขาที่เขา SET  100  ได้อยู่แล้ว จริง ๆ บริษัทฯ ก็อยากมีของขวัญปีใหม่ให้ผู้ถือหุ้นนะแต่ขอเข้าไปหารือกันก่อน

 

---จบ---

 

               

 

 

 

 

 

 

 

 

  

 

บทความล่าสุด

HotNews: MTC กำไร Q1/67 โต 29.8% ดีกว่าโบรกฯคาด ทั้งปีคาดพุ่ง 22%

MTC ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่ไมโครไฟแนนซ์มาตรฐานระดับโลก เน้นจุดแข็งความยั่งยืน.....

ชมงบ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ช่วงนี้ คงต้องรอชมนก ชมไม้ เอ้ย รอชม ผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ของบริษัทจดทะเบียน เริ่มทยอย...

CFARM จับมือ APM UOBKH และ BYD ประเดิมโรดโชว์ให้ข้อมูลนักลงทุน จ.ชลบุรี

CFARM จับมือ APM UOBKH และ BYD ประเดิมโรดโชว์ให้ข้อมูลนักลงทุน จ.ชลบุรี

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้