สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(19 สิงหาคม 2563)------------นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) ว่า บริษัทฯยืนยันว่าโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างตามแผนอยู่ในขณะนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุน แต่มีแผนศึกษาที่จะออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ(วอร์แรนต์)เพื่อระดมทุน


               ก่อนหน้านี้ SSP มีแผนแจกวอร์แรนต์(SSP-W1)ให้ผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 230.50 ล้านหน่วย แต่เนื่องจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวยและได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้คณะกรรมการบริษัทมีมติยกเลิกการแจกวอร์แรนต์ดังกล่าวออกไปก่อน

               พร้อมมีแผนว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 1 โครงการ และมีโครงการที่เตรียมขอใบอนุญาตซื้อขายไฟฟ้า 1 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 48 เมกะวัตต์ (MW) แบ่งเป็นโครงการที่กำลังก่อสร้าง จำนวน 26MW คาดว่าจะจ่ายไฟเข้าระบบในไตรมาส 3/64 ส่วนโครงการที่กำลังขอใบอนุญาต มีกำลังผลิต 22MW คาดชัดเจนในครึ่งหลังของปีนี้ อีกทั้งบริษัทเตรียมก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 48MW ภายในเดือนสิงหาคมนี้ และคาดจะสามารถจ่ายไฟเข้าระบบได้ในเดือนตุลาคม 64

               สำหรับโครงการในอนาคตที่อยู่ระหว่างการศึกษาในประเทศไทย คือโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งกำลังรอนโยบายที่ชัดเจนจากภาครัฐ สนใจที่จะพัฒนาโรงไฟฟ้าไบโอแมส และโรงไฟฟ้าขยะ ประกอบกับโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เวียดนามแห่งใหม่ กำลังการผลิต 40MW อยู่ระหว่างรอการอนุมัติโครงการจากรัฐบาลเวียดนาม คาดชัดเจนในครึ่งหลังของปีนี้ และจะเริ่มก่อสร้างในปี 64

               ส่วนโครงการที่เมียนมา ได้ร่วมกับพันธมิตรเข้าประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แล้วจำนวน 2-3 โครงการ ไม่เกิน 60MW หลังจากที่เมียนมาได้เปิดประมูลให้พัฒนาโรงไฟฟ้าขนาดกำลังผลิต 1,000MW ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มาเลเซีย บริษัทเตรียมความพร้อมเข้าร่วมประมูลในเดือนกันยายน 63

               นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการพลังงานทดแทนที่สปป.ลาว ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่กัมพูชาเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลภายในปีนี้ ขณะเดียวกันมีโอกาสที่จะพัฒนาโครงการโซลาร์รูฟท็อปที่อินโดนีเซีย 30-40MW บริษัทจะพยายามเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าให้ได้ตามแผนที่วางไว้ 400MW ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 289MW และจ่ายไฟเข้าระบบแล้ว 193MW

               จึงนับว่าเป็นหุ้นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่มีการเติบโตดี  และล่าสุด SSP  โชว์กำไร 2Q63 ที่ 207.7 ล้านบาท ครึ่งปีแรกกำไรแตะ 364 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เนื่องจากเป็นช่วง High season ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และเริ่มรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น โครงการ Yamaga ขนาด 30 MW ที่ COD ในวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา และการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนาม (40MW) และมองโกเลีย (15MW) รวมขนาด 55 MW ที่ COD ไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 62 และกรกฎาคม 62 ตามลำดับ

               โดยช่วง 2H63 จะได้แรงหนุนจากการรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ Yamaga 27MW เข้ามาเต็มในช่วงครึ่งปีหลัง และโครงการในญี่ปุ่น    กำลังการผลิต    ตามสัดส่วนรวม 60MW โครงการใน เวียดนาม 40MW และในอินโดนีเซีย 60MW จึงนับว่า 1-2 ปี บริษัทฯ
จะมีการเติบโตสูงมากตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่ง ณ ราคาปัจจุบัน 7.60 บาท มีการสร้างฐานราคาได้สักแถว 7.35-7.70 บาท ขณะที่เครื่องมือเทคนิคระยะสั้นเริ่มส่งสัญญาณบวก ฉะนั้นหากราคาลงมาแถวแนวรับหาจังหวะสะสม หรือจะรอซื้อ Breakout แนวต้านที่ 7.70 บาทไปได้จะเกิดสัญญาณกลับตัวขึ้นรอบใหม่ที่เป้าหมายแรก 8.10 บาท และถัดไป 8.50 บาท