***แผนธุรกิจของ EARTH ปีหน้า***
บริษัทฯ มี Mission เผื่อไว้แล้ว 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2555 คือเราจะต้องมี 5 ปี ให้ครบ 5 เหมือง แล้วก็ต้องขยายตลาดรีเทล ให้ครบ 5 ประเทศ ขณะนี้เราก็กำลังเดินไปตามแผน เรื่องดีลเหมืองที่พม่าจบแล้ว ส่วนที่อินโดนีเซียปีนี้ก็คาดว่าจะเข้าบอร์ดได้ ซึ่งเราได้ดีลเผื่อไว้เรียบร้อยแล้วด้วยที่อินโดนีเซีย ฝั่งรีเทลตอนนี้ที่เมืองไทยบริษัทขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แล้ว แล้วก็เตรียมที่จะบุกที่เขมรกับจีนด้วย แต่ภายใน 5 ปีนี้เราจะให้ครบ 5 ประเทศ นี่ก็คือในส่วนของ Misson ที่วางไว้
สำหรับเฉพาะปี 2557 บริษัทฯ วางแผนว่าจะ Growth ในส่วนของปริมาณขายถ่านหินที่ 11 ล้านตัน จากปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ 8 ล้านตัน แต่ตัวเลขที่เป็นทางการว่า 11 ล้านตันจะโตเป็นเม็ดเงินเท่าไหร่ เดี่ยวเดือนธันวาคมคาดว่าจะเสร็จ ซึ่งพอเราทำแผนเสร็จแล้วจะค่อยแจ้งให้ทราบว่าผลประกอบการของเราจะเติบโตเป็นกี่ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ตั้งทีมศึกษาทำโรงไฟฟ้า เบื้องต้นอาจจะเป็นพลังงานจากถ่านหิน แล้วก็พลังงานขยะ ซึ่งเราได้เปิดบริษัทลูก ชื่อ บริษัท เอิร์ธ พาวเวอร์ แพลนท์ส จำกัด ขณะที่เราเริ่มศึกษาที่ลาว เขมร และที่อินโดนีเซีย ซึ่งเราออกสตาร์ทไป 2 ตัวแล้วที่คือลาวแล้วก็เขมร ล่าสุดผมพึ่งเดินทางกลับจากเขมร
" 11 ล้านตันที่เราจะ Growth ปีหน้า ส่วนหลังจาก5 ปีไป EARTH จะต้องสร้างความมั่นคงเรื่องดีมานด์ ส่วนหนึ่งจะนำมาใช้เอง นั่นคือการที่เราจะมีโรงไฟฟ้าเป็นของเราเอง หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในการถือหุ้นโรงไฟฟ้า ขณะนี้เราตั้งบริษัทฯ ลูกแล้ว ชื่อ บริษัท เอิร์ธ พาวเวอร์ แพลนท์ส จำกัด แล้วก็เริ่มทำการศึกษา แต่งตั้งทีมงานตอนนี้ก็ศึกษาที่เขมรกับลาวก่อน ผมก็เดินทางไปๆ มาๆ ซึ่งตอนนี้ก็มีทีมงานเราอยู่ที่นั่น" นาย ขจรพงศ์ กล่าว
***จะได้เห็นโรงไฟฟ้าของ EARTH เมื่อไหร่***
โรงไฟฟ้าที่เราศึกษาคิดว่าปีหน้าก็น่าจะเสร็จ พอเสร็จก็จะพิจารณาว่าระหว่างลาว เขมร และอินโดนีเซีย เราจะเริ่ม Apply ไลเซ่นที่ไหนก่อน ตอนนี้เราก็ต้องไปคุยกับทางรัฐบาลโดยที่เขมรตอนนี้ก็เริ่มๆ คุยแล้ว ผมก็เพิ่งไปพบท่านรัฐมนตรี เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ตรงนี้บริษัทฯ ไดเข้าไปคุยมาเรียบร้อยแล้ว
