HotNews : SUPER ส่งซิกโค้งแรกสุดแจ่ม ปีนี้กำลังการผลิตทะลุ 1,000 MW
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (22 มีนาคม 2562) นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SUPER) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในไตรมาสแรกปีนี้คาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่อง เพราะโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์ฟาร์ม) สหกรณ์การเกษตร เฟส 2 กำลังการผลิต 28 เมกะวัตต์ ได้ทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD ) ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งจะรับรู้รายได้เต็มที่ในไตรมาส 1/62 รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าขยะ จ.สระแก้ว กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ที่ COD ได้แล้ว เป็นปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติม ส่งผลปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 777.6 เมกะวัตต์
"ไตรมาสแรกจะเป็นช่วงที่ผลประกอบการดี เนื่องจากถือเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจ ขณะเดียวกันปรากฎว่าไตรมาสแรกนี้มีโครงการที่ COD เข้ามาเยอะ ทั้งโครงการสกรณ์การเกษตร เฟส 2 และโรงไฟฟ้าขยะที่ จ.สระแก้ว ส่วนไตรมาสที่เหลือยังเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้"
นายจอมทรัพย์ กล่าวต่อว่า SUPER ยังคงมองหาโอกาสในการขยายโรงไฟฟ้าขยะเพิ่มเติม ซึ่งเป็นไปตามแผนงาน ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะชุมชนที่ จ. พิจิตร กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 1,200 -1,300 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างภายใต้ บริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี 6 คาดว่าจะทยอย COD ในช่วงไตรมาส 3/2562 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะชุมชนอีก 3 โครงการที่จะทยอยดำเนินการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะชุมชนที่ จ. หนองคาย กำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ คาดจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 3 เช่นกัน
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะชุมชนที่ จ. นนทบุรีกำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ เริ่มก่อสร้างในปลายปี 2563 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะชุมชนที่ จ. เพชรบุรี กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ในปี 2563 เช่นเดียวกัน
การขยายการลงทุนไปสู่โรงไฟฟ้าขยะเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่มีอยู่ เนื่องจากเป็นโครงการที่สามารถดำเนินการผลิตและมสร้างรายได้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะเข้ามาเสริมกับรายได้ของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ อีกทั้งยังเป็นการกระจายสัดส่วนรายได้ จากรายได้หลักที่มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ 80 - 90 % ทั้งนี้ได้วางเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ให้อยู่ที่ 1,000 เมกะวัตต์ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ SUPER ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่จะช่วยสนับสนุนเพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ และสามารถที่จะสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทฯเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง รวมทั้งสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
นายจอมทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี2562 เติบโต 13-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5,874.30 ล้านบาท เป็นผลมาจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ,โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม รวมทั้งโครงการPrivate PPA ที่จะทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD ) ประมาณ 260 เมกะวัตต์ จะส่งผลให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าสิ้นปี 2562 อยู่ที่ 1,039 เมกะวัตต์ จาก 137 โครงการ จากปีก่อนที่มีมีกำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 777.6 เมกะวัตต์
นอกจากนี้บริษัทกำลังเจรจาเข้าซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้า 2-3 รายทั้งในประเทศไทย, เวียดนามและไต้หวัน เป็นโรงไฟฟ้าขนาดกำลังการผลิต 30 และ 50 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนในช่วงปลายไตรมาสที่ 3/2562
ส่วนการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้าซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) ซึ่งได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียบร้อยแล้ว โดยกองทุน SUPEREIF มูลค่าประมาณ 8,300 - 8,500 ล้านบาท คาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 โดยเงินที่ได้รับจากการจัดตั้งกองทุน ส่วนหนึ่งจะนำไปชำระหนี้ประมาณ 4,000 ล้านบาท และรองรับการขยายงานโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนามประมาณ 3,000 ล้านบาท และใช้เข้าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนดังกล่าวประมาณ 1,000 ล้านบาท
SUPER