Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส : KKP แนะนำถือ ราคาพื้นฐาน 59 บาท

181

 

 

---ไม่ต้องรีบลงทุน…การฟื้นตัวต้องใช้เวลา---


กำไรสุทธิของ KKP ในไตรมาส 4/2567 อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท (+110% y/y; +7.7% q/q) สูงกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ จากการตั้งสำรอง ECL ที่ต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ ส่วนรายได้ non-NII ที่สูงกว่าคาดการณ์ถูกชดเชยด้วยค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่สูงกว่าคาด สำหรับกำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 5.0 พันล้านบาท (-8.4% y/y) โดยถูกกดดันจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ที่ลดลง รายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง และ OPEX ที่สูงขึ้นการเพิ่มขึ้น y/y มาจาก ECL ที่ลดลงและ non-NII ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งประกอบด้วย (i) รายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น (ii) ขาดทุนจากการขายรถยึดลดลง และ (iii) มีกำไรจากตีมูลค่ายุติธรรมเงินลงทุนในไตรมาส 4/2567 (เมื่อเทียบกับขาดทุนในไตรมาส 4/2566) ส่วนการเพิ่มขึ้น q/q มาจาก non-NII ที่สูงขึ้นจาก (i) รายได้ค่าธรรมเนียมสูงขึ้น (ii) ขาดทุนจากการขายรถยึดที่ลดลง และ (iii) กำไรจากเครื่องมือทางการเงิน FVTPL ที่เพิ่มขึ้น

 


กำไรก่อนการตั้งสำรอง (PPOP) ในไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท (+13.6% y/y; +18.2% q/q) สำหรับ PPOP ทั้งปี 67 อยู่ที่ 10.2 พันล้านบาท (-20.7% y/y) โดยถูกกดดันจาก NII และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง รวมถึงค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูงขึ้น

 


สินเชื่อสิ้นไตรมาส 4/67 หดตัว -1.3% q/q, -7.8% y/y โดยสินเชื่อรายย่อย (69% ของสินเชื่อรวม) ลดลง -6.6% y/y นำโดยสินเชื่อเช่าซื้อที่หดตัว ส่วนสินเชื่อรายใหญ่ (14%) ลดลง -10.3% y/y และสินเชื่อ SME (15%) ลด -5.0% y/y

 


ขาดทุนจากการขายรถยึดลดลง แต่ยังอยู่ในระดับสูง KKP บันทึกขาดทุนจากการขายรถยึดที่ 1.1 พันล้านบาทในไตรมาส 4/2567 (เทียบกับ 1.2 พันล้านบาทในไตรมาส 3/2567)

 


NPL ratio เพิ่มขึ้นจากพอร์ตสินเชื่อหดตัว ขณะที่ Coverage Ratio ลดลง สิ้นไตรมาส 4/67 NPL ratio เพิ่มขึ้นเป็น 4.2% เทียบกับ 4.1% ณ สิ้นไตรมาส 3/67 และ 3.2% ณ สิ้นไตรมาส 4/66 โดยหลักมาจากการหดตัวของพอร์ตสินเชื่อ ขณะที่ยอด NPL ขยับขึ้นเล็กน้อย +0.3% q/q อยู่ที่ 15.5 พันล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 4/67 ธนาคารตั้งสำรอง ECL 914 ล้านบาท (-36.0% y/y; +34.1% q/q) ในไตรมาส 4/67 และมี Coverage Ratio ลดลงเป็น 134% ณ สิ้นไตรมาส 4/67 เทียบกับ 136% ณ สิ้นไตรมาส 3/67 และ 165% ณ สิ้นไตรมาส 4/66

 

ผู้บริหารคาดว่าสินเชื่อมีโอกาสหดตัวต่อในปี 2568 (โดยตั้งเป้าหมายสินเชื่อทรงตัว) ทั้งนี้ธนาคารเน้นการบริหารคุณภาพมากกว่าการเติบโต ด้านสเปรดคาดว่าจะทรงตัวที่ 4.8% หรือขยับขึ้นเป็น 4.9% จากต้นทุนการเงินที่ลดลงจากการขยายเงินฝากออมทรัพย์ สำหรับ NPL ratio ในปี 68 คาดไว้ที่ 4.1-4.3% ใกล้เคียงกับสิ้นปี 67 ที่ 4.2% ด้าน Credit cost (ที่รวมผลขาดทุนจากการขายรถยึด) ยังคงสูงที่ 220-240bps เทียบกับปี 67 ที่ 230bps

 


ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 68-69 ขึ้น +16%/+17% สะท้อนสมมติฐานสินเชื่อที่หดตัวน้อยกว่าคาดการณ์เดิม, NIM ดีขึ้นกว่าเดิม และ Credit cost ต่ำกว่าเดิมส่งผลให้กำไรสุทธิปี 68 เติบโต +3.9% และปี 69 ขยายตัว 27.2%

 

คงคำแนะนำถือ ให้ราคาพื้นฐาน 59 บาท อิงกับ P/BV ปีนี้ที่ 0.75 เท่า (Mean-1SD) ทั้งนี้เชื่อว่าธนาคารผ่านจุดที่คุณภาพสินทรัพย์แย่ที่สุดมาแล้ว แต่การฟื้นตัวต้องใช้เวลา


นักวิเคราะห์ : ธนินี สถิรเรืองชัย : thaninees@th.dbs.com : Tel. 02 857 7837

 


 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้