***โครงสร้างโรงไฟฟ้าของ EARTH เป็นอย่างไร และจะส่งผลต่อโครงสร้างรายได้ให้บริษัทฯ อย่างชัดเจนเมื่อไหร่***
สัดส่วนก็คือหลังจากที่โรงไฟฟ้าขึ้น บริษัทฯ คาดว่าในช่วง 5 ปีจะมีเรือง Suply ก็คือเน้นไปที่หาเหมืองแล้วก็ขายไปที่เอ็นยูสเซอร์ , ผู้ประกอบการรายใหญ่ (wholesale) แล้วก็ขายรีเทลให้ครบ 5 ประเทศ พอหลังจากครบ 5 ปีแล้วเรื่อง Suply บริษัทฯ มีความแน่นอนแล้ว เราก็จะมาบริหารในเรื่องของดีมานด์ ก็คืออยากจะขายถ่านหินจากเหมืองของ EARTH ประมาณครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งจะขายให้กับโรงไฟฟ้าในกลุ่มที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ ซึ่งตรงนี้ EARTH ยังสัดส่วนการถือหุ้น 100% อยู่อีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นการคอนโซล มาจากโรงไฟฟ้าซึ่งโรงไฟฟ้านี้ EARTH คงไม่ได้ถือหุ้น 100% โดยจะแบ่งสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 3 ส่วน คือ EARTH 2.พันธมิตรที่เป็นท้องถิ่น 3. คือเจ้าของเทคโนโลยี ซึ่งบริษัทฯ อาจจะเลือกพันธมิตรที่เป็นลูกค้าของบริษัทฯ อยู่แล้วในจีน ดังนั้นบริษัท เอิร์ธ พาวเวอร์ แพลนท์ส จำกัด เราอาจจะถือหุ้นเกินครึ่ง แต่อาจจะเป็นหุ้นใหญ่
ตรงนี้เราก็ได้แจ้งให้นักลงทุนต่างประเทศทราบหมดแล้ว ว่าบริษัทฯ จะมีเหมืองที่มีปริมาณสำรองที่ละ 40 ล้านตัน เพราะว่ากำลังการผลิตของเราจะขุดได้ราว 4 ล้านตันต่อไป ฉะนั้น 10 ปีก็จะหมด แต่ถ้าเราอยากจะให้ขุดให้หมดภายใน 10 ปี เพราะว่าจากความเห็นของที่ปรึกษาทางกฎหมายบอกว่าบริษัทฯ เราสามารถถือหุ้นเราได้ 100% แต่พอครบ 10 ปีจะถือได้ไม่เกิน 49% ซึ่งถ้าเราสามารถ ซึ่งเรื่องคอนโทรลโหวตก็จะมีปัญหา เป็นจุดที่เราต้องป้องกันความเสี่ยง ขณะที่ถ้าบริษัทฯ ทำได้ครบ 5 ปี เมื่อไหร่ เอา 40 ล้านตันคูณห้า ก็จะอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านตัน ถ้าคิดที่ราคาถ่านหินปัจจุบันต้นทุนหน้าเหมืองอยู่ที่ 1 พันบาท 200 ล้านตันก็คือมูลค่า Stock ถ่านหินที่อยู่ในดินของบริษัทฯ ประมาณ 2 แสนล้านบาท
***ปัจจุบัน STOCK ถ่านหินถ้ารวมเหมืองทุกเหมืองมีอยู่เท่าไหร่***
ตอนนี้ปริมาณสำรองเหมืองที่บริษัทฯ มีอยู่ในปัจจุบันจะเหลือไม่ถึง 4 ล้านตันปีหน้าก็จะหมด ส่วนเหมืองที่ประเทศพม่า 40 ล้านตันบริษัทฯ ยังขุดไม่เยอะก็ถือว่ายังอยู่ครบ และเหมืองที่อินโดนีเซียที่เราจะเข้าบอร์ดฯ เร็วๆ นี้อีก 40 ล้านตัน รวมแล้วก็ประมาณ 80 ล้านตัน ซึ่ง 80 ล้านตันถ้าบริษัทฯ ขายเท่ากับปีปัจจุบันที่ปีละ 8 ล้านตัน ก็จะขายได้ 10 ปีสบาย แต่ผมคิดว่าบริษัทฯ จะต้อง Growth ต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงต้องหา Suply เพิ่ม ซึ่ง Paek สุดอยากจะขายให้ได้ปีละ 20 ล้านตัน จาก 5 เหมือง เหมืองละ 4 ล้านตัน พอถึงปีที่ 5 ปีโครงสร้างการรับรู้รายได้ของบริษัทฯ จากวันนี้ถึงปีที่ 5 ส่วนหนึ่งมาจากเหมืองของ EARTH อีกส่วนหนึ่งมาจากการเทรดดิ้งแต่พอครบ 5 ปีในปี 2560 ขึ้นไป ปริมาณถ่านหิน 20 ล้านตันจะออกจากเหมืองเรา 100% เราก็จะเปลี่ยนการรับรู้รายได้จากเหมืองเท่าไหร่ และเทรดดิ้งเท่าไหร่ เป็นขายเท่าไหร่ และใช้เองเท่าไหร่ ใช้เองก็คือโรงไฟฟ้าในเครือของเรา ซึ่งจะช่วยเพิ่มการรับรู้รายได้ประมาณ 50 % เพราะฉะนั้น เรื่อง Suply ของเราที่ 20% ครึ่งหนึ่งจะรับรู้รายได้จากการขายให้รัฐบาล อีก 20% ก็จะวิ่งไปตามกลไกตลาด
