Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: ZIGAโค้งสุดท้ายออกโปรดักท์ใหม่ดันมาร์จิ้น เทพหุ้น เคาะเป้า 9 บ.

1,405

 

 



  HotNews:  ZIGAโค้งสุดท้ายออกโปรดักท์ใหม่ดันมาร์จิ้น
เทพหุ้น เคาะเป้า  9 บ. 


 

  สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(  15 กันยายน  2560 ) ---------ZIGA คาดผลงานครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีหลัง หลังเข้าไฮซีซั่น ทั้งปีรายได้เข้าเป้าไม่ต่ำกว่า 1 พันลบ.คาดอัตรากำไรขั้นปีนี้ไม่ต่ำกว่า30% กลับเข้าสู่ภาวะปกติ จากครึ่งปีแรกการส่งมอบงานชะลอ   แย้มเจรจาซื้อที่ดิน สร้างโรงงานใหม่ มูลค่าลงทุนรวม 350 ลบ. คาดสรุปสัปดาห์หน้า หวังเริ่มก่อสร้างโค้งสุดท้าย  -Q4 นี้เตรียมเปิดตัวโปรดักท์ใหม่ ดันมาร์จิ้น เทพหุ้น แนะซื้อเคาะเป้า  9 บ. 

นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA เปิดเผยว่าคาดผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก ที่มีรายได้อยู่ที่ 488 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 82 ล้านบาท  โดยในช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ เนื่องจากในช่วงดังกล่าวการลงทุนของภาครัฐในโครงการต่างๆออกมาค่อนข้างมากส่งผลให้ความต้องการใช้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับมีโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor (EEC)ที่รัฐบาลผลักดันให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทำให้ปริมาณการขายเหล็กของบริษัทเพิ่มขึ้นโดยมีตัวเลขที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 
นอกจากนี้บริษัทยังมีงานในมือ(Backlog)อยู่อีก 300 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นภายใต้แบรนด์ “DAIWA” 200 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้ได้ในปีนี้ราว 100 ล้านบาท และมีภายใต้แบรนด์ “ZIGA” อีก 100 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ดังกล่าวทั้งหมดได้ในเวลา 45 วัน
พร้อมกันนี้บริษัทยังคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น(Gross profit margin)ของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หรืออยู่ที่ระดับมากกว่า 20% หลังจากที่ช่วงครึ่งปีแรกลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 20% เนื่องจากในช่วงครึ่งมีแรกเข้าสู่ฤดูฝนที่รวดเร็วกว่าปีที่ผ่านมาส่งผลให้ผู้ใช้สินค้า และตัวแทนจำหน่ายชะลอสินค้า บริษัทจึงย้ายการจัดส่งสินค้าบางส่วนเข้ามาอยู่ในไตรมาสที่ 3/60  โดยบริษัทประเมินว่าอัตรากำไรขั้นต้น(Gross profit margin)ทั้งปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 30% 
นายศุภกิจ  กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจราซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างโรงงาน โดยคาดว่าจะเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินได้ในช่วงสัปดาห์หน้าและจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงไตรมาส 4/60 และแล้วเสร็จในปี61 ซึ่งในโครงการดังกล่าวบริษัทประเมินว่าจะใช้งบลงทุนรวมราว 350 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินและก่อสร้างโรงงาน รวมถึงจัดซื้อเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังการผลิต  โดยในเบื้องต้นบริษัทคาดว่าในปี 61 จะสามารถขยายกำลังการผลิตได้อีกอย่างน้อย 30%หรืออยู่ที่ 7.9หมื่นตัน/ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.5 หมื่นตัน/ปี 
