Market Wrap-Up
- SET วันที่ 7 พ.ย.67 ปิด +2.30 จุด อยู่ที่ 1,469.72 จุด มูลค่าการซื้อขาย 55,536 ลบ.ต่างชาติขาย 1,744 ลบ. พอร์โบรกซื้อ 423 ลบ. สถาบันซื้อ 1,184 ลบ. รายย่อยซื้อ 136 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 142 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น ADVANC,CCET,SCB,IVL,KBANK และยอดขายในหุ้น BH,BDMS,CPALL,ITC,CPN มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,781 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ THG,STECON,GLOBAL โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 20,221 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 109,851 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 10,489 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.00%, S&P500 +0.74%, Nasdaq +1.5 ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสื่อสาร +1.92%, เทคโนโลยี +1.83% หลังเฟดมีมติเอกฉันท์ลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 4.50 – 4.75% ส่วนข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 3,000 ราย อยู่ที่ 221,000 ต่ำกว่าคาดที่ 227,000 ราย ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.62% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี & ยานยนต์ +2.2% , ทรัพยากรพื้นฐาน +3.9%
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ S&P500, Nasdaq ปิดทำจุดสูงสุดใหม่ ตอบรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ ที่จะปรับลดภาษีนิติบุคคลจาก 21% ลงเหลือ 15% กอปรลดกฏระเบียบ, ข้อจำกัดในภาคการเงิน กอปรได้ปัจจัยหนุนหลังเฟดมีมติเอกฉันท์ลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 4.5% - 4.75% โดยเงินเฟ้อสหรัฐกำลังปรับลงสู่เป้าหมายที่ 2%, ภาวะเศรษฐกิจเติบโตดี , อัตราว่างงานยังอยู่ระดับต่ำ และค่าจ้างแรงงานได้ผ่อนคลายลง ส่วนระยะสั้นนโยบายการเงินยังไม่ได้รับผลกระทบจากผลการเลือกตั้ง ดังนั้น CME Fed Watch ชี้โอกาส 67.8% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมวันที่ 18 ธ.ค. นี้ ส่วนค่ำวันนี้ติดตาม ม.มิชิแกนรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เบื้องต้น พ.ย. คาด 71.0 & ต.ค. 70.5 และความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลังการประชุม FOMC
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี, ยานยนต์ และทรัพยากรพื้นฐาน ขณะที่ BOE อังกฤษมีมติ 8 – 1 ลดดอกเบี้ยลง 0.25% อยู่ที่ 4.75% ตามคาดการณ์ ขณะที่งบประมาณอังกฤษปีหน้าที่จะเพิ่มการเก็บภาษี, เพิ่มการใช้จ่าย & กู้ยืม คาดจะช่วยหนุน GDP ปีหน้าได้ราว +0.75% แต่มีเสี่ยงที่เงินเฟ้ออังกฤษอาจสูงขึ้น
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +2.57% หลังตัวเลขส่งออกจีน ต.ค. +12.7% & ก.ย. 2.4% YoY , นำเข้าจีน ต.ค. -2.3% & ก.ย. 0.3% YoY ส่งผลให้มียอดเกินดุลการค้า ต.ค. 9.52 หมื่น ล.ดอลลาร์ สูงกว่าคาดที่ 7.35 หมื่น ล.ดอลลาร์ กอปรกับนักลงทุนคาด NPC ของจีนกำลังพิจารณาออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
- ดัชนี SET วานนี้ +0.16% ปริมาณการซื้อขาย 5.5 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 1,744 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 423 ลบ. สถาบันซื้อ 1,184 ลบ. และรายย่อยซื้อ 136 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ นำโดย CCET +22.8% หลัง MSCI นำหุ้นเข้าคำนวณในดัชนี Small Cap Index ในการรีบาลานท์ พ.ย. กอปรเม็ดเงินยังเลือกเข้าลงทุนในกลุ่มไอซีที . โรงไฟฟ้าที่คาดจะได้ประโยชน์จากเทรนด์ธุรกิจ Data Center, Cloud Services, AI ขณะที่ Fund Flow ต่างชาติในกลุ่ม TIP วานนี้ขายสุทธิ -220 ล.ดอลลาร์ จากความภาวะสงครามการค้าสหรัฐ – จีน ในปีหน้ามีแนวโน้มรุนแรงขึ้น กอปรกับ Dollar Index และ US Bond Yield มีแนวโน้มผันผวนสูง ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอการลงทุน ส่วนรายงานงบ Q3/67 วานนี้ กลุ่ม รพ. BH มีกำไร 1.95 พัน ลบ. ตำกว่าคาดที่ 2.17 พัน ลบ. ทรงตัว YoY เป็นผลจากรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ -6.8% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากคนไข้ชาวคูเวตที่ลดลง ขณะที่ บจ.ที่รายงานกำไรเติบได้ดี YoY, QoQ เช่น SC, AAI, SUN, AIT