" เราวาง Misson ไว้ 5 ปี แต่ ปริมาณสำรอง (Reserve) ต้องยืนอยู่ได้ 10 ปี เพราะว่าการที่เราไปพบนักลงทุนเราจะอธิบายให้เขาฟัง เรื่องการถือหุ้นให้ถือในระยะยาว สบายใจได้ว่าธุรกิจ EARTH มีปริมาณเพียงพอไปถึง 10 ปี มีการรับรู้รายได้ที่แน่นนอน แล้วราคาถ่านหินวิ่งขึ้น วันนี้ถ้าบริษัทฯ ซื้อในราคาต้นทุนขนาดนี้ ก็จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ดีขึ้น" นายขจรพงศ์ กล่าว
***ประเมินราคาถ่านหินปีหน้าจะอยู่ที่เท่าไหร่ ***
ตอนนี้ EARTH ขายถ่านหินทั้ง 3 คุณภาพราคาเฉลี่ยของทั้ง 3 คุณภาพอยู่ที่ประมาณ 60-65 เหรียญ/ตันปีหน้าคาดว่าจะขยับไปที่ 70-80 เหรียญต่อตัน คิดว่าปรับขึ้นประมาณ 10 เหรียญต่อตัน ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ราคาถ่านต่ำสุดก็สังเกตจากผลประกอบการไตรมาสนี้ ธุรกิจถ่านหินทุกบริษัทฯก็ชะลอเหมือนกันหมด ใครบริหารจัดการOverhead ได้ดีกว่าผลประกอบการก็จะออกมาดูดี แต่ถ้าต้นทุนทุกบริษัทฯ ใกล้เคียงกันราคาขายก็จะลดลงหมดฉะนั้นต้องดูที่Overhead
***งบรวมในไตรมาส3/56 EARTH มีกำไรลดลง แต่งบเดี่ยวดีขึ้น ***
งบเดี่ยวโตขึ้นเพราะว่าในประเทศบริษัทฯ ขายรีเทล ในประเทศทำให้ตัวกำไรที่มีมูลค่าสูงอยู่ในงบเดี่ยว แต่เวลางบรวมบริษัทฯ ขาย wholesale ต่างประเทศด้วย บริษัทฯ จะใช้บริษัทฯ ลูกที่มีสัญญาเดิมอยู่เวลางบรวมบริษัทฯ จะเอามาทั้งหมด งบรวมกำไรจึงลดลง ขณะที่ราคาถ่านหินต่างประเทศจะตกแรงกว่า 9 เดือนกำไรเราลง แต่ก็ลงในสภาวะที่บริษัทฯ รับได้ เพราะรู้ว่าราคาถ่านหินจะลงบริษัทฯ ก็ได้มีการควบคุมเรื่องค่าใช้จ่ายการผลิต ( Overhead) ตั้งแต่รู้ว่าราคาถ่านหินมีแนวโน้มจะลง ตั้งแต่มีเรื่องของ ก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน (Shale Gas) และ จีนพยายามปรับลดราคา ขณะที่อินโดนีเซีย พยายามปรับขึ้นภาษี บริษัทฯ ก็หันไปลดเรื่อง Overhead เพราะว่าปีนี้บริษัทฯ ไม่ได้มีการลงทุนอะไร
***ปีหน้าจะมีงบประมาณการลงทุนหรือไม่****
ปีหน้างบประมาณการลงทุนของบริษัทฯ ก็คือลง Infrastructure ของเหมือง ที่อินโดนีเซียเท่านั้น เพราะว่าเหมืองที่พม่าบริษัทฯ ใช้วิธีการจ้างงานในรูปแบบของการจ้างเหมา (Outsource) ที่อินโดนีเซียเหมืองปัจจุบันก็Outsource เหมืองใหม่บริษัทฯ จะมีการลง Infrastructure บางส่วนและ Outsource อีกบางส่วน โดย Outsource มองว่าเริ่มต้น 70 % แล้วจะลงเอง 30% จากนั้นจะค่อยๆ เพิ่ม เพราะ Outsource ข้อดีคือเร็ว และไม่ต้องลงเงินสด ส่วนข้อเสียคือต้นทุนจะสูงกว่าลง Fixed Assets (สินทรัพย์ที่มีตัวตนและมีอายุการใช้งานเกิน 1 ปี) ก็จะถูกกว่า แต่ในช่วงที่ถ่านหินลงเหมือนช่วงที่ผ่านมาของเราก็ไม่ต้องจ่าย แต่ต้องมีเรื่องค่าเสื่อมราคา แต่บริษัทฯ จะไม่ต้องดูแลตรงนั้น
