Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : SUPER ยื่นไฟลิ่งกองอินฟราฯ แล้ว คาดต้นปี 62 เสนอขายหน่วยลงทุน

4,144

 สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (1 ตุลาคม  2561)

SUPER เดินหน้าตามแผน ยื่นไฟลิ่งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน “SUPEREIF” มูลค่า 8,500 – 9,000 ล้านบาทให้สำนักงานก.ล.ต.เรียบร้อยแล้ว คาดปลายเดือนม.ค.-ต้นก.พ.ปี 62 พร้อมเสนอขายหน่วยลงทุน ด้าน”จอมทรัพย์ โลจายะ”  แจงวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินชำระคืนหนี้ ลดต้นทุนทางการเงิน พร้อมรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต มั่นใจรายได้และธุรกิจเติบโตแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น

 

นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2561 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวง จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนได้ยื่นข้อมูลขอจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (Super Energy Power Plant Infrastructure Fund หรือ “SUPEREIF” ) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไปเรียบร้อยแล้ว โดยมีขนาดกองทุนมูลค่า 8,500 – 9,000 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถจัดตั้งกองทุนฯได้ภายในปลายเดือนมกราคม – ต้นกุมภาพันธ์ 2562

 


ทั้งนี้สินทรัพย์ที่จะขายเข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หรือ อินฟราฟันด์ จะมาจากสินทรัพย์ที่คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติก่อนหน้านี้ โดยให้บริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด (“17AYH”) และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (“HPM”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SUPER ทำรายการจำหน่ายสินทรัพย์ในโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 19 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 118 เมกะวัตต์ ให้กับกองทุนฯ รวมทั้งคณะกรรมการยังได้อนุมัติให้บริษัทฯทำธุรกรรมซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวได้ในสัดส่วน 15- 20%

 

 


ส่วนเงินที่ได้รับจากการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปชำระคืนหนี้ และรองรับการขยายงานทั้งในประเทศและต่างประเทศภายในอนาคต "การจัดตั้งกองทุนอินฟราฟันด์ที่ผ่านมาได้ทำงานกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อให้สามารถจัดตั้งกองทุนฯ และให้ยื่นไฟลิ่งได้ในช่วงต้นตุลาคมตามเป้าหมาย ส่วนกระบวนการทำงานคงจะสามารถจัดตั้งกองทุนฯและเสนอขายหน่วยลงทุนได้ในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งเป้าหมายหลักๆจะนำไปชำระหนี้เพื่อลดต้นทุนดอกเบี้ย และใช้ในการขยายการลงทุนในอนาคต ซึ่งเป็นผลดีต่อธุรกิจทำให้มีเงินทุนรองรับการเติบโตที่แข็งแกร่งมากขึ้น รวมทั้งคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคตได้อย่างแน่นอน" จอมทรัพย์กล่าว

 

นายจอมทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ครั้งที่ 7/2561 เมื่อ วันที่ 7 กันยายน 2561 ได้พิจารณาอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทําธุรกรรมการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ ยี (Super Energy Power Plant Infrastructure Fund หรือ “SUPEREIF”) นั้น  บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบว่า บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวง จํากัด ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนได้ยื่นคําขอ อนุมัติจัดตั้งกองทุน พร้อมกับร่างหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุน (“ร่างหนังสือชี้ชวน”) ของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (Super Energy Power Plant Infrastructure Fund หรือ SUPEREIF) ต่อสํานักงานคณะกรรมการกํากับ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“สํานักงาน ก.ล.ต.”)

 

 

 

แล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2561 โดยผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลของ SUPEREIF ได้จากร่างหนังสือชี้ชวนที่เปิดเผยบนเว็บไซต์ของสํานักงาน ก.ล.ต. อย่างไรก็ดี การบันทึกบัญชีของบริษัทฯ ในการเข้าทําธุรกรรมการจัดตั้งและการเข้าลงทุนในทรัพย์สินกิจการโครงสร้าง พื้นฐานโดย SUPEREIF (ธุรกรรมการโอนรายได้สุทธิ) ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาและหารือกับสํานักงาน ก.ล.ต.โดยรูปแบบการบันทึก บัญชีอาจมีลักษณะเป็น 1) แบบธุรกรรมการขายขาด (True Sale) โดยจะจําหน่ายทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องออกจากงบการเงินและรับรู้ กําไรจากรายการดังกล่าวภายหลังเข้าทํารายการเรียบร้อยแล้ว หรือ 2) บันทึกบัญชีเป็นแบบหนี้สิน โดยบริษัทฯจะบันทึกธุรกรรม ดังกล่าวเป็นหนี้สินด้วยจํานวนเงินไม่เกิน 9,000 ล้านบาท ซึ่งอ้างอิงจากมูลค่าเสนอขายสิทธิในรายได้สุทธิตามที่ได้เปิดเผยไว้ในร่าง หนังสือชี้ชวน โดยจากงบการเงินรวมของบริษัทฯ ณ 30 มิถุนายน 2561 (สิ้นไตรมาส 2 ปี 2561) บริษัทฯ มีอัตราหนี้สินรวมต่อส่วนของ ผู้ถือหุ้นรวม ประมาณ 2.21 เท่า

 

ทั้งนี้ หากสมมติว่าบริษัทฯบันทึกรายการธุรกรรมการโอนรายได้สุทธิเป็นหนี้สินไม่เกิน 9,000 ล้านบาท และสมมติว่าบริษัทฯ ได้นําเงินที่ได้จากการทําธุรกรรมดังกล่าวบางส่วนจ่ายคืนเงินกู้มูลค่าประมาณ 4,150 ล้านบาท1/ ซึ่งเป็นเงินกู้ยืม ที่เกี่ยวข้องกับโครงการโรงไฟฟ้าที่จะนํามาจัดตั้ง SUPEREIF ดังนั้น อัตราหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมเสมือน ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2561 ภายหลังจากการจัดตั้ง SUPEREIF จะเท่ากับ 2.02 เท่า2/ ทั้งนี้ มูลค่าของกองทุนเป็นมูลค่าประมาณเบื้องต้นซึ่งขึ้นอยู่กับอัตรา ผลตอบแทนและภาวะตลาด ณ ขณะนั้น



ในส่วนผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 2561 คาดว่าบริษัทมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง โดยทั้งปียังคงคาดว่าจะมีรายได้ 6,000 ล้านบาท รวมทั้งสามารถสร้างรายได้ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากการขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD)ในโครงการต่างๆ ทั้งโรงไฟฟ้าขยะ จ.สระแก้ว ขนาดกำลังการผลิต 9 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าสหกรณ์การเกษตร เฟส 2 ขนาดกำลังการผลิต 28 เมกะวัตต์ เป็นต้น ซึ่งจะเห็นความชัดเจนในช่วงปลายปีนี้ และจะทยอยรับรู้รายเต็มปีในปีหน้า ซึ่งจะผลักดันให้กระแสเงินสดมีความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังมีโครงการต่างๆในต่างประเทศที่จะเข้ามาสนับสนุนให้ผลประกอบการเติบโตเพิ่มเติมในอนาคตอีกด้วย

 

SUPER

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้