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,450 – 1,460 แนวต้าน 1,480 คาดได้ปัจจัยหนุนจากคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ยอีกครั้งใน ธ.ค. ส่งผลให้แรงกดดันจาก Dollar Index , US Bond Yield ลดลง กอปรกับรอประเมิน ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีนรอบใหม่ แนะนำทยอยซื้อ AMATA,WHA,ROJNA คาดได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต/ ITEL, INSET ได้ประโยชน์จากงานก่อสร้าง Data Center / KBANK, SCB, KTB รัฐบาลเตรียมออก ม.ช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยในกลุ่มสินเชื่อรถยนต์, ที่อาศัย
- IVL* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 25.50 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 3Q67 จะออกมาดีกว่าตัวอื่นในกลุ่มปิโตรเคมีเนื่องจากไม่มีรายการด้อยค่าสินทรัพย์กดดันเหมือนไตรมาสก่อน ขณะที่กำไรปกติมีแรงหนุนจากปริมาณขายและ spread ที่ทยอยฟื้นตัว บวกกับค่าใช้จ่ายหลังปรับโครงสร้างธุรกิจลดลง ส่วน 4Q67 น่าจะประคองตัวได้แม้เป็น low season ด้วยผลจากการลดต้นทุน และในปี 68 ถึงจะเผชิญกับภาวะอุสาหกรรมที่ oversupply แต่น่าจะกลับมากำไรได้เพราะผ่านช่วง asset optimization ไปแล้ว ทั้งนี้ตลาดประเมินปี 67 ขาดทุนสุทธิ 71 หมื่นล้านบาท และปี 68 พลิกมีกำไรสุทธิ 1.09 หมื่นล้านบาท
- CPAXT* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 37.19 บาท) กำไรสุทธิ 3Q67 อยู่ที่ 1,952 ลบ. (+16%YoY, -10%QoQ) ใกล้เคียงกับ BB consensus ที่ 1,899 ลบ.(+3%) แม้จะมีปัจจัยกดดันจากรายการพิเศษ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการควบบริษัทและ Fx Loss ราว -458 ลบ. แต่การดำเนินงานหลักยังเป็นบวกดีYoY โดยเฉพาะยอดขายอาหารสด และ Omni Channel ด้าน 4Q67 ช่วงถัดไป คาดว่าจะ +QoQ ตามฤดูกาล +YoY ต่อเนื่องมีแรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวและมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศของภาครัฐฯ ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ CPAXT* จะอยู่ที่ระดับ 10,416 ลบ.(+21%YoY) และ 12,037 ลบ.(+16%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ธ.ค. +$0.67 อยู่ที่ $72.36 / บาร์เรล, Brent ม.ค. +$0.71 อยู่ที่ $75.63/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากเฟดลดดอกเบี้ย 0.25% จะช่วยหนุนภาวะเศรษฐกิจ กอปรพายุเฮอริเคนราฟาเอลเข้าเขตกัลฟ์โคสต์สหรัฐ
Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$29.50 อยู่ที่ $2,705.80 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.55% อยู่ที่ 104.512 หลังเฟดลดดอกเบี้ยลง 0.25%
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -220.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -50.84 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -102.79 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -66.45 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 34.08 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.348 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +24 จุด อยู่ที่ 1,451
(+) BitCoinเช้านี้ +1.10% อยู่ที่ 76,231 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
04 พ.ย. สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ
อัพเดตสถานการณ์ลงทุน
06 พ.ย. ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.)
สัปดาห์ที2 กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า
สภาผู้ส่งออก แถลงสถานการณ์การส่งออก
หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ต่างประเทศ
05 พ.ย. US การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( ต.ค.)
06 พ.ย. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
06 พ.ย. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
07 พ.ย. US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( ต.ค.)
US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio November 2024: CPALL, WHA, SAV, SYNEX*, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th