***เหมืองที่อินโดฯ ปริมาณ 40 ล้านตันที่ล่าช้าเพราะอะไร ***
เพราะการเจาะสำรวจปริมาณคุณภาพถ่านหิน ประกอบกับปีนี้ฝนตกหนักในรอบ 5 ปีทำให้การเข้าไปสำรวจไม่ต่อเนื่อง และบริษัทที่เราไปดีลด้วยเขามีเหมืองหลายแปลงเราก็พยามไปเจาะหลายๆ แปลง เพื่อเลือกแปลงที่จะทำให้บริษัทฯ เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งใกล้เคียงกับปริมาณที่อยากได้คือ30-40 ล้านตัน เพราถ้ามีจำนวนมากกว่านี้จะต้องมีการแบ่งโฉนดซึ่งเป็นเรื่องที่วุ่นวาย ถ้าน้อยไปก็จะไม่คุ้มค้าและเราพยามเลือกแปลงที่ใกล้แม่น้ำและใกล้ทะเล เพราะสะดวกต่อการขนส่ง
***ความคืบหน้าโรงไฟฟ้าที่พม่า ขนาด 600 MW ***
ที่พม่าบริษัทฯ ไม่ได้มีโครงการที่จะขึ้นโรงไฟฟ้า แต่เรามีโครงการที่จะ Suply ถ่านหินทั้งหมดที่จะขึ้นในพม่า ตรงนี้ก็เป็นขบวนการที่กลุ่มซัมซุงจากเกาหลีที่ขอไลเซ่นในพม่า ผมคิอว่าปีหน้าไลเซ่นน่าจะจบพบจบก็จะต้องก่อสร้างโรงไฟฟ้าไม่เกิน 3 ปี หลังจากนั้นเขาจะให้บริษัทฯ ส่งถ่านหิน แต่ตอนนี้บริษัทฯ ยังไม่ได้เข้าไปดีล เพราะว่ายังไม่ดันเรื่องไล่เซ่น ผมคิดว่าบริษัทฯ มีโอกาสได้เปรียบอยู่แล้ว โรงไฟฟ้าในทวาย ตรงนี้ผมคิดว่าเป็นโอกาสของ EARTH เราก็รอให้เขาจบไลเซ่นก่อน
***หลังจากเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นแฟรงค์เฟิร์ตเป็นอย่างไรบ้าง***
ล่าสุดผมไปเมื่อวันที่ 29 ก.ย. -3 ต.ค. 56ที่ผ่านมา ก็มีนักลงทุนสนใจ แล้วสังเกตว่านักลงทุนเขาจะมาซื้อที่กระดานในเมืองไทยมากกว่า สังเกตจากวอลุ่มแล้วผมก็ไปเช็คดูในรายละเอียดจะมาจากทางฝั่งยุโรปเยอะ เขาเทรดที่แฟรงค์เฟิร์ตน้อย แต่วอลุ่มมาเกิดที่เมืองไทย อันนี้เป็นเพราะเขาอาจจะมีตัวแทนอยู่เมืองไทย ฮ่องกง เพราะว่าเขาลงฝั่งนอกประเทศ และก็อาจจะซื้อมาทาง NVDR ซึ่งน่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งกองทุนที่ติดต่อเข้ามาที่อยากจะขอซื้อจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งเคยมีการเจรจาอยู่ครั้งหนึ่ง แต่ช่วงนั้นมีเรื่อง QE แล้วหุ้น EARTH ก็ลง เลยชะลอตรงนี้ไว้ก่อน ตอนนี้บริษัทฯ ก็ได้ เล่าถึงโปรเจกต์ของบริษัทฯ ว่าเหมืองก็ดีลไกล้จบแล้ว โรงไฟฟ้าเราก็เริ่มออกสตารท์แล้ว แล้วที่อินโดฯ เข้าให้ความสำคัญมากจากการที่บริษัทฯ เราจะพยายามไม่ขนถ่านออกจากเหมือง จะเอาโรงไฟฟ้าไปตั้งไว้ตรงปากเหมือง แล้วก็ขุดและเผาตรงนั้นเลย ไฟก็ขายให้กับรัฐบาล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษากับทางที่ปรึกษาเรา ตรงนี้ถ้าศึกษาเสร็จแล้ว ก็จะ Apply ไลเซ่น ก็น่าจะใช้เวลาสักปี 58 ก็น่าจะเห็น ตรงนี้บริษัทฯ มีพันธมิตรท้องถิ่นเข้ามาช่วยทีมที่ปรึกษาเราด้วย