ทั้งนี้บริษัทจะขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยประเมินว่าในปี62 จะอยู่ที่ 1.2 แสนตัน/ปีและในปี63 จะอยู่ที 1.6แสนตัน/ปี เพื่อรองรับขยายฐานลูกค้าที่บริษัทเตรียมออกสินค้าในไตรมาส4/60 ภายใต้แบรนด์ Super ZIGA  โดยสินค้าดังกล่าวจะเจาะกลุ่มลูกค้าในภาคใต้ 24จังหวัด เนื่องจากสินค้าดังกล่าวจะกันสนิมเป็นสินค้าที่เหมาะสำหรับในพื้นที่ใกล้ทะเล ซึ่งบริษัทประเมินว่าจะเป็นสินค้าทำเงินตัวใหม่ให้กับ ZIGA อย่างมีนัยสำคัญทั้งในด้านรายได้และกำไรขั้นต้นที่จะขยับสูงขึ้นในอนาคตอีกด้วย
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจรากับลูกค้าใหม่ เพื่อสัดส่วนรายได้จากภายใต้แบรนด์ “DAIWA” ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 5%ของรายได้รวม และหากเจรจราลูกค้าดังกล่าวได้สำเร็จจะทำให้ผลักดันรายได้ภายใต้แบรนด์ “DAIWA”ได้เป็นเท่าตัว
"ช่วงไตรมาส 4/2560 นี้ บริษัทฯเตรียมที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถทนการกัดกร่อนได้สูง โดยมีคุณสมบัติที่ทนต่อการกัดกร่อนจากน้ำทะเลได้เป็นอย่างดีในชื่อ Super ZIGA เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าในเขตพื้นที่ภาคใต้และ 23 จังหวัดติดชายทะเล ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่นี้สามารถนำไปทดแทนการใช้งานเหล็กโครงสร้างที่ทำจากสแตนเลสได้ในราคาที่ถูกกว่า ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าเมื่อมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างเป็นทางการแล้วจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมาย และสินค้าภายใต้แบรนด์ Super ZIGA จะเป็นสินค้าทำเงินตัวใหม่ให้กับ ZIGA อย่างมีนัยสำคัญทั้งในด้านรายได้และกำไรขั้นต้นที่จะขยับสูงขึ้นในอนาคตอีกด้วย" นายศุภกิจ  กล่าว 
นายศุภกิจ  กล่าวทิ้งท้ายว่าหลังจากที่บริษัทได้รับเงินสดจากการระดมทุนโดยการขายหุ้น IPO ทำให้ขณะนี้ ZIGA มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้ให้คุ้มค่าที่สุด โดยกำหนดเงินจำนวน 350 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินและก่อสร้างโรงงาน รวมถึงจัดซื้อเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังการผลิต เบื้องต้นคาดว่าในปี 2561 จะขยายกำลังการผลิตได้ประมาณ 30% ของกำลังการผลิต ณ 31 มีนาคม 2560 ซึ่งจะผลักดันให้ผลประกอบการของบริษัทฯขยายตัวตามไปด้วย
“ในช่วงสามปีที่ผ่านมาปริมาณการผลิตท่อเหล็กของ ZIGA เติบโตเฉลี่ย 45% ต่อปี  โดยในปี 2560 บริษัทฯมีกำลังการผลิตรวมที่ประมาณ 65,000 ตัน นอกจากการเติบโตตามการลงทุนของภาครัฐและเอกชนแล้ว สินค้าของบริษัทฯ ยังสามารถแชร์ส่วนแบ่งการตลาดจากท่อเหล็กดำเพิ่มขึ้นได้ ด้วยคุณสมบัติพิเศษในเรื่องของการประหยัดเวลาและต้นทุนในการนำไปใช้งาน ประกอบกับ ZIGA เป็นแบรนด์ ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า ดังนั้นจึงทำให้มั่นใจว่า "ซิก้า อินโนเวชั่น" มีศักยภาพการเติบโตได้อีกมากในอนาคต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซิก้า อินโนเวชั่น กล่าวในที่สุด
 

บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า จากงาน Opp. Day เช้านี้ เราสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้ 1) ผู้บริหารเน้นย้ำถึงสินค้าหลักของบริษัทคือท่อ Pre-Zinc ภายใต้แบรนด์ “Ziga” ซึ่งเป็นสินค้าทดแทนท่อดำทาสีและท่อดำชุบสังกะสี และช่วง 4Q60 มีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ “Super Ziga” ซึ่งเป็นสินค้าทดแทนท่อแสตนเลส ที่มีราคาต่ำกว่า 20-30% อีกทั้งมีระดับการป้องกันสนิมที่ดีกว่า Ziga ราว 10-30 เท่า (ดูรูปหน้า 2) โดยมีลูกค้าเป้าหมาย คือ ลูกค้าในเขตพื้นที่ภาคใต้และ 23 จังหวัดติดชายทะเล 2) ธุรกิจร้านค้าสำเร็จรูป หรือ I-retail จะเริ่มรับคำสั่งก่อสร้างร้านใหม่จำนวน 100 สาขาในปี 2561 (ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้า 2-3 ราย ) และ 3) เงินที่ได้จากระดมทุน IPO จำนวน 350 ล้านบาท จะถูกนำไปซื้อเครื่องจักรใหม่ รวมถึงซื้อที่ดินและก่อสร้างโรงงานใหม่ ซึ่งคาดจะแล้วเสร็จในสิ้นปี 2561 โดยจะมีผลทำให้กำลังผลิตจากปัจจุบันที่ 65,000 ตัน เพิ่มเป็น 79,000 ตันในปี 2561 และเป็น 120,000 ตันในปี 2562   
  ช่วง 3Q60-4Q60 คาดกำไรฟื้นตัวทั้ง YoY และ QoQ จากเลื่อนคำสั่งซื้อและออกสินค้าใหม่
ช่วง 2H60 คาด ZIGA มีผลดำเนินงานโตสดใสทั้ง HoH และ YoY เนื่องจากช่วง 3Q60 กำไรมีแนวโน้มโตทั้ง QoQ และ YoY จากดีมานด์เหล็ก Pre-Zinc ที่ขยายตัวดีหลังราคาเหล็กในประเทศสูงขึ้น บวกกับ มีคำสั่งซื้อจากลูกค้าที่เลื่อนมาจากช่วง 2Q60 หลังได้รับผลกระทบจากฤดูฝนที่มาเร็วกว่าคาด ส่วนช่วง 4Q60 คาดกำไรยังโตต่อเนื่อง QoQ หลังบริษัทมีแผนวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ Super Ziga ซึ่งคาดหนุนมาร์จิ้นช่วง 4Q60 ปรับตัวดีขึ้น (สินค้า Super Ziga คาดมีมาร์จิ้นที่ดีกว่าสินค้า Ziga ราว 20-50%) จึงทำให้เราคงคาดปี 2560 ZIGA จะมีกำไรสุทธิ 291 ล้านบาท โต 28.8%YoY และโตต่อเฉลี่ยปีละ 20.5%ในปี 61-62 จากแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐและการขยายกำลังผลิตต่อเนื่อง ตามประมาณการได้
คงแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐานปี 2561 ที่ 9.00 บาท
ด้วยจุดเด่นที่มีศักยภาพทำกำไรดีกว่าอุตสาหกรรมเหล็ก Down Stream บวกกับ มีแบรนด์ที่เข้มแข็งและรู้จักกันอย่างดีในอุตสาหกรรมผู้แทนจำหน่ายและในร้านค้า Modern Trade อีกทั้งราคาหุ้นมี Upside 25.9% หลังปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานปี 2561 ที่ 9.00 บาท อิง PER 14.2x เท่าเดิม(ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมเหล็กปลายน้ำที่มีมาร์จิ้นสูง) และคาดให้ Div. Yield ปีนี้ 3.9% จึงคงแนะนำ “ซื้อ” 

---จบ---
 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

Microsoft ลงทุนไทย By: แม่มดน้อย

ภาพรวมหุ้นไทยในภาคเช้าที่ผ่านมา แกว่งตัวซิกแซกขึ้น สงสัยตอบรับข่าวดี Microsoft ลงทุนไทย....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้