BANKING SECTOR
กำไร 4Q67 เพิ่ม y-y แต่ลด q-q
กำไร 4Q67 กลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 14.2% y-y แต่ลดลง 7.7% q-q
 กลุ่มธนาคาร 8 แห่งที่ทางฝ่ายทำการศึกษามีกำไร 4Q67 รวมกัน 57.6 พันลบ. เพิ่มขึ้น 14.2% y-y ถึงแม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของสินเชื่อ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง แต่การลดลงของการตั้งสำรองในหลายธนาคาร รวมไปถึงกำไรจากเครื่องมือทางการเงิน และการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียม ทำให้กำไรเพิ่มสูงขึ้น แต่กำไรลดลง 7.7% q-q เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเป็นหลัก ซึ่งเป็นปกติที่ไตรมาส 4 ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มสูงขึ้น

KKP เป็นธนาคารที่กำไรเติบโตสูงที่สุดทั้ง y-y และ q-q
 KKP เป็นธนาคารที่มีกำไร 4Q67 เติบโตโดดเด่นที่สุด โดยเติบโตถึง 110.9% y-y และ 7.7% q-q โดย y-y เพิ่มขึ้นจากการที่รายได้ดอกเบี้ย และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และการตั้งสำรองลดลงส่วน q-q เพิ่มขึ้นจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และมีค่าใช้จ่ายลดลง

สินเชื่อ 4Q67 เร่งตัวขึ้น แต่ทั้งปี 67 ยังหดตัว
 สินเชื่อของกลุ่มธนาคารใน 4Q67 เติบโต 1.24% q-q เป็นการเติบโตสูงที่สุดในรอบปี หลังจากหดตัวต่อเนื่องมา 2 ไตรมาสติดต่อกัน โดยส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เป็นหลัก อย่างไรก็ตามยังไม่เพียงพอที่จะทำให้สินเชื่อปี 67 ของกลุ่มกลับมาเติบโต โดยหดตัว 0.7% KTB นอกจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่แล้วยังได้ในส่วนของสินเชื่อภาครัฐด้วย ทำให้มีสินเชื่อเติบโตถึง 5.35 q-q และทำให้ทั้งปี 67 มีสินเชื่อเติบโต 4.7% เป็นธนาคารที่มีสินเชื่อเติบโตสูงที่สุดในปี 67

NPL มีทิศทางลดลง
 NPL ของกลุ่มธนาคารมีทิศทางลดลง โดยลดลงเหลือ 3.08% จาก 3.20% ในไตรมาสก่อน และมีเพียง BAY และ KKP เท่านั้นที่มี NPL เพิ่มสูงขึ้น และการเพิ่มขึ้นของ NPL ของทั้ง 2 ธนาคารนั้นส่วนใหญ่เกิดจากการหดตัวลงของสินเชื่อในขณะที่ปริมาณ NPL ลดลงหรือทรงตัวส่งผลให้สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมนั้นลดลง BBL และ KTB เป็นธนาคารที่มี NPL ลดลงมากที่สุด โดย BBL ลดลงจาก 3.40% เหลือเพียง 2.70% และ KTB ลดลงจาก 3.14% เหลือ 2.99% โดยน่าจะมาจากการปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่สำเร็จ

ปี 68 รายได้ดอกเบี้ยอาจเพิ่มไม่มาก แต่กำไรเพิ่มได้จากสำรองลดลง
ในปี 68 ถึงแม้ทางฝ่ายจะคาดว่าสินเชื่อของกลุ่มธนาคารจะเติบโตได้ ไม่หดตัวเหมือนปี 67 จากความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนภาครัฐ และจะทำให้ความต้องการสินเชื่อของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นด้วย แต่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงจะส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยไม่เพิ่มขึ้นมากนัก และอาจจะหดตัวลงในบางธนาคาร แต่คาดว่ากำไรของกลุ่มธนาคารจะเติบโตได้ โดยคาดว่าปี 68 กลุ่มธนาคารจะมีกำไรรวมกัน 2.56 แสนลบ. เพิ่มขึ้น 5% y-y โดยการตั้งสำรองที่ลดลงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คาดว่ากำไรของกลุ่มจะเพิ่มสูงขึ้น

เลือก BBL เป็น Top pick ของกลุ่ม
เราเปลี่ยนไปเลือก BBL (ราคาพื้นฐาน 169 บาท) เป็น Top pick ของกลุ่มแทนที่ KTB เนื่องจากมองว่า BBL มีความเชี่ยวชาญสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งน่าจะเป็นสินเชื่อหลักที่ขยายตัวในปีนี้ นอกจากนี้ BBL ยังมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นจากการลด NPL ลงได้มากใน 4Q67 และทำให้สัดส่วนสำรองต่อ NPL ที่สูงที่สุดในกลุ่มอยู่แล้ว สูงมากขึ้นอีก ในขณะที่ KTB ก็ยังมีความน่าสนใจลงทุนอยู่จากการได้