***นอกจากเหมืองที่กำลังจะเกิดขึ้น จะมีเหมืองใหม่เกิดขึ้นอีกมั้ย***
อย่างที่บอกว่าบริษัทฯ ดีลไว้หมดแล้ว 200 ล้านตัน เราดีลไว้เรียบร้อยหมด แต่การที่บริษัทฯ จะซื้อทีเดียวก็จะไม่ไหว ขณะที่บริษัทฯ กำลังอยู่ในช่วงการเติบโต ตามที่ผมบอกไปว่าหลังจากเพิ่มทุนรอบนี้แล้วเราไม่อยากเพิ่มทุนอีก เพราะว่าจะมีทั้งวอแรนต์ ผมอยากให้ผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นเราแล้วแฮปปี้ บริษัทฯ จึงพยายามรักษา Dilution Effect ไม่ให้เกิดกับผู้ถือหุ้น หรือถ้าจำเป็นก็ต้องให้น้อยที่สุด
***แสดงว่าเหมืองใหม่จะไม่ใช้การออกเป็นวอแรนต์ 5 จะใช้เงิดสด***
ก็น่าจะใช้เงินสดและก็เงินกู้คงทั้ง2 ส่วนเพราะเงินกู้ก็ต้องดูเรื่อง D/E ถ้าเงินสดก็ต้องดูเรื่องกำไรในแต่ละปีด้วย ดังนั้นบริษัทฯ ต้องรักษาทั้ง D/E และกำไร ก็เลยค่อยๆ ทำไปทีละปี เพราะเราไม่อยากให้D/E สูง
***ตอนนี้ D/E อยู่ที่เท่าไหร่
D/E อยู่ที่ 2.07 เท่า ถ้าเทียบกับธุรกิจถ่านหินด้วยกันยกตัวอย่างเช่น BANPU อยู่ที่ D/E จะอยู่ที่ประมาณ 2 เท่า แต่ของเราจะมีความแตกต่างว่า Debt ทั้งหมดที่เกิดขึ้นบริษัทฯ มี long-term แค่ 20 ล้านบาท ซึ่งเกือบจะหมดแล้ว ประมาณ 6,000 กว่าล้านเป็นหนี้สินหมุนเวียนทั้งหมด การแพคกิ้งเครดิต นำ LC ที่ได้จากลูกค้าไปแพ็คเป็นเงินสดมา แล้วก็ไปหมุนเวียนขุดถ่านหิน แล้วก็กลายเป็น Stock แล้วก็เป็นเงินสดที่หมุนเวียน ดังนั้นหนี้สินทั้งหมดเป็นหนี้สินระยะสั้น D/E เราถือว่าต่ำมาก
***หมอยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม เข้ามาถือหุ้น EARTH มองยังไง ***
จริงๆ เราก็ต้อนรับทุกคน นักลงทุนที่มาถือ ถ้ามีโอกาสนั่งคุยกันผมก็จะเล่า Misson ให้ฟังและก็อยากให้ถือในระยะยาว บริษัทฯ ก็อยากให้ถือและฟังการทำธุรกิจจากเรา
***ปีหน้าจะเข้า SET 100 เลยหรือไม่ ***
การย้ายจากตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) เข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ปีหน้าบริษัทฯ คงต้องเป็นหารือกับผู้ใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ก่อน ซึ่งเท่าที่ผมดู เราอยู่ในเกณฑ์ที่เขาที่เขา SET 100 ได้อยู่แล้ว จริง ๆ บริษัทฯ ก็อยากมีของขวัญปีใหม่ให้ผู้ถือหุ้นนะแต่ขอเข้าไปหารือกันก่อน
---จบ---
แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย สูตรเดิม มักใช้ได้เสมอ ใช้หุ้นDELTA นำ ตามด้วย .....
NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68